เมื่อศุกร์ที่แล้วเรานัดกับเพื่อนสาวมากินข้าวก่อนที่นางจะบินไปอังกฤษค่ะ ธีมอาหารที่นางเลือกคืออาหารอิตาเลียน โห...โจทย์นางยากมาก เดี๋ยวนี้จะหาร้านที่มีรสชาติแบบต้นตำรับแล้วราคาสบายกระเป๋า มันเหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทรเลยจ้าาา แต่ๆๆ โชคยังเข้าข้าง บังเอิญพี่ที่รู้จักมีร้านดีๆ ร้านนึงอยู่ในซอยศรีบำเพ็ญ พี่แกทำงานแถวนั้นแล้วไปฝากท้องร้านนี้บ่อยมาก ร้านนั้นก็คือ "Cafe Bacino"

"Cafe Bacino" เป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่สอดแทรกความจี๊ดจ๊าดเล็กๆ เจ้าชู้เรียบๆ มีที่มาจากคำว่า Bacino แปลว่าส่งจูบบ๊ายบายนั่นเอง ด้วยความที่คุณป๋องเจ้าของร้านสุดเฟี้ยว! ได้ใช้ทุนไปศึกษาดูงานที่อิตาลีมาระยะหนึ่งจึงซึมซับความเป็นอิตาเลียนมาเต็มที่ บวกกับความที่ชอบทำอาหารด้วย ดังนั้นแล้วอาหารที่ทางร้านเสิร์ฟจะเป็นรสชาติอิตาเลียนแท้ๆ ไม่มีการปรับรสชาติให้เข้ากับคนไทยค่ะ เป็นอาหารพื้นบ้านเรียบง่าย ใครที่เคยไปทานที่อิตาลี รับรองเลยว่ารสชาติของทางร้านกับที่อิตาลีคือแบบเดียวกัน


ใครมานั่งทำงานเวิร์คมากค่ะ เพราะทางร้านเปิดเพลงคลาสสิกสบายหูมาก
คุณป๋องบอกว่ารสชาติอาหารทั้งหมด ต้องการความเรียบง่าย รสชาติไม่ไทย ไม่ฟิวชั่น tradition ล้วนๆ ค่ะ แค่ฟังก็อยากแล้วค่ะ ไม่ต้องไปไกลถึงอิตาลีก็ได้ทานรสชาติแบบต้นตำรับ ฟินมาก! เริ่มต้นแบบชิคๆ ด้วย “Marocchino” (90.-) เบสด้านล่างเป็นช็อกโกแลต ตามด้วยเอสเพรสโซ่หนึ่งชอท ท็อปด้วยโฟมนม (ไม่ผสมนมข้นหวานนะคะ ใช้นมสดล้วนๆ เลย) รสชาติจะคล้ายๆ กับมอคค่า หวานขมกำลังดี ตามต่อด้วย “Iced Cappuccino” (90.-) ความแตกต่างจากร้านอื่นๆ คือทางร้านใช้วิธีเชคให้เกิดฟองค่ะ เวลาเสิร์ฟเราจะเห็นโฟมนุ่มๆ ด้านบน เวลาดื่มจะรู้สึกนุ่มละมุนมาก


พวกเราสั่งเมนูมาเรื่อยๆ ตามเสียงของกระเพาะ 555 “Crab salad” (450.-) แค่เสิร์ฟก็น่าตื่นเต้นแล้ว เป็นเมนูที่รับหน้าฝนมาก เพราะชุ่มฉ่ำให้ความสดชื่นทานง่ายค่ะ วัตถุดิบหลักๆ ของจานนี้คือมะเขือเทศ, เนื้อปูสด, เดรสซิงเลมอน, อะโวคาโด, ซอสเพสโต้, และผักสลัด ดีงามเว่อร์วัง เรียบง่ายแต่จี๊ดจ๊าดค่ะ ส่วนใครที่ชอบทานอาหารเช้าแนะนำเป็น “Egg benedict with parma ham” (300.-) เป็นเมนูเด็ดของร้านเลยค่ะ โดยเฉพาะขนมปังโฮมเมด โดนใจมากๆ ยิ่งทานคู่กับไข่เบเนดิกต์ พาร์มาแฮม ราดด้วยซอสโฮมเมดรสชาติออกหวานไม่เค็มโดด เสิร์ฟมาทานตอนร้อนๆ เวิร์ก!


“Spaghetti al Cacio Pepe” (270.-) เมนูนี้เป็นเมนูพื้นเมืองของอิตาลีค่ะ มันจะมีจุดเด่นที่ Pecorino romano cheese cream ครีมชีสพื้นเมืองในโรม มีกลิ่นฉุนและเข้มข้นมากๆ และใส่ fava bean หรือ ถั่วปากอ้านั่นเอง ปรุงรสเล็กน้อยและทำการคลุกเคล้าระหว่างซอสและเส้น ซอสเคลือบเส้น ไม่ได้เอาเอาซอสมาราดแบบที่เราเคยเห็น (เมนูนี้จะไม่มีเนื้อสัตว์ค่ะ) เปิดประสบการณ์มากๆ เป็นรสชาติที่ไม่เคยลองที่ไหนจริงๆ ต้องมาลองค่ะ


“Mix Cold Cuts” (550.-) ประกอบไปด้วย Parma Ham, Mortadella, Salami, Spicy Salame, Coppa เสิร์ฟพร้อมกับ sun-dried tomato, ขนมปังนำเข้าจากเบลเยี่ยมและผักเครื่องเคียง ได้ทั้งปริมาณ, คุณภาพและความอิ่มท้อง ส่วนใครที่ชอบทานแกะจัดไปกับ “Bacino Lamb” (750.-) แกะจากออสเตรเลียที่ผ่านการหมักและกระบวนการการทำอย่างดีวางบน Mashed Potato โรยด้วยเกล็ดขนมปังสีแดง เสิร์ฟพร้อมกับซอสไวน์แดง และผักเครื่องเคียง บอกเลยว่าทานเนื้อแกะแบบไม่มีซอสก็เด็ดค่ะ


ตามต่อมาติดๆ แบบไม่พักเบรกด้วยขนมหวานค่า~ เริ่มด้วย“Chocolate Fondant”(140.-) สั่งเพราะความชอบส่วนตัวล้วนๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังที่สั่งมาเลย พอทานแล้วจะรู้ทันทีว่าช็อกโกแลตเปอร์เซ็นต์สูงมาก ขมนำหวานตาม เลิฟสุดๆ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลาและวิปครีม อีกเมนูที่สาวกช็อกโกแลตควรสั่งค่ะ “Bacino Choc Cake” (140.-) ซอฟต์เค้กรสช็อกโกแลต ความดีงามของมันคือเนื้อครีมช็อกโกแลตที่สุดจะเข้มข้นติดปลายลิ้น เพิ่มความนุ่มนวลด้วยวิปครีมและเทกเจอร์นิดๆ ของอัลมอนด์ ตัดรสหวานขมด้วยรสเปรี้ยวของบลูเบอร์รี


ตอนแรกว่าจะพอ แต่เค้กชิ้นนี้สีสะดุดตา อยากรู้ว่าด้านในจะเป็นไง อดไม่ได้ขอต่ออีกชิ้นล่ะกัน “Violet Velvet” (160.-) ด้านนอกจะเป็นปุยๆ สีม่วงให้ความรู้สึกนุ่ม พอเราผ่ามันออกก็เลิฟมาก! ด้านในเรียงชั้นสวยงาม มีเนื้อเค้ก, เจลลี่สตรอว์เบอร์รี, คัสตาร์ดเค้ก ส่วนด้านนอกสงสัยมากว่าคืออะไรทำไมมันนวลๆ เข้ากับชั้นเค้กด้านในเว่อร์ๆ พอถามคุณกิ๊กเจ้าของร้านอีกท่านเลยรู้ว่ามันคือเนื้อเค้กที่เอาไปปั่นนั่นเอง ชอบมากจนขอซื้อกลับบ้านไปชิ้นนึงเลยค่ะ


การเดินทาง
เข้าซอยงามดูพลีจากถนนพระราม 4 จนถึงซอยแยกทางซ้ายจะมีเซเว่นอยู่ปากซอยค่ะ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยมาประมาณ 100 เมตร ร้านอยู่ทางขวา ใกล้ๆ กับโรงแรม ibis (จอดรถที่โรงแรมเสียค่าจอดนะคะ)




เชิญมาดื่มด่ำความเรียบง่ายของรสชาติอิตาเลี่ยนขนานแท้ ไม่รสชาติแบบไทย ไม่ฟิวชั่น tradition ล้วนๆ ที่ร้าน "Cafe Bacino" บรรยากาศอบอุ่นแฝงไปด้วยเสน่ห์และความเจ้าชู้เล็กๆ

