สาวคนไหนที่ต้องขับรถยนต์อยู่เป็นประจำ ต้องเคยสังเกตหน้าปัดรถยนต์กันบ้างแหละ พูดเลยว่ามีสัญลักษณ์เยอะแยะเต็มไปหมด ยากจะเข้าใจใช่มั้ยล่ะคะ บางสัญลักษณ์ขึ้นหน้าปัดกะพริบเตือนแล้ว แต่ก็เอ๊ะ ยังขับต่อได้ ทำเอาสาว ๆ อย่างเราละเลยไป ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าสัญลักษณ์บนหน้าปัดรถยนต์ที่ขึ้นเตือนเนี่ยสำคัญมากค่ะ เพราะเป็นการเตือนให้เห็นถึงระบบปัญหาเครื่องยนต์ของเรา วันนี้ Wongnai Beauty รวบรวมสัญลักษณ์บนหน้าปัดรถยนต์มาให้ดูกัน เรียนรู้ไว้ ปลอดภัย ได้ประโยชน์แน่นอนค่ะ
สัญลักษณ์เตือนตามสี ต้องรู้!
เริ่มจากสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัดรถยนต์ตามสีก่อนเลยค่ะ หลายคนที่ใช้รถเป็นประจำต้องเคยเห็นกันอยู่แน่นอน ซึ่งแต่ละสีก็จะมีความหมายเฉพาะตัว มาดูกันดีกว่าว่าแต่ละสีหมายถึงอะไร และมีความรุนแรงแค่ไหน!
- สีเขียว : อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่
- สีน้ำเงิน : อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่ โดยเราเป็นคนควบคุมเอง ไม่ใช่ค่าตั้งต้นจากโรงงาน
- สีเหลือง : การตรวจให้ตรวจสอบ แต่ยังสามารถใช้งานได้อยู่ อาจจะต้องรีบไปตรวจเช็กภายหลัง
- สีแดง : ให้รีบตรวจสอบโดยทันที หรือหยุดใช้งานทันทีเพื่อความปลอดภัย
64 สัญลักษณ์บนหน้าปัดรถยนต์ รู้ไว้ ปลอดภัยชัวร์
1. ไฟตัดหมอกด้านหน้า : ช่วยปรับทัศนวิสัยการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น เปิดตอนมีหมอกควันเยอะ หรือฝนตกหนักก็ได้
2. ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ (มีการทำงานผิดพลาด) : เกิดความผิดปกติของระบบพวงมาลัย ทำให้บังคับทิศทางลำบาก
3. ไฟตัดหมอกด้านหลัง : ใช้ตัดหมอกด้านหลัง ต้องระวังรถคันหลังที่ขับตามมาด้วย
4. ระดับน้ำล้างกระจกอยู่ในระดับต่ำ : ควรเติมน้ำผสมกับน้ำยาทำความสะอาดกระจกลงไปเล็กน้อย จะช่วยทำความสะอาดได้ดีกว่าน้ำสะอาด
5. ผ้าเบรกมีปัญหา : อาจจะมีเสียงดังระหว่างเบรก ควรรีบตรวจสอบ
6. ระบบควบคุมความเร็วให้คงที่ : ช่วยคุมความเร็วให้อยู่ในระดับคงที่ ผู้ขับขี่ต้องเป็นคนตั้งค่าเอง ส่วนมากจะมีในรถยนต์รุ่นใหม่
7. สัญญาณไฟเลี้ยว ซ้าย-ขวา : อันนี้สำคัญมาก อย่าลืมเปิดทุกครั้งก่อนเลี้ยวนะคะ
8. ระบบตรวจจับน้ำฝน และแสงมีปัญหา : มีผลต่อระบบการทำงานของที่ตรวจจับน้ำฝน
9. ระบบความเย็น : อาจจะเกิดจากน้ำยาแอร์รั่ว หรือระบบแอร์ภายในมีปัญหา ส่งผลให้แอร์ไม่เย็น
10. แสดงผลข้อมูลทั่วไป : ข้อมูลของรถ วันเวลา ระยะรถ
11. แจ้งเตือนความร้อนระบบเครื่องยนต์ดีเซล : เครื่องยนต์มีความร้อน ให้ดับเครื่องหรือพักให้เครื่องเย็นลง
12. มีหิมะที่พื้นผิวถนน : ต้องขับโดยระมัดระวัง ไม่ค่อยพบในไทย
13. แจ้งเตือนสวิตช์สตาร์ทเกิดการผิดพลาด : ส่วนมากจะเกิดในรถรุ่นใหม่ ที่ต้องใช้สวิตซ์ในการสตาร์ทเครื่อง
14. แจ้งเตือนกุญแจไม่ได้อยู่ในรถ : รถจะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องได้ หากไม่มีกุญแจอยู่ในรถ พบในรถรุ่นใหม่
15. แบตเตอรีของกุญแจมีพลังงานต่ำ : เตือนให้รีบเปลี่ยนแบตเตอรีของกุญแจรถ
16. แจ้งเตือนระยะห่างของรถคันหน้า : รถของเราใกล้คันหน้ามากเกินไป ควรมีระยะห่างไม่ต่ำกว่า 60 เมตร เพื่อความปลอดภัย
17. แรงดันน้ำมันคลัตช์ : หากแรงดันตก จะส่งผลกับระบบเบรก ต้องรีบตรวจเช็ก
18. แรงดันน้ำมันเบรก : มีผลต่อระบบเบรก รีบตรวจเช็ก
19. แจ้งเตือนพวงมาลัยล็อก : แก้ไขได้โดยการเสียบกุญแจเข้าไปใหม่ และขยับพวงมาลัยเล็กน้อย
20. เปิดไฟสูง : เพิ่มทัศนวิสัยในขับขี่ตอนกลางคืน ควรขับขี่ให้ห่างจากคันหน้า
21. แจ้งเตือนความดันลมยางอ่อน : รีบเติมลมยาง
22. ไฟด้านข้างถูกใช้งาน : ไฟด้านข้างหรือด้านในห้องโดยสาร กำลังใช้งานอยู่
23. สัญญาณไฟภายนอกปัญหา : ระบบไฟด้านนอกมีปัญหา อาจจะเกิดจากไฟเลี้ยวไม่ติด
24. สัญญาณไฟเบรกมีปัญหา : มีการกระพริบผิดปกติ หรือไม่กระพริบเลย ควรตรวจสอบและรีบเปลี่ยน
25. แจ้งเตือนตัวกรองน้ำมันของเครื่องยนต์ดีเซลมีปัญหา : เกิดปัญหาที่กรองน้ำมันเครื่อง รีบตรวจเช็ก
26. เตือนการเชื่อมต่อของสายพ่วง : มีการเชื่อมต่อของระบบสายพ่วงแบตเตอรี
27. เตือนระบบการป้องกันการสะเทือนมีปัญหา : ส่งผลต่อการขับขี่บนทางไม่เรียบ
28. รักษาระยะห่างการใช้ทางจราจร : เซนเซอร์รถจะทำงาน ถ้าขับขี่ใกล้ผิวถนนมากเกินไป
29. เตือนการบำบัดไอเสียผิดปกติ : ท่อไอเสียทำงานผิดปกติ รีบตรวจเช็ก
30. เตือนเข็มขัดนิรภัย : รัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัยค่ะ
31. ระบบเบรกระหว่างจอดรถเพื่อป้องกันไม่ให้รถไหล : จะทำงานเมื่อขึ้นทางลาด
32. แจ้งเตือนพลังงานของแบตเตอรี : แบตเตอรีอาจจะใกล้หมด ควรตรวจเช็กและรีบเปลี่ยน
33. ระบบจอดรถอัตโนมัติ : ช่วยจอดรถให้เอง พบในระบบรุ่นใหม่
34. ระบบแจ้งเตือนตรวจเช็กสภาพรถ : เครื่องยนต์มีปัญหา ควรรีบตรวจเช็ก
35. ระบบปรับแสงไฟหน้าอัตโนมัติ : ปรับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ
36. ปรับระดับไฟหน้ารถ : ปรับไฟสูง-ต่ำด้วยตัวเอง
37. แจ้งเตือนสปอยเลอร์ด้านหลังมีปัญหา : สปอยเลอร์อาจจะได้รับความเสียหาย
38. ระบบเปิดหลังคาอัตโนมัติ : พบในรถ Supercar หรือรถที่เปิดหลังคาได้
39. ระบบเตือนถุงลมนิรภัย : เตือนระบบถุงลมมีปัญหา รีบตัวเช็ก
40. แจ้งเตือนเบรกมือ : เบรกมือค้าง ควรรีบปลดเบรกมือออก หากปล่อยทิ้งจะทำให้เกิดปัญหาตามมา
41. มีน้ำเข้ามาเจือปนในน้ำมันเชื้อเพลิง (รีบแก้ไขโดยด่วน) : อันตรายมาก รีบตรวจเช็ก
42. ปิดการทำงานของถุงลมนิรภัย : ถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน
43. ควรตรวจสภาพรถ : ระบบภายใน หรือเครื่องยนต์อาจจะมีปัญหา ต้องรีบตรวจเช็ก
44. เปิดไฟขอทาง : หรือไฟฉุกเฉิน ควบคุมได้ด้วยตัวเอง
45. กรองอากาศสกปรก : ส่งผลกับอากาศภายใน
46. โหมดประหยัดพลังงาน : ช่วยประหยัดน้ำมัน ประสานการทำงานของระบบรถ ให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น
47. ระบบควบคุมรถขณะลงเขา : ช่วยให้รถวิ่งบนเนินด้วยความเร็วคงที่ ให้คนขับมีสมาธิบังคับทิศทางรถได้มากขึ้น
48. ระบบเตือนความร้อนของหม้อน้ำ : อันนี้สำคัญมากค่ะ หากขึ้นเตือนให้รีบจอดพักทันที รอให้รถหายร้อน และรีบแก้ไข
49. ระบบเบรก ABS : ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกกะทันหัน เมื่อประสบอุบัติเหตุ
50. ตัวกรองน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน : มีผลทำให้รถสตาร์ทติดยาก อืด และเร่งไม่ขึ้น
51. ประตูรถเปิดอยู่ : เตือนเมื่อเปิดประตูรถทิ้งไว้
52. ฝากระโปรงหน้าเปิดอยู่ : เตือนเมื่อฝากระโปรงหน้าเปิดทิ้งไว้
53. น้ำมันเชื้อเพลิงเหลือน้อย : น้ำมันใกล้หมด รีบเติมค่า
54. เตือนระบบเกียร์อัตโนมัติ : ระบบเกียร์อัตโนมัติมีปัญหา ส่วนใหญ่มักจะขึ้นเตือนเมื่อน้ำมันเกียร์มีอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ
55. จำกัดความเร็วทำงาน : เตือนเมื่อความเร็วมากเกินกำหนด
56. ระบบกันสะเทือนผิดปกติ : ช่วงล่างผิดปกติ ต้องรีบตรวจเช็ก
57. แจ้งเตือนความดันน้ำมันเครื่องต่ำ : รีบตรวจเช็กด่วน อาจจะเกิดความเสียหายภายหลังได้
58. ระบบไล่ฝ้าที่กระจกทำงาน : สามารถควบคุมได้เอง
59. กระโปรงท้ายรถเปิดใช้งานอยู่ : เตือนเมื่อกระโปรงท้ายรถเปิดอยู่
60. ระบบควบคุมการทรงตัวของรถยนต์ : หรือระบบ ESC ช่วยในการควบคุมการทรงตัว ป้องกันรถลื่นไถล
61. เซ็นเซอร์ระบบน้ำฝนถูกใช้งาน : กำลังใช้งานที่ปัดน้ำฝนอยู่
62. แจ้งเตือนเครื่องยนต์ขัดข้อง : ระบบภายในเครื่องยนต์มีปัญหา ต้องรีบตรวจสอบ
63. ระบบไล่ฝ้ากระจกด้านหลัง : ควบคุมได้ด้วยผู้ขับขี่
64. ที่ปัดน้ำฝนทำงานอัตโนมัติ : ทำงานอัตโนมัติ เมื่อฝนตก
รู้ครบทั้ง 64 สัญลักษณ์บนหน้าปัดรถยนต์กันแล้ว เป็นอย่างไรบ้างคะ รถใครไม่มีครบทุกสัญลักษณ์ก็ไม่ต้องตกใจไปนะคะ ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถแต่ละคนเนอะ เอาเป็นว่าสังเกตสัญลักษณ์ที่รถเรามีเอาไว้ และรู้จักความหมายของมันก็พอ เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน มีสัญลักษณ์เตือนขึ้นมาจะได้ไม่ตกใจ พร้อมแก้ปัญหาได้ทันที ที่สำคัญอย่าลืมเช็กระยะรถ หรือเข้าศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ เพื่อความปลอดภัยค่าา
อ่านบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อได้ที่..