#วงในบอกมา
- “Barracuda” คือ ชื่อปลาในแถบมหาสมุทรเขตร้อนชื้น ซึ่งในประเทศไทยพบปลาชนิดนี้อยู่มาก ร้านจึงสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของอาหารทะเล บรรยากาศ และการผ่อนคลาย ณ สถานที่แห่งนี้
- “Barracuda” ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของโรมแรม เป็นบาร์ดาดฟ้าที่คุณจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ทั่วกรุงฯ เต็มอิ่ม
- เสิร์ฟอาหารเมดิเตอร์เรเนียนสารพัดอย่าง คุณภาพสดใหม่ที่บาร์ดาดฟ้า Barracuda การันตี!
อารามนึกครึ้ม อยากหาที่กรึ่ม ๆ นั่งชิลชมวิวสักหน่อย เลยถือโอกาสขับรถลัดเลาะไปตามเส้นศรีอยุธยา เลี้ยวซ้ายเข้าโรงแรม Akara อาคารสูงใหญ่ ตั้งตระหง่านติดริมถนน มีบริการ Valet Parking ให้เสร็จสรรพ มองนาฬิกาบนข้อมืออีกที เข็มชั่วโมงชี้เข้าใกล้ 6 โมงเย็น เป็นเวลาเดียวกับที่บาร์ชั้นดาดฟ้าเปิดประตูต้อนรับ เหมาะเจาะ!
เดินผ่านสระว่ายน้ำของชั้น 17 ไปไม่ทันไร ก็เจอเข้ากับบันได้ทางขึ้น เชื่อมต่อไปยัง Barracuda Rooftop Bar ชั้น 18 เราและพ้องเพื่อนแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมจิตใจที่เบิกบาน หลังเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน การได้ยืนชมพระอาทิตย์ตกดิน ยื่นหน้าให้ลมเย็น ๆ ปะทะ ดื่มด่ำบรรยากาศกรุงเทพฯ ยามเย็น แล้วไหนจะเครื่องดื่มพาสดชื่นทั้งหลายตรงหน้าอีก ชาร์จแบตได้ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!
ระหว่างนั่งรอกับแกล้มและเครื่องดื่มอยู่นั้น เสียงเพลงจากดีเจหนุ่มด้านหลังก็ดังขึ้น เขาอยู่ในชุดลายดอกพร้อมกางเกงเรียบ ๆ สีดำ ดูมุ่งมั่นและมี Passion กับงานตรงหน้า ช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินลมชมวิวเป็นทวีคูณ และแน่นอนว่าเราไม่อยู่เฉย ไหน ๆ ได้โอกาสทั้งที ก็ขอสอดส่ายสายตาให้ทั่วสักหน่อย บริเวณที่นั่งสำหรับลูกค้ามีให้เลือกจับจองหลากหลาย ทั้งโซฟา เบาะนุ่ม เก้าอี้จักสาน เก้าอี้สูง หรือหลุมนั่ง เหมาะแก่การนั่งจับเข่าแลกเปลี่ยนบทสนทนาเป็นที่สุด … น่านั่งไปเสียทุกมุมเลยเชียว ชักเลือกไม่ถูกแล้วล่ะ
หลังตัดสินใจหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ วางกระเป๋าลงบนโต๊ะโปรดเรียบร้อย กับแกล้มจานแรกก็ร่อนลงโต๊ะโดยไม่ต้องรอนาน “COLD CUT SKEWER” (250 บาท) เสียบมาในไม้คล้ายบาร์บีคิวอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งประกอบด้วยแฮมดองเค็มสารพัดแบบ นำมาสไลซ์บางจนได้ชิ้นสวย อีกทั้งยังมีแตงกวาดอง และไฮไลต์แปลกตาอย่าง Cornichon Sorbet หรือแตงกวาดองปั่นแช่แข็ง มาให้อีกด้วย แต่หากใครอยากหนักท้องก็มีขนมปังก้อนวางเคียงมา น้ำลายสอทีเดียวล่ะ
มุมที่เราเลือกในวันนี้ สามารถเห็นวิวกรุงเทพฯ ได้ชัดเจนสุดลูกหูลูกตา แสงสีจากตึกรามบ้านช่อง รวมไปถึงรถลาบนท้องถนนตัดสลับกันไปมา ดูวุ่นวาย ทว่าสวยงาม เป็นความแตกต่างที่ลงตัวอย่างน่าเหลือเชือ พอดีกับที่ “ARANCINI AL NERO DI SEPPIA” (250 บาท) ถูกเสิร์ฟลงตรงหน้า เชฟของร้าน “Barracuda” อธิบายว่า จานนี้ทำมาจากข้าวที่หุงด้วยไวน์และดีหมึก หรือที่เรียกกันว่า Risotto ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย นำไปปั้นจนได้ลูกกลมเกลี้ยง ตามด้วยชุบไข่ แป้ง และเกล็ดขนมปัง จากนั้นก็พร้อมลงทอด เสิร์ฟคู่กับซอสพริกมายองเนส กัดเข้าไปคำแรกเท่านั้น กลิ่นทะเลอบอวลหอมฟุ้งไปทั่วปาก!
“CALAMARES A LA ANDALNZA” (200 บาท) ปลาหมึกชุบแป้งทอดกรอบ เคล็ดลับของจานอยู่ที่การแช่ปลาหมึกลงไปในน้ำนมเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ช่วยให้เนื้อปลาหมึกนุ่ม ไม่แข็ง กินคู่กับเครื่องดื่มผลไม้รสเปรี้ยวหวานก็ไม่เลวทีเดียว จะเป็นเครื่องดื่มสีส้ม ภายในมีเมล็ดทับทิมอยู่ด้วย หรือจะเป็นโซดามะนาวหอมสดชื่นก็ย่อมได้ทั้งนั้น จิบนิด กัดหน่อย จับคู่เข้ากันได้ลงตัว เหมาะแก่ร้านอาหารวิวดีแบบนี้จริง ๆ!
คนรักทะเลต้องฟินต่อเนื่อง! เพราะ “SEAFOOD MIXED GRILLED HERB CRUSTED” (350 บาท) เสิร์ฟมาในกระทะร้อน ๆ เรียบร้อยแล้วจ้า สำหรับจานนี้บอกได้เลยว่าคุ้มเกินคุ้ม ทางร้านคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีปริมาณจุใจ ทั้งกุ้งแม่น้ำ ฮอกไกโดสแคลลอป หอยลาย ปลาแซลมอน ปลาหมึก ปูนิ่ม ทั้งหมดถูกนำไปจี่ในกระทะจนสุกกำลังกิน มาพร้อมกับผักย่างและซอสสารพัดอย่าง เครื่องเคียงแน่นอย่าบอกใคร!
ตามมาติด ๆ กับ “TUNA TATAKI” (250 บาท) ทูน่าสไลซ์บาง จี่บนกระทะให้ด้านนอกสุก ด้านในสด เสิร์ฟคู่กับหอมสไลซ์บางและซอสญี่ปุ่น รสชาติกลมกล่อม สดชื่นจากกลิ่นหอมสด อีกทั้งยังทำให้จาน ๆ นี้หวานฉ่ำโดยธรรมชาติ แถมมีความซ่านิด ๆ ช่วยตัดกลิ่นคาวออกไปจนสิ้นซาก และอีกจานที่คล้ายคลึงกัน คือ “BEEF TATAKI” (250 บาท) เสิร์ฟมาในลักษณะเดียวกัน ทว่าเปลี่ยนเป็นเนื้อวัวที่ปรุงมาแบบ Medium Rare จิบกับเครื่องดื่มเข้าไปด้วยแล้วล่ะก็ เลอค่า!
และมาถึงอีกหนึ่งไฮไลต์ที่สายชีสห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง “TABLE DE QUESOS” (250 บาท) ชีสหลากหลายชนิดเรียงรายอยู่บนถาดไม้สีอ่อน ไม่ว่าจะเป็น Brie, Gorgonzola, Parmigiano Reggiano, Bocconcini Cheese พร้อมทั้งขนมปังกรอบ ผลไม้ตากแห้ง องุ่น และถั่ว ดูเรียบง่ายไร้ความซับซ้อน แต่กลับเป็นกับแกล้มชั้นเลิศที่ปฏิเสธไม่ลงจริง ๆ
ซึ่งนอกจากจานดังกล่าวแล้ว ทางร้านยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น “PLA TALAY” (250 บาท) พล่าทะเลรสจัดจ้านสไตล์ไทย ๆ หรือ “NOKKE SUSHI” (300 บาท) ซูชิหน้าปลาดิบ เสิร์ฟมาคล้ายข้าวด้งคุณภาพเลิศตามสไตล์ญี่ปุ่น และอีกเพียบ! บอกเลยว่า จบครบในที่เดียว
ใครที่กำลังลังเลอยู่ล่ะก็ ไม่ต้องเสียเวลาคิดเสียให้ยาก เพราะ “Barracuda” ร้านบาร์ดาดฟ้าแห่งนี้มีพร้อมสรรพทั้งกับแกล้มรสเลิศ เครื่องดื่มสุดวิเศษ เพลงเพราะ ๆ เพิ่มอรรถรส และวิวงดงามดั่งเมืองเทพสร้าง! รอคุณอยู่แล้ว ณ โรงแรม Akara ชั้น 18 นั่นเอง~
การเดินทาง
“Barracuda” ตั้งอยู่บนชั้นที่ 18 ของ Rooftop Bar โรงแรม Akara ถนนศรีอยุธยา ใกล้ ๆ โรงพยาบาลพญาไท 1 เลี้ยวโค้งปุ๊บเจอปั๊บ รับรองหาง่าย แถมที่จอดก็มีให้สบาย ๆ