#วงในบอกมา
- ร้านอาหารกึ่งผับกึ่งบาร์ รูฟท็อปวิวเมืองแบบ Bangkokian
- บรรยากาศผ่อนคลาย พร้อมเมนูอาหารครบรส และเครื่องดื่มเรียกความสดชื่น
- ห้ามพลาด “Mussels & Fries” หอยแมลงภู่นำเข้า เลือกซอสได้

จบวันสักที เหนื่อยมากกก คิดว่าช่วงนี้หลาย ๆ คน เจองานหนักไม่แพ้กัน ยิ่งในช่วง COVID-19 แบบนี้ ที่อะไร ๆ ก็น่าท้อแท้ไปหมด ฮึบไว้แล้วมาถอนหายใจยาว ๆ หนึ่งทีที่ Cooling Tower Rooftop Bar บนชั้น 34 โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท ซึ่งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 27 ทิ้งตัวลงบนโซฟา ชนแก้วแล้วนั่งมองพระอาทิตย์ตก พร้อมซิตี้วิวสวย ๆ รับรองว่าจบวันสวยงาม สบายตัวสบายใจ กลับบ้านนอนหลับฝันดีแน่นอน

เมื่อเดินขึ้นบันไดมาจะพบกับรูฟท็อปบาร์หินอ่อนสีดำ ตัดกับสีทองแดงดูลอฟต์ ๆ คูล ๆ เคาน์เตอร์บาร์ที่เปลี่ยนสีไปตามช่วงเวลา และหยดน้ำที่ฝังอยู่ในเคาน์เตอร์ แทนไอน้ำที่เกิดขึ้นจากกลไกของ Cooling Tower มีที่นั่งหลากหลายแบบหลากหลายมุม ดูเรียบง่าย ทันสมัย แต่ยังคงความหรูหราแบบโรงแรมไว้อย่างครบถ้วน ที่สำคัญคือ ลมดีมากอะ ชิลจริง ดีต่อใจสุด ๆ


สำหรับอาหารที่นี่ค่อนข้างจานใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมการกินของคนไทยที่ชอบแบ่งอาหารกันกิน ก็เนาะ กินคนเดียวมันไม่อร่อยเท่าแย่งกันกินนี่นา มีตั้งแต่อาหารกินเล่นง่าย ๆ ไปจนถึงอาหารจานหลักหนัก ๆ พร้อมเครื่องดื่มพวกค็อกเทล ที่มีการจัดระดับความแรงเอาไว้ ให้เราเลือกได้ตามใจว่าวันนี้อยากพักเบา ๆ หรือจัดหนัก ๆ !

มาเริ่มต้นมื้อด้วย "Burrata and Parma Salad" (420 บาท) ที่สายชีสสายครีมเป็นต้องเลิฟ กับบูราต้าชีสเยิ้ม ๆ คลุกเคล้ากับเคล ร็อกเก็ต และอะโวคาโด พร้อมน้ำสลัดเลมอนแบบโฮมเมด ที่ให้ความสดชื่นเป็นอย่างดี แล้วเรียกน้ำย่อยด้วย “Devil Wing” (260 บาท) ไก่ทอดชิ้นใหญ่ คลุกเคล้าด้วยซอสสูตรเฉพาะของทาง Cooling Tower เผ็ดกำลังดี กินคู่กับเครื่องดื่มอย่างลงตัว เป็นที่ถูกใจของลูกค้าคนไทย


เริ่มเข้าสู่อาหารจานหลักกับ “Mussels & Fries” (420 บาท) หอยแมลงภู่สีดำคุณภาพพรีเมียมนำเข้า ที่เราสามารถเลือกซอสได้ 2 แบบ 2 สไตล์ว่าจะเป็น Krapao รสจัดจ้าน หรือ Chardon ซึ่งเป็นซอสที่ทางร้านแนะนำซอสไวน์ขาวที่มีความครีมแต่ไม่เลี่ยนจนเกินไปด้วยน้ำมะนาวสดให้ความรู้สึกสดชื่นไม่หนักจนเกินไป แอบกระซิบว่าเอาเฟรนช์ฟรายส์มาจิ้มกับน้ำซอสคือเด็ดมากต้องลอง!


มาถึงอีกหนึ่งจานหลักที่รอคอยกับ “Grilled Australian Picanha Rump Steak” (650 บาท) กับส่วนเนื้อที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ เพราะเป็นเนื้อส่วนที่มีน้อยมากในวัวหนึ่งตัว โดยจะอยู่ในบริเวณสะโพก มีความนุ่มและความหอม นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย เสิร์ฟพร้อมกับสลัดร็อกเก็ต และซอส Truffle Jus หรือน้ำเกรวีที่มีส่วนผสมของเห็ดทรัฟเฟิล

ต่อด้วย "Skewers" (230 - 290 บาท) ซึ่งประกอบไปด้วย “Otopus” หรือหนวดปลากหมึกยักษ์ย่าง พร้อมซอสมายองเนสที่มีความเปรี้ยวและกลิ่นหอมของโรสแมรี และ “Spiedo” หรือเห็ด Portabello นำเข้าชิ้นใหญ่ ที่ท็อปด้วยร็อกเก็ตและบัลซามิก เสิร์ฟพร้อมขนมปังโฮมเมด แล้วปิดมื้อแบบอิ่ม ๆ กับ “Emilia” (420 บาท) พิซซ่าที่โรยหน้าด้วยผักร็อกเก็ตและพาร์มาแฮม พร้อมกลิ่นหอมจากน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิลสีดำ

มาถึง Signature Cocktail ที่ Mixologist ทางของร้านได้ออกแบบไว้ให้เข้ากับธีมของ Cooling Tower โดยใช้ Element หลักเป็นอากาศและน้ำ เริ่มด้วย “A CT Shade of Blue” (350 บาท) ค็อกเทลสีฟ้าเปรี้ยวหวาน ต่อด้วย “Golden Hour” (350 บาท) ที่ทำมาจากอินทผาลัม เสิร์ฟมาพร้อมกับมินต์สโมก เป็นเหมือนก้อนเมฆที่หายไปแล้วพบกับเครื่องดื่มสีสันสวยงามเหมือนท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตก


จบด้วย “Ethernal Cosmos” (390 บาท) ที่มีความหนักและแรง ดื่มแล้วจะเหมือนหลุดอยู่ในความเวิ้งว้าง แต่ก่อนจะไปตรงนั้น ตอนเสิร์ฟก็สวยงามไม่แพ้กับเมนูอื่น ๆ ด้วยบีกเกอร์ของเครื่องไซฟอนเก๋ ๆ พร้อมควันในแก้วที่ปิดด้วยส้มและเชอร์รีดอง ทาง Cooling Bar แอบกระซิบมาว่ามี Happy Hours ทุกวันและ Lady Night วันพุธ เวลา 17.30-19.30 น. กับเครื่องดื่มหนึ่งแถมหนึ่ง
ใครที่กำลังหาที่ทิ้งตัวก่อนกลับบ้าน Cooling Tower เป็นอะไรที่ตอบโจทย์มาก ทั้งบรรยากาศแบบเรียบโก้ ลมเย็น ๆ ชิลล์ ๆ อาหารหลากหลาย เครื่องดื่มแฟนซี และราคาดี! ส่วนใครที่อยากยกออฟฟิศมาเลี้ยงสังสรรค์ ทางร้านก็รับจัดเลี้ยงในสถานที่ สามารถจุได้ถึง 70 คนเลยทีเดียว ใครที่หัวร้อนมาทั้งวัน อย่าลืมแวะมาคูลดาวน์กันนะที่ Cooling Tower
การเดินทาง
Cooling Tower ตั้งอยู่บนชั้น 34 ของโรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท ปากซอยสุขุมวิท 27 สามารถเดินทางได้ทั้งรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก ทางออก 6 และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสุขุมวิท ทางออก 2 เดินประมาณ 500 เมตร ใช้เวลาแค่ 5 นาทีก็ถึงที่โรงแรม กดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 33 แล้วเดินต่อขึ้นมาอีกหนึ่งชั้น ก็จะได้พบกับรูฟท็อปบาร์ชิล ๆ แล้ว