#วงในบอกมา
- “BRITANNICA Brasserie” ร้านอาหาร Casual Fine Dining ที่เสิร์ฟอาหารคุณภาพเทียบเท่า Fine Dining ในราคาที่คุณเข้าถึงได้ ซึ่งคุณสามารถกินได้ทั้งมื้อเช้า กลางวัน และเย็น รวมถึงเป็น New Brunch Destination ที่จะปลุกให้ทุกเช้าของคุณสดชื่นตลอดวัน
- คุณนัชชา เหตระกูล หรือคุณส้ม เจ้าของร้าน นำ Tweezer อุปกรณ์จัดจานของเชฟมาเป็นกิมมิก สำหรับแบ่งปันเพื่อน และสร้างสีสันบนโต๊ะอาหาร
- ร้านนำเสนอเมนู Brunch เป็นเมนูล่าสุด ห้ามพลาด “Bacon & Maple Pancake” จานแนะนำที่เจ้าของร้านภูมิใจ เนื่องจากใช้เวลาคิดค้นสูตรร่วมกับเชฟเป็นเวลานาน
ประหนึ่งนั่งกินอาหารในร้านอาหารเช้าสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ ใจกลางกรุงลอนดอน ทว่าเปล่าเลย! เรากำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารสุดสวยใจกลางกรุงเทพฯ กับร้าน “BRITANNICA Brasserie” ณ Gaysorn Village ร้านที่ไม่ได้มีดีแค่ความสวย ที่นี่คุณจะได้ดื่มด่ำกับอาหารที่มาจาก Passion และความใส่ใจที่มีต่อลูกค้าอย่างแท้จริง เป็น New Brunch Destination ที่ร้านใส่ใจทุกขั้นตอน ให้ทุกเช้าของคุณสดใสตลอดวัน นอกจากนี้ อาหารแบบ BRITANNICA ยังเป็นอาหารที่มีความ Casual Fine Dining ลดทอนความหรูหรา ความซับซ้อน และกำแพงการเข้าถึงของ Fine Dining ออกทั้งหมด แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพ และการคิดทุกอย่างเพื่อลูกค้า ที่นี่ คุณจะแต่งตัวแบบไหน กินอะไร ปริมาณเท่าไหร่ หรือเวลาไหน ก็ย่อมได้ ว่าแล้วก็มาทำความรู้จักกับ Casual Fine Dining ในแบบฉบับที่คุณต้องตกหลุมรักกันเถอะ!
สำหรับร้าน “BRITANNICA Brasserie” คุณนัชชา เหตระกูล หรือคุณส้ม เจ้าของร้านเล่าว่า ร้านได้แรงบันดาลใจมาจาก Encyclopedia หรือสารานุกรมเล่มแรกของโลก อย่าง “BRITANNICA” ซึ่งเมื่อเป็นเรื่องของอาหารแล้วนั้น ก็เปรียบได้ว่า เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปท่องยังโลกของอาหารผ่านจานต่าง ๆ ของร้าน โดยไม่ต้องบินไปไหนไกล นับเป็นคอนเซปต์ที่น่าหลงใหลไม่น้อย ส่วนการออกแบบร้านนั้นผ่านการคราฟต์มาอย่างประณีต กว่าจะปูกระเบื้องแต่ละชิ้น วางโครงสร้างโค้งมนแต่ละจุด รวมถึงเลือกโทนสีทั้งเหลืองทองแบบทราย สีดำเรียบหรู และแดงซ่อนเปรี้ยว ทั้งหมดล้วนผ่านการไตร่ตรองอย่างใส่ใจ
ระหว่างนั่งรออาหารอยู่นั้น คุณส้มเล่าว่า “ช้อน ส้อม มีด เราสั่งทำพิเศษ เพราะเป็นสิ่งที่มีผลต่อการรับรสของอาหาร ซึ่งเราให้ความสำคัญกับมันมาก ๆ เพราะมันคือ Passion ดี ๆ ที่อยากส่งต่อประสบการณ์ในการกินที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า แน่นอนว่ารวมไปถึงวัตถุดิบในอาหารทุกจานก็ต้องดีที่สุดเช่นกัน”
“BRITANNICA Breakfast” (400 บาท) ชุดอาหารเช้าจัดเต็ม มีไข่ดาวเยิ้ม ๆ 2 ใบ วางเด่นตรงกลางจาน เคียงด้วยไส้กรอกสดรมควันย่าง และเบคอนโฮมเมด เห็ด มันฝรั่งอบชีส และมะเขือเทศย่าง ขนมปังซาวร์โดว์ย่าง มาพร้อมกิมมิกเล็ก ๆ เอกลักษณ์เฉพาะตัว ชีสแมนเชโกทรัฟเฟิล ไฮไลต์ของจานที่ทะยานความฟินถึงขีดสุด!
ต่อด้วย “Omelette” (360 บาท) เมนูไข่ที่อุดมด้วยชีสพิเศษถึง 5 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น “Comté Cheese” ที่ใช้เวลาหมักนาน 48 เดือน “Parmigiano Cheese” จากอิตาลีที่บ่มกว่า 24 เดือน “Gruyère Cheese” ชีสจากสวิสเซอร์แลนด์ “Manchego Cheese” จากสเปน และ “Taleggio Cheese” จากอิตาลี ซึ่งเมนูนี้ทางร้านรังสรรค์ให้มีความฉ่ำด้านใน เมื่อผ่ากลางออกด้านในจะไหลเยิ้มเป็นลาวา ส่วนด้านล่างจะมีขนมปังบริยอชโฮมเมด ก่อนกินแนะนำให้ราดซอสสูตรพิเศษ ซึ่งเมื่อกินรวมกันแล้วลงตัวสุด ๆ
มาถึงจานเอาใจคนรักสุขภาพกันบ้าง “Cured Salmon Salad” (420 บาท) มีแซลมอนหมักเบอร์เบิร์นและบีทรูทพิวเร่ จนได้สีชมพูสวย กินคู่กับน้ำซีซาร์สลัด และโรยด้วยชีสพาร์มิซานอีกสักหน่อย ดีงามไม่แพ้จานไหน ๆ คุณส้มเสริมต่อว่า “ทุกเมนูในร้านของเรา คือความตั้งใจ มันมาจากความรักในการกินของเรา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงพิเศษ” และ "Breakfast Salad" (450 บาท) เสิร์ฟมาน่ากินสุด ๆ มีทั้ง Burrata Cheese และ Iberica Ham เป็นตัวชูโรง และยังคงมีแซลมอนสีชมพูสวยเช่นเคย ปิดท้ายด้วยน้ำสลัดบัลซามิคที่บ่มเป็นเวลานานกว่า 12 ปี กลมกล่อมเข้ากัน
จานถัดมา นับเป็นจานแนะนำที่คุณส้มชื่นชอบเป็นพิเศษ เธอชอบกินแพนเค้กเป็นชีวิตจิตใจ แต่ยังไม่เจอที่ไหนถูกใจเสียที จึงช่วยกันพัฒนาสูตรในแบบฉบับของ “BRITANNICA Brasserie” ขึ้นมา กลายเป็นเมนู “Bacon & Maple Pancake” (360 บาท) นั่นเอง สำหรับจานนี้ แพนเค้กหอม ๆ ให้เนื้อสัมผัสพอดิบพอดี ไม่แห้งร่วน แต่นุ่มฟู ทุกชั้นอัดแน่นด้วยเบคอนโฮมเมด และ Gruyère Cheese สไลซ์ เมื่อเจอเมเปิลซีรัปฉ่ำ ๆ เข้าไปอีกหน่อย เพอร์เฟกต์!
ตามมาด้วย “Duck & Waffle” (450 บาท) เมนูที่ดูง่ายแต่ไม่ง่ายเอาเสียเลย เพราะกว่าจะได้น่องเป็ดติดสะโพกทอดที่พอดีแบบนี้ ต้องผ่านขั้นตอนหลายอย่าง ตั้งแต่การเลือกน่องเป็ดติดสะโพกคุณภาพดีเท่านั้น ไปจนถึงการหมักน่องเป็ดติดสะโพกพร้อมเครื่องเทศสูตรพิเศษ และต้องตุ๋นนานกว่า 48 ชั่วโมง แล้วจึงนำมาทอดในน้ำมันเพื่อดึงรสชาติความฟินสูงสุดออกมา กินคู่กับวาฟเฟิลกรอบนอกนุ่มในที่คุณส้มและเชฟผู้เชี่ยวชาญบรรจงคิดค้น ราดด้วยเมเปิลซีรัปสูตรเฉพาะ หนังเป็ดกรอบ ส่วนเนื้อด้านในกลับนุ่มฉุ่มฉ่ำถูกใจ ยิ่งกินไปพร้อม ๆ กัน ยิ่งลงตัว
“Mussels & Fries Tomato Arrabiata” (690 บาท) หอยแมลงภู่เนื้อหวานนำเข้าจากฝรั่งเศส ผัดกับซอสแดงอาราเบียต้าสูตรพิเศษ เสิร์ฟคู่กับเฟรนช์ฟรายส์ ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเลือกสั่งซอสได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นซอสไวน์ขาว หรือครีมซอสก็ย่อมได้ทั้งนั้น
ตบท้ายวันนี้ด้วยของหวานอย่าง “French Toast Brulee” (350 บาท) ที่กล้าพูดได้ว่าไม่มีที่ไหนแล้วนอกจาก “BRITANNICA Brasserie” เท่านั้น ด้านนอกเป็นเครมบรูเลกรอบ ๆ ส่วนเฟรนช์โทสกลับนุ่มและด้านในฉ่ำคล้ายสอดไส้อะไรบางอย่าง เมื่อกินคู่กับไอศกรีมซอร์เบต์ช็อกโกแลต Valrhona ทำเองของทางร้าน รับรองฟินขั้นสุด
อิ่มหนำกับของหวาน พลางนั่งฟังกิมมิกและรายละเอียดของร้านไปด้วย เพลิดเพลินอย่าบอกใคร คุณส้มแย้มอีกว่า “เราอยากให้ทุกคนที่มากินที่ร้าน รู้สึกสนุกสนานกับการแบ่งปันอาหาร เราเลยมี Tweezer ให้คนละอัน ทว่าคราวนี้เพื่อน ๆ ก็สามารถคีบอาหารให้กันและกันได้โดยสะดวก” อยากชวนเพื่อนไปเล่นเลยแหละ
ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มสุดสดชื่น ม็อกเทลเสาวรสที่มีรสชาติทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม แถมยังมีเสาวรสสดทั้งลูกให้อีกต่างหาก ทางร้านเสิร์ฟเสาวรสเกล็ดน้ำแข็ง โซดา และเสาวรสสดแยกกันมา ให้เพื่อน ๆ ได้ผสมเพื่อความสนุกสนาน ห้ามพลาดสั่งเลยล่ะ "PASSION xoxo" (240 บาท)
ตั้งแต่เข้าร้านมาจนถึงตอนนี้ ขอยืนยันอีกเสียงเลยว่า เจ้าของร้านใส่ใจทุกรายละเอียดจริง ๆ ตั้งแต่ออกแบบพิมพ์โลโก้บนจานชามในสไตล์ของตัวเอง เช่นเดียวกับพื้นกระเบื้องที่เรียงด้วยมือชิ้นต่อชิ้น หรือของตกแต่งที่สั่งซื้อพิเศษจากซานฟรานซิสโกอย่าง Book Lamp ของ Lumio ไว้เรียก “Open for Champagne” รวมไปจนถึงรูปปั้นหมู Iberico หมูที่ทางร้านเลือกทำเป็นแฮมไว้เสิร์ฟลูกค้าทุกคน และแน่นอนว่า วัตถุดิบที่เป็นหัวใจหลักของการทำร้านอาหาร คุณส้มคัดสรรเองกับมือ เป็นการทำลายช่องว่างของการกิน ให้เส้นทางของมื้ออาหารสบาย ๆ ตามใจคนกิน บรรจบกับเส้นทางของ Fine Dining พอดิบพอดี
การเดินทาง
“BRITANNICA Brasserie” Brunch Lunch Dinner ในสไตล์ New Brunch Destination และ Casual Fine Dining แห่งนี้ ตั้งอยู่ในตึก Gaysorn Tower ชั้น 1 สามารถเดินทางโดย BTS และเลือกลงสถานีชิดลมได้เลย เดินต่อผ่านทางเชื่อมอีกไม่ไกลก็ถึงร้าน อยากกินอาหารนานาชาติโดยที่ไม่ต้องตีตั๋วเครื่องบินแพง ๆ มาที่นี่สิ!
ส้มชอบไฟน์ไดนิ่ง แต่รู้สึกว่าทำไมมีกำแพงสูงจัง ทำไมต้องกินตอนเย็น ทำไมต้องกินเป็นคอร์สเมนูใหญ่ ๆ ทำไมเราชอบอาหารคอร์สที่สามอย่างเดียวไม่ได้ แต่ความไฟน์ไดนิ่งมีเรื่องของความใส่ใจพิถีพิถัน เราคิดเผื่อลูกค้าว่าถ้าต้องการคุณภาพแบบนี้แต่มากินได้ทั้งวันได้ไหม นี่คือคอนเซปต์ของร้านนี้ เราอยากลดความหรูหราลง ให้คนมานั่งกินได้ เราลดกำแพงที่คนอ่านเมนูแล้วไม่รู้ว่าคืออะไร เราเลยทำ Casual Fine Dining และ New Brunch Destination ที่พิถีพิถันแต่ราคาเป็นไปได้จริง กินคาเวียร์ได้ กินแชมเปญได้ ให้คนมากินแล้วกลับมากินได้อีก ไม่ใช่แค่โอกาสพิเศษ โอกาสพิเศษควรมีได้ทุกวัน
