#วงในบอกมา
- ร้านอาหารบรรยากาศดีที่จะทำให้คุณเหมือนได้ไปอยู่ที่เมือง Como ประเทศอิตาลี
- ตกแต่งด้วยศิลปะแบบ “Villa in Lake Como” และเฟอร์นิเจอร์ European Antique ที่มีอายุการใช้งานมากว่า 100 ปี
- ใช้วัถตุดิบระดับพรีเมียมและทุกเมนูถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่จากเจ้าของร้านที่จบจาก Le Cordon Bleu

คุณว่าอาหารให้อะไรกับคุณบ้าง ให้รสชาติ ให้ภาพลักษณ์ แล้วถ้าอาหารหนึ่งจากให้คุณได้มากกว่านั้นหละ วันนี้พวกเราชาว Wongnai ชลบุรี จะขอพาทุกท่านไปพบกับอาหารที่สร้างจากจิตวิญญาณ ความรัก และความหลงใหล ที่ทำให้คุณได้สัมผัมกับความลึกซึ้งของอาหารที่ผ่านกระบวนการทางความคิดมาอย่างลงตัวกับร้าน “GOSH” ร้านอาหารบรรยากาศดี ชลบุรี
“GOSH” ร้านอาหารที่ลึกซึ้งตั้งแต่ชื่อร้าน เพราะเป็นคำแสลงมาจากคำว่า GOD แบบที่ไม่ว่าใครได้มาลิ้มลองอาหาร ก็ต้องร้องออกมาว่า “Oh My God!” แต่ถ้าแยกแต่ละตัวอักษรของคำว่า G-O-S-H ออกมา ก็จะได้คำว่า G-Garlic, O-Onion, S-Spices, H-Herbs ซึ่งส่วนประกอบทั้ง 4 ชนิดนี้ก็คือ หัวใจหลักของการเติมแต่งอาหารเพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัว

และเมื่อคุณก้าวเข้ามาในร้านคุณจะพบว่าคุณหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยศิลปะในทุกแขนง ทั้งสถาปัตยกรรมที่สวยงาม งานประติมากรรมที่เข้ากันกับสถานที่ ภาพวาดสีน้ำมันที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่า โดยทั้งหมดทั้งม้วนรวมกันจะเรียกว่าการตกแต่งแบบ “Villa in Lake Como” ในด้านของเฟอร์นิเจอร์ จะเน้นไปทาง European Antique ที่มีอายุการใช้งานมากว่า 50-100 ปี ที่มาของการตกแต่งก็มาจากตัวเจ้าของการเอง ที่มีโอกาสได้เดินทางไปที่เมือง Como ประเทศอิตาลี แล้วรู้สึกชอบอยากจะย้ายไปอยู่ที่เมืองนั้นแต่อยู่ที่ไหนก็ไม่เมืองเมืองไทย จึงยกเมือง Como มาอยู่ที่ร้าน “GOSH” ซะเลย และถ้าชอบบรรยากาศธรรมชาติก็แนะนำให้มาช่วงเย็น ๆ มีที่นั่งติดริมน้ำที่มีหงส์แหวกว่ายอยู่โดยรอบ พร้อมกับวิวเขาชีจรรย์ บอกเลยว่าเป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีจริง ๆ





โดยสไตล์อาหารของที่ร้าน “GOSH” ร้านอาหารบรรยากาศดี ชลบุรี เรียกได้ว่าเป็นร้านแรกในพัทยาที่เปิดแบบ “Modern Cuisine & Winey” อาหารของร้านจะใช้ศาสตร์ในการทำแบบ Innovative&Molecular เจ้าของร้านเป็นคนคิด และสร้างสรรค์ออกมาเอง มีความรู้ทางด้านอาหารอย่างลึกซึ้งเพราะเรียนจบมาจาก Le Cordon Bleu โดยแต่ละเมนูจะใส่จิตวิญญาณความเป็นตัวเองลงไปด้วย โดยเมนูแรกที่นำออกเสิร์ฟคือ “Truffle Wagyu Tartare” (ราคา 690 บาท) เมนูเนื้อ Wagyu A5 หันสไตล์เกาหลี (หันเป็นเส้นยาว) โดยมีน้ำซอสสูตรพิเศษ Truffle Tartare เป็นซอสเห็ด Truffle นำเข้าจากอิตาลี ปิดท้ายด้วยการรมควันจากไม้แอปเปิลเพื่อให้กลิ่นหอมและชูรสชาติของเนื้อ Wagyu A5 ท็อปด้วยไข่แดง วิธีการกินคือต้องคลุกให้เข้ากัน เมื่อกินจะได้รสชาติที่กลมกล่อม


ก่อนจะเข้าเมนูที่สอง ต้องขอบอกเลยว่าเชฟที่ร้าน “GOSH” เป็นเชฟคนไทย ที่รังสรรค์รสชาติให้คนกินได้ง่าย กลมกล่อม แต่ถึงแม้จะเป็นเชฟคนไทยแต่หัวหน้าเชฟก็มีประสบการณ์การทำอาหารมากกว่า 10 ปี เคยเป็นหัวหน้าเชฟอยู่ที่ร้านอาหารในเมือง Melbourne ในประเทศออสเตรเลียและทีมเชฟทุกท่านก็มีประสบการณ์การทำอาหารมากกว่า 10 ปีเช่นกัน เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว ขอเข้าเมนูที่สองกันเลยกับ “Wagyu Katsu Sandwich” (ราคา 900/1,800 บาท) โดยแรงบรรดาลใจของเมนูนี้มาจากการไปกินโอมากาเสะ และเชฟเสิร์ฟเมนู Wagyu A5 ชุปแป้งทอดแบบ Katsu พอได้ลองกินแล้วชอบจึงพัฒนามาเป็นเมนูนี้ ภายใน Sandwich จะมี GOSH Sauce ที่ทำขึ้นมาจาก Black Garlic ท็อปด้วยทอง 24K Food grade เมื่อกินเข้าไปแล้วจะรับรูปได้ถึงความหอมของ Black Garlic ได้ความกรอบจากแป้งด้านนอก ผสมเข้ากับเนื้อฉ่ำ ๆ บอกเลยว่าคุ้มค่าแก่การสั่งมาก ๆ

เมนูเนื้อยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ขอบอกไว้ก่อนว่าเมนูนี้ส่วนตัวแล้วชอบมาก ๆ ว้าวตั้งแต่การตกแต่งจาน จนมาถึงรสชาติ เมนูนี้คือ “GOSH Wagyu Steak” (ราคา 2,500 บาท) เนื้อ A5 Striploin Wagyu ชั้นเลิศ ห่อด้วย ทอง 24K Food grade กินคู่กับข้าวอบ Truffle พร้อมกับ Black Garlic Jell และ Yakiniku Jus Sauce ซอสสูตรพิเศษที่ผสมกับ ยากินิกุผสมผสานซอสสเต๊กแบบฝรั่งเศษ เมื่อกินรวมกันแล้วรสชาติลงตัวมาก ๆ เนื้อนุ่มเคี้ยวง่าย ซอสรสเข้มข้น แบบที่กินแล้วต้องร้องว่า “Oh My GOSH”


มาต่อกันกับเมนูอาหารทะเลกับบ้างกับ “Octopus” (ราคา 590 บาท) หนวดหมึกยักษ์ที่นำไปหมักกับเครื่องปรุงสูตรพิเศษ ใช้เวลาหมัก 1 วันเต็ม ๆ จนรสซึมเข้าเนื้อและนำมาย่างถ่านให้กลิ่นหอมชวนกิน เสิร์ฟมาคู่กับ Black Ink Sauce, Green Chili Gel และSriracha Gel ตัดรสชาติด้วย Fennel Pickle ให้ความรู้สึกสดชื่นและ Purple Cabbage Coleslaw เมื่อกัดคำแรกแล้วจะพบกับรสชาติที่แทรกอยู่ในหมึก เมื่อจิ้มกับซอสจะรสชาติที่ครบรสมากยิ่งขึ้น

และใครที่ชอบปลาแซลมอนต้องไม่พลาดกับเมนู “Hot Smoke Salmon” (ราคา 590 บาท) ใช้ King Salmon จาก นิวซีแลนด์ ที่มีไขมันแทรกอยู่เยอะ รมควันร้อนด้วยอุณหภูมิต่ำ เนื้อสัมผัสที่ได้จะเป็นแบบ Medium Rare เนื้อจะนุ่ม ฉ่ำ ไม่ร่วน เสิร์ฟมาคู่กับ Miso Sauce ที่มีกลิ่นหอม รสนุ่มนวล ท็อปด้วยหนังปลาแซลมอลเพื่อเพิ่มเท็กซ์เจอร์ความกรอบ และตัดเลี่ยนด้วย Ikura Salsa รสชาติเข้ากันอย่างพอดี

ต่อกันด้วยเมนูปูไซส์ยักอย่าง “King Crab Pasta” (ราคา 1,490 บาท) ปูทาราบะนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ย่างถ่านเพิ่มความหอม เมื่อกินจะได้กินไหม้นิด ๆ รสหวาน เนื้อแน่น เส้นมาคู่กับเส้นพาสตาที่คลุกเคล้ามากับมันปูญี่ปุ่น ที่เคลือบมาจนทั่วเส้น พอกินเคี้ยวไปแล้วจะได้รับความหอม และรสสัมผัสของปูทาราบะเต็ม ๆ

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดกับ “Scallop's Nest Truffle Sauce / Smoked Cauliflower Sauce” (ราคา 590 บาท) หอยเชลล์ไซส์ใหญ่จาก ฮอกไกโด เนื้อหวานฉ่ำ ห่อด้วยเส้น Kataifi เส้นนำเข้าจากสเปนที่มีเท็กซ์เจอร์กรอบตัดกับเนื้อหอยเชลล์ กินคู่กับ Truffle Sauce เมื่อกินพร้อมกันในคำเดียวจะได้รสชาติที่กำลังพอดี เคี้ยวแต่ละทำจะให้ความรู้สึกของรสชาติ ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจากความหวานที่ค่อย ๆ ออกมาจากเนื้อหอยเชลล์


ปิดท้ายด้วยของหวานที่รสชาติสุดพิเศษ เป็นความคุ้นเคยที่แปลกใหม่กับ “Raspberry Snow Creme Brulee” (ราคา 320 บาท) เมนูนี้คือ Classic Creme Brulee ที่เราคุ้นเคย แต่เพิ่มความพิเศษด้วย Raspberry Snow โดยใช้ศาสตร์ Molecular ที่ใช้ไนโตรเจน พรีเซนต์ด้วยการโรยเหมือนหิมะที่ค่อย ๆ ตกลงมา เมื่อตักกินคู่กันจะได้รสสัมผัสที่นุ่มละมุน หวาน แต่จะแฝงไปด้วยความเปรี้ยว ยิ่งกินยิ่งได้รสชาติที่เข้นข้น จนไม่อยากวางช้อน โดยในทุกเมนูถ้าได้กินกับเครื่องดื่มชั้นเลิศจะยิ่งเพิ่มรสชาติให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น


มื้ออาหารสุดพิเศษที่ไม่ว่าจะกินกี่ครั้งก็ทำให้เราประทับใจได้เสมอ ถ้าหาคุณเป็นคนที่รักในการกินอาหาร ชอบลิ้มลองอาหารที่มีความแปลกใหม่ และเป็นเมนูที่ผ่านกระบวนการความคิดในทุก ๆ ขั้นตอนจนออกมาเป็นอาหารชั้นเลิศ ก็ขอให้คุณมาลองที่ร้านอาหารฟิวชั่น ชลบุรี ที่จะทำให้คุณพบกับความตื่นเต้น และเมื่อได้กินคุณจะต้องเผลออุทานออกมาว่า “Oh My GOSH” และถ้าอยากอัปเดตร้านอาหารในจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออกก็อย่าลืมมากดไลก์ ชลบุรีกินอะไรดี? ด้วยนะคะ
การเดินทาง
- ตั้งอยู่ในโครงการ Citta Di Commo (City the Como) เลยเขาชีจรรย์ ซ้ายมือก่อนถึงมุมอร่อยโคโม่
- เวลาเปิด-ปิด : 11.00 น. - 00.00 น.
- เบอร์ : 086-838-8448