ถ้าสังเกตดี ๆ ในปัจจุบัน เพื่อน ๆ จะพบว่าพี่น้องชาวมุสลิมได้หลั่งไหลเข้ามาใช้ชีวิตและท่องเที่ยวในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเขาก็มีข้อจำกัดด้านการกินคือ สามารถกินอาหารที่ได้การรับรองมาตรฐาน “ฮาลาล” เท่านั้น วันนี้แพรจึงขอเสนอทางเลือกใหม่ที่ “AYA Japanese Halal Restaurant” ร้านอาหารญี่ปุ่นสูตรต้นตำหรับ มาตรฐานฮาลาล จะตอบโจทย์เพื่อน ๆ ชาวมุสลิมกันแค่ไหน ไปชมกันค่ะ!
เริ่มตั้งแต่ชื่อ AYA ที่ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “สวยงาม” และในภาษาอาหรับแปลว่า “วลีในคัมภีร์อัลกุรอาน” และทางร้านจะคัดสรรเฉพาะวัตถุดิบฮาลาลส่งตรงมาจากหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ เกาหลี และญี่ปุ่น เพราะจริง ๆ แล้วส่วนผสมของอาหารญี่ปุ่นหลายอย่างก็ไม่ได้มาตรฐานฮาลาล เช่น โชยุกับมิรินที่มีแอลกอฮอลล์ หรือเนื้อสัตว์ที่ต้องมีกรรมวิธีเชือดอย่างถูกต้อง แถมเขายังมีห้องละหมาดไว้รองรับชาวมุสลิม ไม่ว่าจะเข้ามากินเวลาไหนก็หมดต้องกังวลเรื่องการละหมาดไปได้เลยค่ะ เลิศจริงอะไรจริง!
ตั้งแต่ก้าวเข้าไปในร้าน แพรก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เป็นกันเอง จากการตกแต่งร้านด้วยสีโทนเทา น้ำตาล เพิ่มความโดดเด่นและกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นด้วยสีแดงเลือดหมู โดยที่เพื่อน ๆ สามารถเลือกที่นั่งได้ตามสบายทั้งหน้าบาร์ โซฟา หรือถ้ามากันเยอะ ๆ เขาก็มีชั้น 2 เปิดบริการเป็นห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ ที่รับรองได้ถึง 50 คน! แถมเมนูอาหารของร้าน “AYA Japanese Halal Restaurant” ก็เน้นความหลากหลายทั้งครัวร้อนและเย็น สำหรับใครที่ไม่ถนัดกินปลาดิบก็ไม่ต้องกังวล เรียกได้ว่าใส่ใจลูกค้าแบบครบวงจรจริง ๆ ค่ะ
วันนี้ขอเปิดตัวแบบอลังการกับเมนู “Sashimi Set B” (600 บาท) ที่เน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบ และการตกแต่งจานที่ประณีตสวยงาม โดยสามารถลิ้มรสได้ทั้ง Hamachi(ปลาฮามาจิ), Maguro(ปลาทูน่า), Salmon(ปลาแซลมอน), Kani(ปูอัด), และ Tamago(ไข่หวาน) ซึ่งไข่หวานปกติจะใส่มิรินที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แต่ทางร้านใช้มิรินฮาลาล เพื่อน ๆ ชาวมุสลิมจึงกินได้อย่างสบายใจแน่นอนค่ะ
ขอต่อกันด้วยเมนูที่ร้านภูมิใจเสนอสุด ๆ อย่าง “Chicken Katsu Karei Rice” (180 บาท) หรือข้าวแกงกะหรี่ไก่ทอด ที่ไก่กรอบเวอร์ แต่ความพีกมันอยู่ที่น้ำแกงกะหรี่ค่ะ เพราะเขาทำเองตั้งแต่ขั้นตอนแรก เริ่มจากผัดผงกะหรี่ ปรุงเครื่องเทศ ใช้น้ำสต๊อกไก่เคี่ยวจนเข้มข้น ซึ่งไม่มีการใช้แกงกะหรี่ก้อนแน่นอน เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของมันหมู เรียกได้ว่ารักษามาตรฐานฮาลาลเอาไว้อย่างเหนียวแน่นสุด ๆ แล้วถ้าใครอยากห่อไข่เพิ่มความฟิน ก็จ่ายอีกแค่ 20 บาทเท่านั้นค่ะ!
มาเอาใจสาวกปลาดิบกันต่อในเมนู “Chirashi Don” (400 บาท) กับข้าวซูชิญี่ปุ่นแท้ ๆ ท็อปปิงด้วยวัตถุดิบถึง 9 ชนิด! ทั้ง Hamachi(ปลาฮามาจิ), Maguro(ปลาทูน่า), Hotate(หอยเชลล์), Salmon(ปลาแซลมอน), Ebi(กุ้งอิบิ), Tamago(ไข่หวาน), Kani(ปูอัด), Ikura(ไข่ปลาแซลมอน), Tako(ปลาหมึกยักษ์) พูดเลยว่าข้าวหมดแต่ปลายังเหลือ กินชามเดียวฟินกันไปสามวัน เจ็ดวันเลยค่ะ
ตัดสลับกลับมาที่เมนูร้อน สำหรับคนไม่ถนัดกินปลาดิบกันบ้าง กับเมนู “Miso Ramen Chicken” (160 บาท) โดดเด่นที่น้ำซุปมิโสะ ซึ่งใช้น้ำสต๊อกไก่เคี่ยวนานถึง 3 ชั่วโมง! แล้วใต้น้ำซุปเขายังใส่ซอสงาบดช่วยเพิ่มความหอม เข้มข้นถึงใจสุด ๆ ส่วนเส้นราเมงเขาก็เป็นแบบฮาลาล เหนียวนุ่มเวอร์ ทีเด็ดอีกอย่างคือเครื่องแบบมหากาพย์ ทั้งไก่ชาชูนุ่ม ๆ ไข่ต้มราเมงแบบยางมะตูม ต้นหอมญี่ปุ่นกับเห็ดออรินจิผัดน้ำมันงา ปิดท้ายด้วยหน่อไม้ญี่ปุ่นดอง แครอท และสาหร่าย อ้อ! เวลากินอย่าลืมคลุก ๆ ให้ซอสงาข้างล่างกระจายทั่ว บอกเลยว่านัวสุด ๆ แพรขอคอนเฟิร์มค่ะ
อีกเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ “Rainbow Roll” (350 บาท) ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากความหลากหลายของปลาบนโรลนั่นเองค่ะ ทั้ง Hamachi(ปลาฮามาจิ), Maguro(ปลาทูน่า), Toro Salmon(ท้องปลาแซลมอน), และ Salmon(ปลาแซลมอน) ส่วนด้านในมีแตงกวา ครีมชีส และไข่หวาน ด้านบนท็อปด้วยสลัดปูอัดไข่กุ้ง ราดซอสสไปซี่กับเทริยากิเพิ่มรสชาติ สุดท้ายโรยแป้งเทมปุระเพิ่มเท็กเจอร์กรุบกรอบ กินพร้อมกันคือลงตัวมากเวอร์ ฟินจนอ้าปากทีแทบจะมีสายรุ้งออกมาจริง ๆ ค่ะ
สุดท้ายขอลาไปกับเมนูที่ทำให้นึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่นทุกทีอย่าง “Hambagu Don” (200 บาท) หรือข้าวหน้าเนื้อแฮมเบิร์กนั่นเองค่ะ กับเนื้อวัวบดที่เอามาผสมกับหอมใหญ่เพิ่มความหวาน นำไปทอดจนสุกหอม วางท็อปบนข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ ที่ราดซอสเทริยากิจนชุ่มฉ่ำ ปิดท้ายด้วยการราดซอสกระเทียมสูตรเด็ดของร้านลงบนเนื้อ แพรพูดเลยว่าหอมกระเทียมมากกก กอไก่แปดล้านตัว อยากให้ลองไปโดน รับรองว่าฟินกันถ้วนหน้าค่ะ
ถ้าใครอยากจะมาลองพิสูจน์ความฟินของอาหารญี่ปุ่นแบบฮาลาล ที่ “AYA Japanese Halal Restaurant” ก็เดินทางมาไม่ยาก แค่นั่ง BTS ลงสถานีสนามกีฬา เดินทะลุมาบุญครองมาจะเจอกับซอยจุฬา 12 (ซอยหลังมาบุญครอง) สามารถเดินหรือนั่งวินต่อเข้ามาก็ได้ค่ะ ตรงเข้ามาเรื่อย ๆ ก็จะเจอร้านทางอยู่ซ้ายมือติดถนน หรือถ้าใครขับรถมาก็มีที่จอดในโครงการสวนหลวงสแควร์ฟรี 2 ชั่วโมง เพียงนำบัตรจอดรถมาสแตมป์ที่ร้าน
ในส่วนของโปรโมชันเพื่อน ๆ สามารถติดตามได้ที่ Facebook, Line, และ IG @ayahararu และติดต่อทั้งสามช่องทางนี้ เพื่อสำรองที่นั่งและสั่งอาหารล่วงหน้าได้เลยค่ะ สำหรับวันนี้แพรขอลาไปก่อน สวัสดีค่า ~