รู้จักการร้อยไหม สำหรับมือใหม่ ที่อยากมีหน้าเรียวกระชับ

การร้อยไหม คือการทำการศัลยกรรมความงามรูปแบบหนึ่งโดยไม่มีการผ่าตัดค่ะ การร้อยไหมเป็นการทำให้ใบหน้าที่หย่อนคล้อยยกกระชับ หรือปรับรูปหน้าให้เป็น V-Shape ในปัจจุบันมีไหมมากมายหลายชนิด จนไม่รู้ว่าจะเลือกไหมชนิดไหนดี ทำแล้วถึงจะออกมาเรียวสมใจ วันนี้ชวนสาว ๆ Wongnai Beauty มาหาคำตอบกันค่ะ

ไหมแบ่งตามวัสดุที่ใช้ได้ 2 ชนิด

1. ไหมละลาย : ไหมชนิดนี้ถูกใช้ในทางการแพทย์มาเป็นระยะเวลานาน เช่น การเย็บแผล เมื่อถูกใส่เข้าไปในร่างกาย จะใช้ระยะเวลาหนึ่งในการสลายตัวไป มีลักษณะคล้ายเส้นด้ายเท่านั้นเองค่ะ ต่อมาได้ถูกพัฒนามาใช้กับการร้อยไหมบนใบหน้า จึงได้พัฒนาให้เส้นใหญ่ขึ้น คล้ายเส้นเอ็น และมีเงี่ยงเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้ยึดเกาะได้ดีขึ้น ไหมถูกพัฒนาและมีชื่อเรียกมากมาย เช่น ไหมเงี่ยงกุหลาบ, ไหมล็อก, ไหมก้างปลา, ไหม PDO, ไหม Mint เป็นต้น
ระยะเวลาในการพักฟื้น : 3 - 7 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

2. ไหมไม่ละลาย : ไหมชนิดนี้ทำจากวัสดุหลายประเภท เช่น ไนลอน, ทองคำ, ยางซิลิโคน เป็นต้น วัสดุที่นิยมเลือกใช้คือไหมที่ทำจากยางซิลิโคน ซึ่งเป็นวัสดุเดียวกับการเสริมซิลิโคนจมูก หรือหน้าอก เพราะสามารถอยู่ในร่างกายได้อย่างปลอดภัย และสามารถยกกระชับได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่คนไข้ต้องการ และไม่ต้องมีรอยแผลเป็นผ่าตัด และราคาไม่แพงเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับวัสดุอื่น ๆ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก ๆ หรือมีอายุมาก แต่ไหมชนิดนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานหน่อยนะคะ หลังทำใหม่ ๆ บางคนอาจจะเกิดรอยบุ๋มที่ใบหน้าหรือมีอาการบวมประมาณ 1 สัปดาห์
ระยะเวลาในการพักฟื้น : 7 วัน - 1 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

ทำไมร้อยไหมจึงไม่เห็นผล

การร้อยไหมที่ไม่เห็นผลนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการเลือกชนิดไหม ไหมบางชนิดอย่าง PDO มีลักษณะเส้นเล็กคล้ายเส้นด้าย ลองนึกภาพตามนะคะ แค่เส้นด้ายเล็ก ๆ แรงที่ใช้ยึดเกาะน้อยมาก จะสามารถดึงใบหน้าของเราให้กระชับขึ้นได้อย่างไรกันคะ ต่างจากไหมที่มีลักษณะคล้ายเส้นเอ็น ไหมประเภทนี้มีขนาดใหญ่กว่าแบบเส้นด้าย ทำให้มีแรงดึงที่มากกว่า และหากยิ่งมีเงี่ยงด้วยแล้ว จะยิ่งเพิ่มแรงยึดให้กับผิวด้วยค่ะ

เลือกการร้อยไหมให้เหมาะกับช่วงอายุ

- อายุ 25 - 40 : วัยนี้เป็นวัยทำงาน ปัญหาผิวหย่อนคล้อยยังมีไม่มาก ส่วนมากต้องการให้ใบหน้าเรียว สวยได้รูป และเป็นวัยที่ต้องออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากกว่าในบ้าน ควรเลือกไหมชนิดละลาย เพราะพักฟื้นน้อย โดยเฉพาะไหม Mint เพราะเป็นไหมเส้นใหญ่ และมีเงี่ยงค่อนข้างมาก คล้ายขาตั๊กแตนหรือขาแมลงสาบเลยค่ะ ทำให้เมื่อร้อยเข้าไปสามารถยกกระชับผิวได้ดีและมีแรงยึดมาก

- อายุ 40 - 60 : วัยนี้เป็นวัยที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากอย่างเห็นได้ชัด และเป็นวัยที่มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น แนะนำเป็นไหมไม่ละลาย เพราะมีเวลาพักฟื้น ไหมชนิดนี้จะอยู่กับเราตลอด คล้ายซิลิโคนเสริมจมูก ไหมที่มีขนาดใหญ่ ทำให้มีแรงยึดผิวค่อนข้างมากและมีแรงดึงผิวให้กระชับขึ้น เหมาะกับคนอายุเยอะและมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก

พอเข้าใจหลักการร้อยไหมกันบ้างหรือยังคะสาว ๆ โดยข้อมูลที่เป็นประโยชน์เหล่านี้ ต้องขอขอบคุณ S Mart Clinic ที่มาไขข้อข้องใจให้ชาววงในบิวตี้ และสาว ๆ คนไหนที่อยากปรับรูปหน้าเรียวเป็น V Shape แต่ยังไม่รู้จะเลือกไหมอะไร คุณหมอเขาแนะนำให้เลือกไหม Mint ในการร้อยไหมค่ะ ไหมชนิดนี้นำเข้าจากต่างประเทศ มีลักษณะคล้ายเส้นเอ็น มีเงี่ยงจำนวนมาก คล้ายขาตั๊กแตนหรือขาแมลงสาบ สามารถอยู่กับเราได้ 2-5 ปี ซึ่งคุณหมอที่นี่เป็นถึงอาจารย์หมอเลยนะคะ ดังนั้นเรื่องประสบการณ์และความรู้ในการทำ จึงเป็นที่ยอมรับของคนไข้เพราะพึงพอใจและมั่นใจในผลลัพท์ที่ได้ค่ะ

เทคนิคเฉพาะของ S Mart Clinic : คุณหมอมีเทคนิคในการทำที่ต่างจากที่อื่นตรงที่ ในการร้อยไหมจะมีการเจาะรูที่หนังศีรษะ แล้วร้อยไหมเข้าไป ทั้งนี้ก็เพื่อให้เส้นไหมมีตัวยึด เหมือนเวลาที่เราปีนเขา เราต้องหาจุดที่ยึด แล้วจึงดึงตัวเองขึ้นไป การร้อยไหมก็คล้ายกันค่ะ เส้นไหมต้องมีที่ยึด เพื่อที่จะได้สามารถดึงกล้ามเนื้อของเราขึ้นไปให้กระชับขึ้น

สำหรับใครที่สนใจอยากหน้าเรียวเป็น V Shape หรือมีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อย สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ก่อนนะคะ คลินิกอยู่ในโครงการ Festival Walk เกษตรนวมินทร์ หรือจะโทรจองคิวนัดล่วงหน้าก่อนก็ได้ค่ะ