เตรียมกระเพาะให้พร้อม เตรียมท้องให้ว่าง กับบุฟเฟ่ต์นานาชาติสุดพรีเมียมที่ยกขบวนเมนูอาหารมาให้เลือกทานกันแบบไม่อั้น ทุกวันอาทิตย์แรกของทุกเดือนกับ Favola Brunch Exclusivo ตั้งแต่เวลา 11.30 – 15.00 น. ในราคาเพียง 1,999 บาท ที่รวมวัตถุดิบชั้นเลิศจากแหล่งวัตถุดิบคุณภาพทั่วทุกมุมโลก อาทิ อาหารอิตาเลียน อาหารญี่ปุ่น อาหารทะเลสดๆ ทั้ง กุ้งแม่น้ำ, ล็อคลอบสเตอร์, ก้ามปูยักษ์อลาสก้า และไฮไลท์อย่างหอยนางรมหรือออยสเตอร์ เนื้อแน่น หวาน 3 ชนิด ได้แก่ Tsarskaya (หอยนางรมซาร์สกายา), Finee Clair (หอยนางรมฟินแคลร์) และ Belon (หอยนางรมเบลอง) มาให้ทานกันที่เชียงใหม่กันแบบไม่ต้องนั่งเครื่องบินไปทานถึงฝรั่งเศส! พิเศษสุดๆ หากใครจองที่นั่งล่วงหน้า ทางฟาโวล่ามอบเมนูพิเศษให้เลยทันที “Half Canadian Lobster Siciliana Style” พระเอกแห่งน่านน้ำทะเลแอตแลนติกครึ่งตัว และ แชมเปญจน์ 1 แก้ว ต่อท่าน เรียกว่าคุ้มสุดคุ้มในราคา 1,999 บาท เลยทีเดียว

“Favola” (ฟาโวล่า) ห้องอาหารอิตาเลียนรสเลิศที่รอมอบช่วงเวลาแห่งความสุขให้แก่ลูกค้าทุกท่าน
ห้องอาหาร “Favola” มาจากภาษาอิตาลี หมายความว่า “นิทาน” ทุกสิ่งภายในที่แห่งนี้จึงเป็นเรื่องราวที่น่าจดจำ เพียงก้าวแรกที่สัมผัสเสมือนหลุดเข้ามาในสถานที่เราเคยฝัน การตกแต่งล้วนสะท้อนความเป็นตัวตนเอาไว้ชัดเจน ด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่คุมโทนด้วยสีขาวน้ำตาลขับอารมณ์ความเท่ปนความหรูหราทั้งที่นั่ง เพดาน และตามผนังถูกเนรมิตให้เป็นแกลเลอรี่ภาพเกี่ยวกับอาหาร พร้อมไฟสลัวๆ ที่ดึงอารมณ์ในบางจุด เคล้าด้วยเสียงเพลงบรรเลงโอเปราตัดสลับบอสซ่า จึงเป็นเรื่องยากที่จะลุกจากที่นั่ง










ทางฟาโวล่ามีบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติในราคา 1,999 บาทสุทธิต่อท่าน ที่รวมวัตถุดิบชั้นเลิศจากแหล่งวัตถุดิบคุณภาพทั่วทุกมุมโลก ไล่ไปตั้งแต่มุม “Cold Cuts” เกรดพรีเมียมที่รวบรวมบรรดาโคลด์คัตเฉพาะที่ทำจากหมูชนิดต่างๆ โดยนำเข้ามากมายกว่า 10 ชนิด ที่มีให้เลือกทานทั้งแบบไส้กรอก เบคอน แฮม ซาลามี่ ปาเต้ เทอร์รีน และมุมเอาใจคนรักชีสที่นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสและอิตาลีมากถึง 13 ชนิด พร้อมหยิบทานคู่กับขนมปัง ผลไม้อบแห้ง-สด ถั่วนานาชนิด หรือจะเป็นมุมอาหารเรียกน้ำย่อยอย่าง พาสต้า ซูชิ ซาชิมิ และอาหารปรุงสุก

Cold Cuts



รวมชีส 13 ชนิด

สลัดบาร์


ขนมปังแสนนุ่มหยิบทานอย่างจุใจ


มุมซาชิมิ

แซลมอนท็อปปิ้งด้วยไข่ปลาคาเวียร์
และต้องตื่นตาตื่นใจกับไลน์อาหารทะเล มีทั้งหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งแม่น้ำ ร็อคล็อบสเตอร์ ก้ามปูยักษ์อลาสก้า และไฮไลท์อยู่ที่หอยนางรมหรือออยสเตอร์ เนื้อแน่น หวาน 3 ชนิด ได้แก่Tsarskaya (หอยนางรมซาร์สกายา), Finee Clair (หอยนางรมฟินแคลร์) และ Belon (หอยนางรมเบลอง) ส่งตรงจากประเทศฝรั่งเศส เชฟจะยืนงัดเปลือกหอยกันตาต่อตา ทานคู่กับน้ำจิ้มที่หลากรสในรสชาติถูกลิ้นคนไทย หรือจะทานเปล่าๆ ก็ยังเอร็ดอร่อยกับรสหวานเค็มจากน้ำทะเลที่ซึมอยู่ในตัวหอย


ร็อคล็อบสเตอร์

ก้ามใหญ่ๆ

ออยสเตอร์ 3 ชนิด

Finee Clair (หอยนางรมฟินแคลร์)

Belon (หอยนางรมเบลอง)

Tsarskaya (หอยนางรมซาร์สกายา)
นอกจากนั้นแล้วจะมีมุมบรรดาเนื้อที่บีฟเลิฟเวอร์ไม่ควรพลาด ด้วยเนื้อริบอายอิมพอร์ตจากประเทศออสเตรเลีย ขาแกะจากประเทศนิวซีแลนด์ ในฉบับความอร่อยสไตล์อาหารทัสคานี ที่เรียกได้ว่ารสชาติเปรียบได้เหมือนทิวทัศน์สุดสวยในแคว้นทัสคานีในประเทศอิตาลี อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจก็คือ “ฟัวกราส์” นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส เนื้อแน่น เนียลนวล นุ่มลิ้น ชิ้นโตๆ วางบนขนมปังกรอบ ราดด้วยซอสแอปเปิ้ล เสิร์ฟพร้อมผักร็อกเก็ต และเชฟเผยว่าเป็นเมนูที่ลูกค้ามักสั่งเข้าขึ้นเรื่อยๆ






ฟัวกราส์เนื้อแน่นชิ้นโต
ปิดท้ายด้วยขบวนขนมหวาน เมื่อแรกเห็นอยากจะรีบบรรเลงทานอาหารคาวให้เสร็จเร็วๆ ซะเหลือเกิน เพราะทางฟาโวล่าได้มอบความพิเศษสำหรับไลน์นี้ ด้วยของหวานหลากหลายชนิดและมีหน้าตาน่าทานทุกชิ้นจากเชฟมากประสบการณ์ โดดเด่นด้วยเมนู “Raspberry Chocolate Truffles” รูปทรงกลมขนาดเล็ก ภายนอกจะได้รสขมจากดาร์กช๊อกโกแลตเข้มๆ แต่พอกัดเข้าไปน้ำของราสพ์เบอร์รี่รสเปรี้ยวหวานจะทะลักภายในปาก หลังจากนั้นรสชาติจะกลมกลืนกันอย่างลงตัว







Raspberry Chocolate Truffles สองลูกมุมบนขวา เป็นเมนูที่อยากจะห่อเก็บไปทานบ้านซะจริงๆ
ทานอาหารจนอิ่ม ที่นี่ก็มีเมนูเครื่องดื่มเย็นๆ อย่างค็อกเทลให้ลิ้มรสไม่รู้เบื่อเช่นกัน พิเศษสุดๆหากใครจองที่นั่งล่วงหน้า ทางฟาโวล่ามอบเมนูพิเศษให้เลยทันที “Half Canadian Lobster Siciliana Style” พระเอกแห่งน่านน้ำทะเลแอตแลนติกครึ่งตัว และ แชมเปญจน์ 1 แก้ว ต่อท่าน เรียกว่าคุ้มสุดคุ้มในราคา 1,999 บาท เลยทีเดียว





แชมเปญจน์ 1 แก้วสำหรับหนึ่งท่าน (สำหรับท่านที่จองที่นั่งล่วงหน้า)

พิเศษสุดๆ ล็อบสเตอร์สำหรับหนึ่งท่าน (สำหรับท่านที่จองที่นั่งล่วงหน้า)
และในช่วงเวลาค่ำคืนของทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 – 23.00 น. ทางฟาโวล่ามีเมนูอาหารอิตาเลียนแบบ A La Carte ในฉบับอาหารอิตาเลียนต้นตำรับ ให้เลือกรับประทานกันอีกด้วย


เมนูเรียกน้ำย่อยที่จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน

เมื่อได้มุมที่ชอบแล้ว ขนมปังก็จะเสิร์ฟบนโต๊ะเราทันที ขนมปังโฮมเมดพร้อมซอส 3 แบบ ครบรสทั้งเผ็ด หวาน มัน เค็ม ซึ่งให้เราทานรอเพลินๆ
เมนูอาหารมีให้เลือกแบบละลานตา แต่ขอเริ่มจากหยิบยกเมนูอาหาร Starter จานแรกอย่าง “Batutta Di Salmone” (420 บาท) ดูเผินๆ อาจจะคล้ายเมนูแซลมอนทาทาร์ทั่วไป แต่พอได้ชิมคำแรก รับรสได้ถึงความสดจากปลาแซลมอนนอร์เวย์และความหวานมันจากอะโวคาโด แฝงไปด้วยรสชาติน้ำมันมะกอก ท็อปปิ้งไข่ปลาคาเวียร์ โรยด้วยเกลือหิมาลัยตรงกลางจาน เป็นหนึ่งในเมนูที่นอกจากเอร็ดอร่อยแล้ว ยังเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งสิ้น


Batutta Di Salmone
อีกหนึ่งเมนูเรียกน้ำย่อยที่อร่อยรสชาติต้นตำรับอิตาเลียนคือ “Parmigiana V” (310 บาท) หน้าตาอาจคล้ายลาซานญ่า แต่แท้จริงแล้วคือ มะเขือม่วงอบชีส ในเมนูนี้อบด้วยมอสซาเรลล่าชีส พาร์เมซานชีส และผักซูกินี เสิร์ฟมาร้อนๆ อยู่บนโต๊ะจะได้ความหอมกรุ่นจากชีสที่เย้ายวนชวนให้ลิ้มลอง เมื่อได้ตักทานจะสัมผัสถึงความหอมหวลและนุ่มชุ่มฉ่ำตลบอบอวลในลมหายใจจนลืมเมนูนี้ไม่ลง


Parmigiana V
ขยับมาที่เมนูเส้น “Spaghetti Vongole” (450 บาท) อีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของห้องอาหารฟาโวล่า ด้วยเส้นสปาเก็ตตี้โฮมเมดสไตล์อตาเลียน ที่ใครหลายคนต้องลองเป็นต้องติดใจ เมนูนี้ใช้เส้นสปาเก็ตตี้นำไปผัดกับซอสไวน์ขาวที่ผสานรสชาติผักซูกินี ออกรสบางเบา มีความหอมหวานหน่อยๆ จากหอยลาย รสชาติจึงออกมาได้แปลกใหม่สำหรับลิ้นคนไทยมาก แต่ถือว่าเป็นความอร่อยที่หาได้ยาก


Spaghetti Vongole
อีกหนึ่งเมนูที่หาทานได้ยาก อย่าง “Gnocchi Al Taleggio” (380 บาท) ญ็อกกิหรือพาสต้าที่ทำจากแป้งและมันฝรั่งทอด ปั้นออกมาในขนาดพอดีคำ นำไปผัดกับซอสที่มีความหอมฟองดูว์จากชีส Taleggio รสชาติจะไม่เลี่ยนเหมือนชีสทั่วๆ ไป ตักทานได้ไม่มีเบื่อ แต่จะอิ่มท้องโดยไม่รู้ตัว เสิร์ฟพร้อมวอลนัทกรอบๆ โรยด้วยเบคอนเอาไว้ตัดเลี่ยน


Gnocchi Al Taleggio
ต่อด้วยเมนูที่คุ้นหูคุ้นตาของอาหารอิตาเลียนอย่าง “Risotto Ai Frutti Di Mare” (560 บาท) ข้าวริซอตโต เมนูข้าวผัดที่มักทานกันทุกครัวเรือนในประเทศอิตาลี เมล็ดข้าวขนาดอวบอิ่มที่นำไปผัดกับไวน์ขาวและชีสจึงเกิดรสชาติที่เข้มข้น ไม่เลี่ยน และมีความเหนียวเวลาตักทาน ผิวสัมผัสอาจจะไม่คุ้นกับเมล็ดข้าวในไทย แต่รสชาติเรียกได้ว่าตักทานเปล่าๆ ก็เอร็ดอร่อย หรือทานคู่กับอาหารทะเลก็เข้าขากันดี

Risotto Ai Frutti Di Mare เมนูพิซซ่าก็ไม่น้อยหน้า กับ “Favola” (420 บาท) พิซซ่าตำรับอิตาเลียนแท้ๆ อบด้วยเตาฝืน ราดด้วยซอสมะเขือเทศสูตรเฉพาะที่มีความเข้มข้นกลมกล่อมอบอวลด้วยกลิ่นเครื่องเทศ พร้อมความหอมจากมอสซาเรลล่าชีสและกอร์กอนโซล่าชีสที่อิมพอร์ตจากทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี โรยด้วยผักร็อกเก็ต จนได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของฟาโวล่า


Favola
และเมนูเนื้อแกะอย่าง “Costine Di Agnello” (960 บาท) เนื้อแกะที่ว่าปราบเซียนมานักต่อนัก แต่ถ้าได้มาลิ้มรสที่นี่ จะสัมผัสได้ถึงความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ไร้กลิ่นสาบ เนื้อแน่น หั่นง่ายในระดับความสุก Medium รับรสและได้กลิ่นความหอมของเครื่องเทศชัดเจน ปิดท้ายด้วย “Filetto Di Baccala” (890 บาท) ปลาหิมะย่างซอสกับน้ำมันมะกอก ย่างมาในระดับความสุกพอดิบพอดี สังเกตได้จาก texture ที่ขาวเนียน ราดด้วยซอสไวน์ขาวดอกคำฝอย เสิร์ฟพร้อมกับหน่อไม้ฝรั่ง เมื่อได้ทานทั้งสามอย่างพร้อมกัน ได้รับรสหวานเค็มในความรู้สึกที่เรียบง่ายแต่อร่อยล้ำ


Costine Di Agnello


Filetto Di Baccala
ส่งท้ายด้วยสองเมนูของหวาน เริ่มจาก “Tiramisu” (390 บาท) ที่ทำเอาใจละลายได้ไม่ยาก สื่อเรื่องราวความรักลงไปอย่างเอ่อล้น เพราะเชฟแอบบอกว่าเป็นเมนูของหวานชิ้นแรกที่มอบให้กับคนรัก ขนมปังเลดี้ฟิงเกอร์ที่เอาไปแช่กับกาแฟตรา Illy ซึ่งจะทำให้รสชาติค่อยๆ ละเลียดทีละนิดเวลาทาน เสิร์ฟคู่กับมูสมาสคาโปนที่เนียนนุ่ม และ “Crostata Di Fichi E Nocciole Con Selezione Di Gelato” (310 บาท) ไส้เนื้อลูกฟิกช์หรือมะเดือที่ถูกประกบด้วยแม็คคาดีเมียครัมเบิล ราดด้วยซอสราสพ์เบอร์รี่ ทานคู่กับไอศกรีมเจลาโต้อิตาเลียนหลากรสเลือกได้ตามใจชอบ

Tiramisu

Crostata Di Fichi E Nocciole Con Selezione Di Gelato

ยังมีอีกหลากหลายเมนูที่น่าลิ้มลองจากห้องอาหาร “Favola” อีกทั้งยังได้ความทรงจำที่แสนประใจผ่านเมนูอาหารอีกด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือทำการสำรองที่นั่งสามารถติดต่อได้ที่ 053-253-299 หรือ Email: favola.chiangmai@lemeridien.com และทางแฟนเพจเฟสบุ๊ค Favola