#วงในบอกมา
- “MAGURO” มีจุดเริ่มต้นจากเพื่อน 4 คน ที่ต่างหลงรักในอาหารญี่ปุ่นด้วยกันทั้งหมด และพวกเขาอยากเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นใน Quality & Qauntity ที่เทียบเท่าร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่นจริง ๆ
- “Give More with Sushi Moment” คือ หัวใจหลักของครอบครัว “MAGURO” ที่ยึดมั่นมายาวนาน … เพราะเราให้มากกว่าที่คุณขอ
- ทางร้านเล่าให้ฟังว่า ปลาทุกชนิดที่ใช้ นำเข้าสดใหม่ทุกวัน ไม่มีการเก็บแช่ช่องแข็งค้างไว้เด็ดขาด!
ใครจะคิดกันเล่าว่า ชายวัยใกล้ 90 ปี ที่กำลังยืนปั้นซูชิในจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า กับความหลงใหลในปลาดิบและอาชีพของเขา จะมีพลังกระตุ้นต่อมความหิวของ Sushi Lovers อย่างเรา ๆ ได้ดีขนาดนี้ ซึ่ง Jiro Dreams of Sushi ภาพยนตร์สารคดีอาหารเรื่องนี้เอง กำลังทำให้น้ำย่อยในกระเพาะหลั่งหนักกว่าเก่า นอกจากจะจุดประกายเรื่องการตกหลุมรักในงานของตัวเองแล้ว ภาพยนตร์ยังมีพลานุภาพชวนให้น้ำลายสอได้อีกต่างหาก ว่าแล้วก็สไลด์ปิดหน้าจอขอวิ่งเข้า "MAGURO" … ร้านอาหารญี่ปุ่นประจำครอบครัวกันดีกว่า
หลังรอต่อคิวได้ครู่หนึ่ง ชื่อของเราก็เป็นผู้ถูกเลือก ไม่รอช้า … รีบแจ้นเข้าร้านโดยไว! กางเมนูจิ้มสั่งตามประสาแฟนคลับขาประจำทันที ร้าน "MAGURO" ผสมผสานการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น และตะวันตกเข้าด้วยกัน ทางร้านเลือกใช้เก้าอี้ และโซฟาเบาะนุ่มน่านั่ง ภายในร้านให้ความรู้สึกสบาย ๆ ด้วยโครงสร้างที่ดูโปร่งโล่งตา อากาศที่ถ่ายเทในร้านก็ช่วยให้ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด นอกจากนี้บนผนังร้านยังมีกรอบรูปบรรจุภาพถ่ายบรรยากาศแบบญี่ปุ่น ๆ ไว้อีกด้วย ทั้งยังมีภาพลายเส้นที่ผู้จัดการกระซิบมาว่า ทางร้านให้ Painter มาวาดกันสด ๆ ตรงนี้เลย
ชิลกับบรรยากาศโดยรอบไม่ทันไร “7 Oceans” (1,290 บาท) จานมหึมาก็เสิร์ฟตรงหน้า รวมวัตถุดิบสารพัดอย่างในปริมาณจุใจตามคอนเซปต์ “การให้มากกว่าที่ขอ” พร้อมดูแลวัตถุดิบอย่างดีที่สุด ถือเป็นซาชิมิในราคาน่าคบที่ห้ามพลาด
ทั้ง “Salmon” เนื้อหวานนุ่ม “Salmon Toro” ส่วนท้องแทรกไขมันปลาแบบฉ่ำ ๆ ชนิดละลายในปาก “Ikura” ไข่ปลาแซลมอน เค็มนิด ๆ หอมกลิ่นน้ำทะเล “Maguro” เนื้อแดงสดน่ากัด “Akami” เนื้อแน่นแบบเต็มคำ “Hotate” นุ่ม ลื่น หวาน “Engawa” เคี้ยวกรึบสุดมัน และท้ายสุด “Hamachi” วัตถุดิบหายาก เนื้อมัน นุ่ม เด้ง สวรรค์ของคนรักปลาดิบ!
นอกจากนี้ ทางร้านยังเปิดเพลงบรรเลงเพิ่มความผ่อนคลายอีกด้วย และในระหว่างรออาหาร เราก็ขอแวะชมเคาน์เตอร์บาร์กันสักเล็กน้อย ประจวบเหมาะพอดีกับที่เชฟกำลังแสดงฝีไม้ลายมือในจาน “Mini Omakase Kiiro Set” (1,390 บาท) ซึ่งในชุดนี้ เชฟจะเป็นคนเลือกซูชิหน้าต่าง ๆ ให้แก่คุณลูกค้า คัดสรรจากวัตถุดิบในแต่ละวัน ทั้งนี้ทั้งนั้น เราสามารถรีเควสต์ให้เชฟช่วยรังสรรค์เมนูที่เราอยากลองในสไตล์ของเชฟได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นความสนุกสนาน และการแบ่งปันไอเดียร่วมกันระหว่างเชฟและเรา!
กำลังเสพงานศิลป์บนจานอาหารอย่างเพลิดเพลินอยู่พอดี จานเด็ดอีกจานก็จ่อคิวรออยู่แล้ว “Angel Truffle” (450 บาท) เตรียมเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารในกระทะร้อนฉ่า เป็นอีกเมนูหายากที่ต้องรีบสั่ง! ด้วยเห็ดยอดนิยมที่ใคร ๆ ต่างหลงใหล อีกทั้งกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ก็ยั่วยวนใจเสียเหลือเกิน
ไหนจะครีมซอสสีเหลืองละมุนที่ราดลงบนกระทะร้อนนั่นอีก ตัวซอสจะมีความหนืด หอมชีส หอมนม ทว่าไม่เลี่ยนเลยสักนิด ยิ่งกินพร้อมกับแซลมอนโรล และไข่ปลาคาเวียร์ด้านบนด้วยแล้ว ถูกใจวัยรุ่นแบบไม่ต้องสืบ!
รออีกไม่ถึงนาที “Bara Don” (450 บาท) พูนชามก็พร้อมกิน เสิร์ฟมาแบบจุใจสุด ๆ ภายในอัดแน่นด้วยข้าวญี่ปุ่นหุงสุกร้อน ๆ โปะด้วย “ฮามาจิ”, “อิคุระ”, “แซลมอน”, “ทูน่า” ชิ้นเท่าลูกเต๋าแบบพอดีคำ ตบท้ายด้วย "ไข่ปลาโทบิโกะ" โรยด้านบน การันตีเรื่องความสดใหม่ไร้กลิ่นคาว กินคู่กับวาซาบิและโชยุ ลงตัว!
อีกไฮไลต์ที่เป็นที่กล่าวขานของสาวกวาซาบิ กับจานที่มีชื่อว่า “Tako Wasabi” (90 บาท) กินเรียกน้ำย่อยก็ดีหรือกินเป็นกับแกล้มก็ได้ ด้วยรสชาติกลมกล่อมแบบไม่จัดจ้านหรือฉุนเกินพอดี ช่วยตัดเลี่ยนได้ดีเลยล่ะ แถมยังให้เนื้อสัมผัสหนุบหนับยามเคี้ยว หอมกลิ่นวาซาบิจากการดองในเวลาที่เหมาะสม จนซอสสามารถซึมผ่านเข้าตัวปลาหมึกได้พอดิบพอดี จัดได้ว่าอิ่มหนำสำราญชนิดสมบูรณ์แบบ!
“Soft Shell Crab Salad” (320 บาท) ตามมาติด ๆ ปิดท้ายไว้กินเล่น กับผักสลัดชามยักษ์เน้นปริมาณตามสัญญา สำหรับปูนิ่ม ทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบเกรดดีจากเจ้าที่สดใหม่ แป้งทอดกรอบก็ผสมโดยสูตรพิเศษของ "MAGURO" จากนั้นนำไปทอดด้วยน้ำมัน และอุณหภูมิในระดับที่เหมาะสม รับประกันว่ากรุบกรอบ และไม่อมน้ำมัน ส่วนน้ำสลัด ทางร้านแยกไว้ให้ต่างหาก เพราะหากราดไปทั้งหมด ปูนิ่มอาจไม่กรอบอย่างที่ควรจะเป็น กินเพลินใช่เล่นทีเดียว!
"MAGURO" ไม่เพียงการันตีเรื่องปริมาณอันจุใจ แต่รวมไปจนถึงความสดใหม่ที่มอบให้ลูกค้าอย่างจริงใจ ทางร้านทำงานเป็นระบบด้วยการแยกเคาน์เตอร์ชัดเจน ทั้งเคาน์เตอร์ซาชิมิ โรล และซูชิ ทำหมดวันต่อวันในแบบที่ไม่มีค้างคืน รวมถึงให้ความสำคัญเรื่อง “ศิลปะบนจานอาหาร” เพราะแทบทุกจานของ "MAGURO" จะผ่านการตกแต่งจากเชฟที่ไม่มีรูปแบบตายตัว จึงกล่าวได้ว่า เจ้าของร้านให้อิสระในการบรรเลงอารมณ์ศิลป์ของเชฟอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นแล้ว เมนูเดียวกันของลูกค้าแต่ละโต๊ะก็อาจจะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว นับเป็นความบันเทิงที่ทำให้ "MAGURO" มีเสน่ห์สุด ๆ
ถึงตอนนี้ "MAGURO" มีอายุได้ราว 4 ปี! ถือเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมที่เป็นที่รู้จักท่ามกลางสาวกปลาดิบทั้งหลาย อีกเสน่ห์ที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อย ๆ คือ การผลิตคอนเทนต์สำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่น ทางร้านทำคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ สร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์เป็นมากกว่าแค่ร้านอาหาร แต่เป็นเสมือนแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลของสังคมระหว่างลูกค้าและทางร้าน ใครติดตามเป็นต้องติดใจ
วัตถุดิบที่ดีอย่างเดียวไม่เพียงพอ ความชำนาญของเชฟด้วยต่างหากที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน การได้กินอาหารแบบใกล้ชิดกับเชฟ ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนรักอาหาร และการได้เห็นเทคนิกการปั้นซูชิเช่นนี้ ก็เพลิดเพลินไม่แพ้การทำกิจกรรมอื่นใด ก่อนออกจากร้าน ไม่วายชะเง้อมองดูลีลาของเชฟอีกสักครา ท่วงท่าที่รวดเร็ว หนักแน่น แต่ก็นุ่มนวลไปในคราวเดียวกัน … ดูไม้พายจุ่มน้ำซอสที่ค่อย ๆ บรรจงปาดลงไปบนชิ้นปลาอย่างเบามือนั้นสิ ความเงาวับจับตา ดู๊ดู ขนาดอิ่มขนาดนี้ ยังรู้สึกน่ากินสุด ๆ ไปเลย! ไว้ครั้งหน้ามาใหม่ สัญญา!
การเดินทาง
ร้าน "MAGURO" มีให้เลือกกินทั้งหมด 8 สาขาด้วยกัน ซึ่งสำหรับสาขา Siam Square One นี้ ตั้งอยู่ชั้น 4 ใครที่อยากลองมาลิ้มลองความเลอค่าของวัตถุดิบสดใหม่แบบนี้ นั่ง BTS มาลงสถานีสยามได้เลยจ้า อาศัยทางเชื่อมจากสถานีรถไฟฟ้า เดินต่ออีกนิดก็ได้กินแล้ว! หรือหากใครอยากติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่ได้เลย!