รู้ไหมคะ? ว่าเราสามารถมองเห็นตัวหนังสือที่ห่างจากตัวเองประมาณ 16 นิ้ว ได้โดยไม่ต้องเพ่งเล็ง... ถ้าชัดนั่นถือว่าสายตายังปกติดี แต่ถ้าใครมองไม่ชัดเห็นเป็นลาง ๆ งานนี้พาราก็เอาไม่อยู่นะจ๊ะ รีบตัดแว่นด่วนเลยจ้า แต่อย่าเพิ่งเซ็งว่า Wongnai Beauty หาเรื่องให้เสียตังค์เสียเวลา รอสั้นเยอะ ๆ เก็บเงินทำเลสิกก็จบ สะบัดความคิดนั้นออกไปค่ะ เพราะแว่นตาเนี่ยนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาสายตาแล้ว ยังช่วยขับลุคของเราให้ดูแพงขึ้นด้วยนะ สงสัยกันมั้ยคะว่าแค่แว่นมันจะดูแพงได้ยังไง
'แว่นสายตา' ชนชั้นสูงเท่านั้นที่ได้ใส่

สมัยก่อนชาวตะวันตกนิยมเอาแก้วกับกระจกไปทำเครื่องประดับ เขาไม่รู้หรอกค่ะว่ามันเอาไปทำเลนส์แก้ไขสายตาได้ ตอนนั้นยุคโรมันจักรพรรดิเนโรยังนั่งหมุนเพชรติ้ว ๆ ส่องกลาดิเอเตอร์สู้กันอยู่เลย โชคดีที่ต่อมามนุษย์โลกก็ทำเลนส์แว่นสำเร็จ เย้! โดยทำมาจากแก้วที่ถูกเจีย เข้าใจมั้ยคะว่ามันยากส์ มูลค่าก็เลยสูงลิบ ชนชั้นนายทุนเท่านั้นที่มีเงินซื้อ ขนาดมาร์โคโปโลไปจีนเป็นครั้งแรกยังเห็นแต่ลูกขุนมูลนายใส่แว่นไปเรียน ชาวบ้านที่ไม่ต้องเรียน ต่อให้สายตาสั้นก็ต้องทำใจเพราะจ่ายค่าแว่นไม่ไหว
‘แว่นสายตา’ เลยเป็นเครื่องบ่งบอก ‘ฐานะทางชนชั้น’ นั่นเอง และความคิดนี้ก็เผยแพร่ไปทั่วยุโรป จีน อิตาลี สเปน ปัจจุบันแว่นตาที่มีคุณภาพเลยราคาแพงมากกก ตัดกันทีหมดเป็นหมื่นเป็นแสน เพราะงั้นตัดแว่นทั้งทีก็ต้องศึกษาข้อมูลกันให้ดี ว่าแล้วก็ไปวัดสายตากันให้พร้อม ส่วนข้อมูลที่ต้องศึกษาเราก็ยกมาเสิร์ฟให้แล้วจ้า
Source : 1
วิธีอ่านค่าสายตาด้วยตัวเอง
ก่อนไปตัดแว่นสิ่งที่ต้องศึกษาก่อนเลยคือ ‘ค่าสายตา’ เวลาเราไปวัดสายตาที่ร้านแว่นหรือวัดกับจักษุแพทย์ เขาจะมีกระดาษบอกรายละเอียดสายตามาให้ หลายคนดูแล้วอาจงง ก็ให้ดูแค่เลข 3 ตัวนี้พอค่ะ

และนี่ก็เป็นวิธีดูใบแจ้งค่าสายตาค่ะ โดยสิ่งที่เราต้องดูจริง ๆ คือเลข 3 ตัวที่บอกถึง ค่าสายตา (SPH), ค่าความเอียง (CYL), องศาที่เอียง (AX) ซึ่งเป็นข้อมูลที่เราต้องใช้เป็นแนวทางในการตัดแว่นสายตา ว่าแล้วก็มาทบทวนกันอีกนิดว่าเข้าใจถูกต้องกันไหม
ตัวอย่างการอ่านค่าสายตา : <R> -0.75, -0.75, 10
<R> : ตาข้างขวา
-0.75 : คือค่าสายตา จะมีเครื่องหมายกำกับเสมอถ้าสั้นเป็นลบ ถ้ายาวจะเป็นบวก เราจะเริ่มมองไม่เห็นที่ตัวเลข -1.50 หรือ +1.50 เป็นต้นไป
-0.75 : คือค่าความเอียง ยิ่งลบมากภาพที่เห็นยิ่งเพี้ยน และอาจเห็นเป็นภาพซ้อนกัน
10 : คือองศาทีเอียง ถ้าเอียงที่ 90 หรือ 180 จะพอทนได้ เพราะเป็นมุมที่ปกติเวลามองเราจะกรอกตามองบน หรือกรอกไปซ้ายขวา ซึ่งถ้าเอียงองศาอื่นเวลามองปกติก็อาจทำให้ภาพผิดเพี้ยนไปค่ะ
สายตาแบบไหนมองเห็นภาพเป็นอย่างไร?
เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าคนสายตาสั้นมองเห็นเป็นยังไง สายตายาวเห็นแบบไหน สายตาเอียงเห็นภาพอย่างไร เรามีคำตอบมาให้แล้วจ้า

สายตาสั้น : คนสายตาสั้นจะมองตัวหนังสือหรือสิ่งของไม่ชัด เช่น เห็นโทรศัพท์ไม่ชัด แต่ก็ยังพอมองออกว่าเจ้าสิ่งนี้คือโทรศัพท์
สายตายาว : มองสิ่งของหรือตัวหนังสือในระยะใกล้ไม่ชัด บางคนโชคดีมากมองเห็นในระยะไกลได้ดี แต่บางคนไกลก็ไม่ได้ใกล้ก็ไม่เห็น โดยเฉพาะกลางคืนจะมองภาพต่าง ๆ ไม่ชัดมากกว่าคนอื่น แถมมีอาการแพ้แสงร่วมด้วย
สายตาเอียง : เห็นรูปร่างสิ่งของเพี้ยนไปเลย ถ้าคนเอียงมากจะเห็นเป็นภาพซ้อนกัน ทำให้ใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น เพราะมีอาการปวดหัวบ่อย ๆ
เลือกเลนส์แว่นผิดชีวิตเปลี่ยน
การเลือกเลนส์สำคัญมากกก เลนส์บางตัวมีการเคลือบสารป้องกันก็อาจทำให้สีที่เห็นผิดเพี้ยนไป อย่างคนทำงานด้านสี ไปใส่เลนส์บลูบล็อกคือชีวิตเปลี่ยน สีก็จะอมเหลืองนวล ๆ ไปหมด เพราะงั้นต้องเลือกให้ดี โดยปัจจุบันเลนส์แว่นตาก็มีทั้งหมด 8 แบบค่า

1. เลนส์ชั้นเดียว (Single Vision) : เลนส์ทั่วไปที่แก้ปัญหาได้ทั้งสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง เหมาะกับการใช้อ่านหนังสือ หรือคนที่สายตาไม่เยอะอยากใช้เป็นแว่นชั่วคราวเผื่อต้องเปลี่ยนใหม่
2. เลนส์สองชั้น (Bifocal Lens) : เป็นเลนส์แบ่งครึ่งบนและครึ่งล่าง มีค่าสายตาสองแบบในเลนส์ตัวเดียวกัน เหมาะกับคนอายุมากที่อยากได้เลนส์สำหรับมองไกลและใกล้สลับกันได้
3. เลนส์มัลติโค้ต (Multicoat) : เลนส์เคลือบสารมัลติโค้ต ผิวเลนส์จะแข็ง ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี บางอันเคลือบสารกันแดดทับลงไปได้ด้วย เหมาะมากกับคนที่ใส่แว่นตลอดเวลา
4. เลนส์กรองแสงสีฟ้า (Blue Light Block) : ช่วยป้องกันแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์ไอที เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โดยถ้าเรามองแสงสีฟ้าบ่อยก็อาจทำให้เป็นโรคต้อได้ แต่เลนส์จะมีสีอมเหลืองนวล ๆ อาจไม่เหมาะกับคนที่ทำงานเกี่ยวกับสีจ้า
5. เลนส์ออโต้ (Auto Lens) : เลนส์ปรับแสง ที่จะเปลี่ยนสีตามความเข้มข้นของแสง เวลาอยู่ในร่มจะเป็นสีปกติ พอออกไปเจอแดดเลนส์จะเปลี่ยนเป็นสีเข้มเพื่อป้องกันดวงตาเราจากแสงแดด เหมาะกับคนที่ต้องออกกลางแจ้ง
6. เลนส์กันแดด (Sun Lens) : สมชื่อของเลนส์เลยค่ะ โดยมาตรฐานเลนส์ตัวนี้จะป้องกันรังสี UVA ได้อย่างน้อย 95% และ UVB ได้อย่างน้อย 99% เหมาะกับคนที่ใช้แว่นเพื่อกันแดดโดยเฉพาะ
7. เลนส์สี (Color Lens) : เป็นเลนส์ที่เคลือบสีต่าง ๆ แต่ละสีจะมีหน้าที่แตกต่างกันไปตามนี้จ้ะ
เลนส์สีเทา : กรองแสงโดยไม่ทำให้สีของวัตถุเปลี่ยนไป
เลนส์สีน้ำตาล : ช่วยในการมองเห็นและกรองแสงอ่อน ๆ เหมาะกับคนขับรถ
เลนส์สีเขียว : ช่วยกรองแสง ตัดแสง รู้สึกสบายตาเวลาอยู่กลางแจ้ง
เลนส์สีเหลือง : ช่วยเพิ่มแสง มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เหมาะใส่ช่วงเย็นที่แดดไม่จัด
8. เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens) : เลนส์ขั้นเทพที่มองได้ทั้งใกล้และไกล เป็นเลนส์ที่ต้องออกแบบให้เหมาะกับแต่ละคน เพื่อให้ใส่ได้ทุกสถานการณ์ และใส่ได้ตลอดเวลา
ความหนาของเลนส์สายตา
พอเราไปตัดแว่น ให้ระวังความหนาของเลนส์ให้ดี เพราะค่าสายตาเยอะมากเท่าไหร่เลนส์ก็จะยิ่งหนาเพื่อรองรับปัญหาสายตาของเรา ปัญหาคือหนาปุ๊บก็หนักสิจ๊ะ ทางแก้คือเวลาสั่งตัดก็บอกพนักงานว่า “ย่อเลนส์ให้ด้วยนะพี่” แค่นี้เราก็จะได้เลนส์บาง ๆ น้ำหนักเบา ไม่ต้องกลัวดั้งยุบ โดยระดับการย่อที่ต้องบอกพนักงานก็จะแบ่งระดับได้ตามนี้

เลนส์ย่อขนาด 1.5 คือเลนส์ความหนาปกติที่ยังไม่ย่อ เหมาะกับคนที่ค่าสายตาไม่เยอะ
เลนส์ย่อขนาด 1.6 คือเลนส์ย่อบาง เหมาะกับค่าสายตาไม่เกิน 500
เลนส์ย่อขนาด 1.67 คือเลนส์ย่อบางพิเศษ เหมาะกับค่าสายตาไม่เกิน 1000
เลนส์ย่อขนาด 1.71 หรือ 1.74 ย่อบางพิเศษที่ต้องสั่งทำ เหมาะสำหรับคนค่าสายตาเกิน 1000
ดูเลนส์อย่างเดียวไม่ได้ ‘กรอบแว่น’ ก็สำคัญ
ต่อให้เลนส์ดีแค่ไหน แต่ถ้ากรอบแว่นไม่เหมาะก็จบค่ะ เลนส์แต่ละตัวก็มีความหนาบางไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นกรอบแว่นที่ดีก็ต้องสามารถรองรับตัวเลนส์ได้ และเหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันของเราด้วย มาดูกันค่ะว่า ‘วัสดุกรอบแว่น’ มีแบบไหนบ้าง แต่ละแบบมีข้อดีขอเสียต่างกันยังไง

กรอบแว่นพลาสติก : เป็นวัสดุที่เหมาะกับคนงบน้อย หรือคนเพิ่งหัดใส่แว่นที่อยากลองเปลี่ยนแว่นหลาย ๆ แบบ ดีตรงที่ทนรอยขีดข่วนได้ระดับนึง แถมเวลาโดนเหงื่อหรือน้ำก็ไม่ขึ้นสนิม และรองรับเลนส์หนา ๆ ได้ แต่ก็หนักพอสมควรเลยค่ะ และแป้นจมูกปรับไม่ได้ด้วย
กรอบแว่นโลหะสเตนเลส : นิยมเอามาทำเป็นแว่นวินเทจกันมากกก อย่างทรงหยดน้ำ ทรงกลมกรอบบาง ๆ ข้อดีก็คือความสวยงามและน้ำหนักเบา แต่ก็เสียดายตรงสีที่ชุบจะหลุดลอกง่าย และรองรับเลนส์หนา ๆ ไม่ค่อยได้ ถ้าฝืนยัดเข้าไปจะล้นกรอบแล้วก็หลุดง่ายมากเลยค่ะ
กรอบแว่นไทเทเนียม : กรอบแว่นสายแฟชั่นที่มีน้ำหนักเบามาก ๆ เหมาะกับคนสายตาไม่เยอะที่ไม่ต้องใส่แว่นตลอดเวลา ทนกว่าสเตนเลส แต่จะรับได้แค่เลนส์บาง ๆ สำหรับคนสายตาเยอะต้องย่อเลนส์ก่อนใส่ด้วยน้า
กรอบแว่นเทอร์โมพลาสติก : ใครที่ต้องใส่แว่นตลอดเวลา แว่นแบบนี้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ทุกแบบ และรองรับเลนส์ได้ทุกชนิดไม่ว่าหนาหรือบาง มันเก๋ตรงที่บิดงอได้ไม่แตกหัก แต่ก็ต้องแลกกับความเชยเพราะเนื้อวัสดุจะด้าน และดูราคาถูกแถมรูปแบบก็มีให้เลือกไม่เยอะ
ทริคเลือกกรอบแว่นจากรูปหน้า ขับลุคให้ดูคูลยิ่งขึ้น

รูปหน้ากลม : ควรเป็นแว่นทรงเหลี่ยม เพื่อเพิ่มกรอบหน้าให้ชัดขึ้น และยังช่วยเพิ่มมิติให้กับใบหน้า เลี่ยงเลยนะคะ สำหรับแว่นกลมเพราะมันจะทำให้เรากลมเข้าไปอีก ดูหมดราศีกันเลยทีนี้
รูปหน้าเหลี่ยม : เซย์โนกับแว่นกรอบบางๆ หรือทรงเหลี่ยมเลยค่ะ ควรเลือกทรงแว่นแบบกลมความหนาพอดี หรือทรงหยดน้ำ จะช่วยลดความคมของกรอบหน้าให้ดูละมุนได้ลุคใส ๆ สไตล์คุณหนู
รูปหน้าหัวใจ : หรือสามเหลี่ยม แว่นที่เหมาะคือแบบทรงกลมที่แคบกว่าโหนกแก้มทั้งสองข้าง ไม่ควรใส่กรอบเหลี่ยมหรือกว้างกว่าโหนกแก้ม เพราะจะทำให้ช่วงคางดูแหลมและไม่สมดุลกับช่วงโหนกแก้ม ใบหน้าก็จะขาดมิติทำให้ดูไม่แพง
รูปหน้ายาว : ใบหน้าแบบนี้เหมาะกับแว่นทรงเหลี่ยมกรอบหนา ทำให้หน้าดูสั้นลง และทำให้บุคลิกสุขุมขึ้น เลี่ยงแว่นทรงรีหรือกลม ให้เลือกแบบหยดน้ำแทน จะไม่ทำให้หน้าดูยาวกว่าเดิมค่ะ
รูปหน้ารีหรือรูปไข่ : เลือกทรงแว่นได้หลากหลาย ควรเลือกให้พอดี ไม่หนาไป ไม่เหลี่ยมไป ไม่ใหญ่ไป ควรเลือกกรอบแว่นให้บางเข้าไว้ดีกว่า เพราะจะได้โชว์รูปหน้าของเราได้เด่นและมีเสน่ห์มากขึ้น
แนะนำ 10 ร้านแว่นดัง คุณภาพดี๊ดี ที่ชีวิตนี้ต้องไปตัดให้ได้
The Next

ศูนย์รวมแว่นตาทั้งแบบแฟชั่นและเน้นฟังก์ชั่นที่เป็นมิตรกับดวงตาของคนใส่ พร้อมคอนเซ็ปต์ " The Best Lenses on The Coolest Frame by The Eye Doctor "คือการทำให้เราได้เลนส์ที่มีคุณภาพบนกรอบแว่นที่สวยงาม ที่ The Next จะมีการเลือกเลนส์เฉพาะบุคคล (Customisation) วัดสายตาด้วยเทคโนโลยีที่แม่นยำ และประกอบเลนส์ในเครือ Essilor, Hoya, Rodenstock ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเลนส์ในเครือนี้ได้มาตรฐาน และดีต่อดวงตามากกก
ราคาเริ่มต้น : 3,990 บาท กรอบพร้อมเลนส์
พิกัด : ดิ เอ็มควอเทียร์ ชั้น 4
Source : 1

ร้านตัดเลนส์โปรเกรสซีฟคุณภาพดี ที่แก้ไขปัญหาเฉพาะบุคคลได้เป๊ะมาก เป๊ะขนาดคว้ารางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมจากกระทรวงอุตสาหกรรมไปครองแล้วจ้า กระบวนการคือ ตรวจวัด ออกแบบ ผลิต ประกอบ อย่างเฉพาะเจาะจง โดยที่เราไม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับแว่นตา แต่แว่นจะถูกปรับให้เข้ากับตาของเรา ทำให้สามารถมองได้ทุกระยะ ที่นี่เขาเน้นเรื่องเลนส์ เอากรอบมาตัดเองก็ได้ มีประกันประสิทธิภาพเลนส์ 180 วัน ประกันผิวเคลือบเลนส์ 3 ปี ตัดกันทีใส่ได้ยาว ๆ แบบไม่กลัวพังกันไปเล้ยย
ราคาเริ่มต้น : กรอบแว่น 3,800 บาท, เลนส์ 8,800 บาท
พิกัด : อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ ชั้น 2
Source : 1

ร้านแว่นงานดีมีคุณภาพที่คัดเอาแบรนด์แว่นตาดังจากทั่วโลกมาไว้ที่ร้าน และร่วมมือกับบริษัทชั้นนำด้านเลนส์และเครื่องมือวัดสายตาอย่าง Zeiss ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเลนส์ที่มีคุณภาพสูงมาตรฐานระดับโลก นอกจากนั้นยังมีกรอบแว่นขั้นเทพอย่าง MYKITA โดยทางนิชเนชั่นก็เป็นเจ้าเดียวในไทยที่เอามาขาย และได้ MYKITA ผลิตกรอบสุด Exclusiveให้ นางก็จะเป็นแว่นที่ไม่มีน็อตหรือสกรู ทำให้น้ำหนักเบาสบาย ที่สำคัญไม่ต้องมาห่วงน็อตหลุด น็อตหลวม ขาแว่นถ่างเลยจ้า
ราคาเริ่มต้น : กรอบแว่น 9,800 บาท, เลนส์ 1,500 บาท
พิกัด : ไอคอนสยาม ชั้น 4
Source : 1

ถ้าใครกำลังเบื่อกับแว่นตาทรงเดิม ๆ ยิ่งถ้าสายตาเยอะ ๆ กรอบแว่นก็เลือกได้น้อยลงเพราะเลนส์จะยิ่งหนาขึ้น จุดเด่นของร้านแว่นมูจอชคือการลบภาพมายาคติที่ว่าคนใส่แว่นจะไม่ตามเทรนด์ แต่งตัวเชยๆ ออกไป เพราะเขามีทรงแว่นตามากกว่า 500 แบบให้เลือก โดยแต่ละทรงจะช่วยขับลุคของเราให้ดูแฟชั่น แต่ไม่หวือหวามากเกินไป อย่างกรอบแว่นลายไม้หรือลายเสือ ไม่ว่าเราจะแต่งตัวแบบไหน ไลฟ์สไตล์อะไร แว่นจากมูจอชจะยกระดับคุณภาพการมองเห็น และเติมเต็มเอกลักษณ์ของเราให้ฟูลมากขึ้นค่า
ราคาเริ่มต้น : กรอบพร้อมเลนส์ 3,499 บาท
พิกัด : เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ถนนเพลินจิต
Source : 1

ช็อปแว่นตาระดับพรีเมียมชั้นนำของไทย จุดเด่นคือกรอบแว่นตาแบรนด์ Luxury ที่มีให้เลือกเยอะมาก เช่น LOTOS และ LINDBERG Precious กรอบแว่นน้ำหนักเบา คุณภาพคงทน และแว่นตารุ่น Limited จากแบรนด์ดังอื่น ๆ พร้อมบริการวัดค่าสายตาด้วย Wavefront Technology คือการวิเคราะห์หาค่าความแปรปรวนของคลื่นแสงที่ผ่านเข้าไปในตาของเรา เพื่อเอามาใช้เป็นแนวทางตัดเลนส์ได้แม่นยำเหมาะสมกับดวงตาของเรามากที่สุดนั่นเองจ้า
ราคาเริ่มต้น : กรอบแว่น 5,000 บาท, เลนส์ 2,000 บาท
พิกัด : สยามพารากอน ชั้น 2
Source : 1

ร้านแว่นตาเล็ก ๆ ที่เราจะได้ตัดแว่นตากับคุณหมอโดยตรงจากสมาคมส่งเสริมวิชาการแว่นตาแห่งประเทศไทย งานนี้รับประกันคุณภาพดีจริงไม่มีอวย เน้นการวัดสายตากับนักทัศนมาตร และจักษุแพทย์ ข้อดีของร้านนี้คือมีประกันแว่นตาให้ 3 เดือน ‘ทุกกรณี’ และแว่นของที่นี่ยังถนอมดวงตาของเราได้อย่างครบเครื่อง ไม่ว่าจะป้องกันตาจากโรคต้อลม ต้อหิน ต้อกระจก แถมมีบริการแว่นตาเสริมบุคลิกและราศีด้วยนะจ๊ะ
ราคาเริ่มต้น : กรอบแว่น 1,990 บาท ,เลนส์ 1,500 บาท
พิกัด : โรงพยาบาลพญาไท 1 อาคาร 1 ชั้น 3
Source : 1

ร้านตัดแว่นที่เป็นมิตรกับดวงตาและกระเป๋าสตางค์ ใครอยากได้กรอบแว่นตาแบรนด์ดัง พร้อมตัดเลนส์คุณภาพในราคาประหยัดไม่บวกค่าบริการเพิ่มเติมมากมาย ร้านนี้ตอบโจทย์คนงบน้อยอยากสอยแว่นตาดี ๆ ใส่สักอัน แว่นตาและเลนส์ของที่นี่ประกอบด้วยเครื่อง Essilor Digital 3D มาตรฐานฝรั่งเศส สะดวกตรงที่เราไปวัดสายตากับจักษุแพทย์โดยตรง แล้วนำค่าสายตามาสั่งตัดออนไลน์ก็ได้ ส่งฟรีทุกกรณีในเขต กทม. รอรับใน 2 ชม. จ้า
ราคาเริ่มต้น : กรอบแว่น 1,920 บาท ,เลนส์ 1,500 บาท
พิกัด : ยูเซ็นเตอร์ 1 ซอยจุฬา 15 เขตปทุมวัน
Source : 1

ร้านนี้นอกจากคุณภาพจะคับแน่นแล้ว ยังมีบริการหลังการขายตลอดชีพ มีช่างฟิตติ้งที่เข้าใจการใช้งานจริงของตัวเลนส์แต่ละรุ่น ว่าเหมาะกับการฟิตติ้งเลนส์บนกรอบแว่นแบบไหน เหมาะกับคนใส่ยังไง แว่นที่ได้จะพอดีกับศีรษะของเรา ไม่แน่นและไม่หลวม แถมมีกรอบแว่นให้เลือกอย่างจุใจ เช่น Lindberg 1000 รุ่น, Silhouette 200 รุ่น, Ic berlin 200 รุ่น และแบรนด์ชั้นนำฮิต ๆ อีกเยอะเลยค่ะ เรียกได้ว่ามีเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยค้า
ราคาเริ่มต้น : กรอบแว่น 2,000 บาท, เลนส์ 2,900 บาท
พิกัด : อาคารเวฟเพลส BTS เพลินจิต
Source : 1

กรอบแว่นพร้อมเลนส์ราคาสบายกระเป๋า มีกรอบแว่นให้เลือกหลายสไตล์ดีไซน์จากประเทศญี่ปุ่น แต่เห็นราคาถูกแบบนี้ทางร้านเขามีบริการวัดสายตาที่แม่นยำ ด้วยเครื่องวัดที่ได้มาตรฐานสากลนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วงว่าตัดแว่นแล้วจะใส่ไม่ได้ คือถ้ามีปัญหาเขาก็พร้อมแก้ให้ทันที แถมบรรยากาศร้านยังดูดีมีระดับ ตัดเสร็จแล้วถ่ายรูปที่ร้านอัปลงไอจีคือดูแพงมากก
ราคาเริ่มต้น : กรอบพร้อมเลนส์ 990 บาท
พิกัด : เดอะมอลล์ บางกะปิ ชั้น 1
Source : 1

สำหรับใครที่เริ่มหัดตัดแว่น หรือมีปัญหาตัดแว่นสายตามากี่อันก็ไม่เจออันที่เหมาะสมสักที ร้านแว่นโอคูระเป็นร้านที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนใส่แว่นทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะปัญหาใส่แว่นนั่งหน้าคอมไปนาน ๆ แล้วปวดตา หาเลนส์ที่เหมาะสมกับตัวเองไม่ได้สักที โอคูระมีหมอด้านสายตาที่คอยรับฟังปัญหาของเรา และหาวิธีแก้ไขให้ตรงจุดผ่านวิธีเลือกเลนส์ด้วยเลนส์ทดลองเสมือนจริง (Interactive iPad) ทำให้เราเข้าใจปัญหาสายตาของตัวเองขึ้นเยอะเลยละค่ะ
ราคาเริ่มต้น : กรอบแว่น 1,500 บาท, เลนส์ 1,200 บาท
พิกัด : อาคารว่องวานิช บี ชั้น 23 ถนนพระราม 9
Source : 1
กว่าจะได้แว่นสายตาสักอันมาใส่ขั้นตอนมันก็ไม่ได้ง่ายเลยเนอะ แต่เพื่อสุขภาพตาที่ดีอยู่กับเราไปนาน ๆ ต่อให้สายตายังไม่เยอะมากก็ใส่ไว้ถนอมตาดีกว่าค่า ยิ่งกรอบแว่นสมัยนี้ก็มีแบบสวย ๆ เยอะแยะ ถือเป็นไอเท็มบ่งบอกไลฟ์สไตล์ของเราให้ชัดเจนและโดดเด่นมากขึ้น ยิ่งถ้าเลือกให้เหมาะก็เสริมเสน่ห์ เสริมความแพงกันไปอีกกก ว่าแล้วก็ไปหาแว่นมาใส่กันเถอะะ
บทความที่น่าสนใจอื่น ๆ
เอาใจคนรีบ ! ปักหมุด 10 ร้านตัดแว่น บริการเร่งด่วน รอรับได้ทันที
ร้านแว่นตาสุดฮิป! GLAZZIQ แว่นสไตล์เนิร์ดชิคๆ ที่กำลังมา #ร้านดีบอกต่อ