ได้กลับมาเยือนโรงแรมโปรดอย่าง Kimpton Maa-Lai Bangkok อีกครั้งแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจดีจริง ๆ ประทับใจจากห้องอาหาร “Bar.Yard” ยังไม่หาย วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปสัมผัสกับความประทับใจใหม่จากโรงแรมแห่งนี้ต่ออย่างไม่รีรอ บอกเลยว่าใครที่ชอบอาหารอิตาเลียน และบรรยากาศแบบเลานจ์ส่วนตัว แต่ยังคงความอบอุ่นไว้ได้ดี ต้องห้ามพลาดเลยทีเดียว เพราะเราจะพาทุกคนไปที่ “Ms.Jigger” ร้านอาหารอิตาเลียนและบาร์ที่ชั้นแรกของโรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok
“Ms.Jigger” คือบาร์ที่เรียกได้ว่ามีคอนเซปต์สุดลึกซึ้งและน่าสนใจ เพราะที่นี่ตั้งชื่อตามตัวละครสมมตินามว่า Ms.Jigger นักเดินทางผู้มั่งคั่งจากอิตาลี ที่เดินทางไปทั่วไปโลก และได้พบกับประสบการณ์สุดพิเศษมากมาย และนำมาถ่ายทอดให้กลายเป็นอาหารจานเด็ดในรูปแบบของอาหารอิตาเลียนดั้งเดิม และเครื่องดื่มมากมายที่มีเรื่องราวสุดแสนน่าประทับใจและน่าหลงใหลเป็นเบื้องหลัง แค่บรรยากาศของร้านก็สามารถบ่งบอกถึงความลึกลับน่าค้นหาได้เป็นอย่างดี และยังตกแต่งด้วยความหรูหรา บรรยากาศเหมือนอยู่ในเลานจ์ส่วนตัว และยังมีบริเวณเทอร์เรซด้านนอกท่ามกลางวิวเขียวชอุ่มให้ได้เลือกมุมโปรดกันอีกด้วย
เปิดการเดินทางครั้งนี้ด้วยอาหารที่ “Ms.Jigger” ตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นอิตาเลียนแท้ ๆ ผ่านการเลือกสร้างสรรค์เมนู “Homemade Riccotta Spianata Romana” (290 บาท) ขึ้นมา เมนูนี้เป็นเมนูอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ ที่ทางร้านเลือกใช้ชีสริคอตต้าโฮมเมดรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟบนขนมปัง Sourdough ที่ถูกนำไปปิ้งจนหอมและกรอบได้ที่ เมนูนี้บอกเลยว่ามาแล้วต้องสั่ง เพราะเหมือนเป็นเมนูเปิดหน้าการเดินทางตามรอย Ms.Jigger นั่นเอง
อีกหนึ่งเมนูที่บ่งบอกความเป็นอิตาเลียนได้อย่างไม่ต้องสงสัยก็คือ “24-Month Parma Ham” (470 บาท) พิซซ่าทำมือแท้ ๆ ในแบบฉบับอิตาเลียนโฮมเมด เมนูนี้ทางร้านเลือกใช้ชีสมอสซาเรลลารสละมุนลิ้น พร้อมแฮมพาร์มารสชาติเข้มข้นที่ใช้เวลาหมักนานถึง 24 เดือน ทำให้พิซซ่าเมนูนี้มีความพิเศษในเรื่องของรสชาติที่มีความกลมกล่อมจนต้องหยิบอีกชิ้น!
มาต่อกันที่เมนูหนัก ๆ หน้าตาดูธรรมดา แต่รสชาติเกินราคาอย่าง “Polpette al Sugo Piccante con Pecorino Romano” (320 บาท) มีทบอลที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสมะเขือเทศรสเผ็ดและชีสเพโคริโนรสชาติเข้มข้น เอาใจคนชอบกินเนื้อด้วยการเลือกใช้เนื้อชั้นดี ก่อนจะนำมาหมักกับเครื่องเทศหลากหลายให้เกิดรสชาติและกลิ่นที่ลงตัว ราดด้วยซอสมะเขือเทศรสเผ็ดที่มีความเข้มข้น รสชาติหวานเปรี้ยวตัดกับรสของเนื้อได้เป็นอย่างดี
เต็มอิ่มกับเนื้อแกะคุณภาพดีกับเมนู “Lamp Chop with Mastard and Hearb Crush” (790 บาท) จานนี้เลย ด้วยการเสิร์ฟแบบ Medium Rare ทำให้กลิ่นของเนื้อแกะนั้นไม่แรงอย่างที่คิด ทางร้าน “Ms.Jigger” เลือกใช้มัสตาร์ดในการช่วยดึงรสของเนื้อแกะออกมาให้ได้มากที่สุด โรยด้วยสมุนไพรบดอย่างโหระพาและอิตาเลียนเบซิล เพื่อให้ช่วยเพิ่มความหอมให้กับจานนี้ พร้อมทั้งยังทำให้รสชาติละมุนลิ้นสุด ๆ อีกด้วย
ปิดท้ายเมนูอาหารกันด้วย “Homemade Ravioli filled with Spanish and Ricotta” (390 บาท) ที่จะทำให้รู้สึกว่าเราได้กลับไปที่บ้านของ Ms.Jigger ในอิตาลีได้อย่างชัดเจน เพราะเมนูนี้เป็นราวิโอลี หรือเกี๊ยวอิตาเลียน เมนูอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ ที่ทุกบ้านต้องมี โดย “Ms.Jigger” เลือกเสิร์ฟเป็นไส้ผักโขมชีส ท็อปด้วยชีสพาร์เมซาน ราดด้วยซอส 2 สูตรพิเศษทั้งซอสมะเขือเทศรสเผ็ด และซอสเพสโตรสชาติกลมกล่อม จานนี้บอกเลยว่ากินแล้วเหมือนได้ไปนั่งอยู่ในครัวของครอบครัวชาวอิตาเลียนแท้ ๆ เลยทีเดียว
กินคาวก็ต้องกินหวาน วันนี้เราลองเป็นของหวาน 2 เมนูเด็ดที่เชื่อว่าใครได้ลองก็ต้องติดใจอย่าง “Ms.Jigger Titamisu” (320 บาท) ทีรามิสุเนื้อนุ่มละลายในปากรสชาติเข้มข้นชิ้นนี้ บอกเลยว่ากินแล้วหยุดไม่ได้จริง ๆ รสชาติทุกอย่างลงตัวละมุนลิ้นไปหมด อีกหนึ่งเมนูที่น่าประทับใจไม่แพ้กันคือ “Tortino di Ciocolato Caldo Com Banana” (350 บาท) หรือช็อกโกแลตลาวาที่เสิร์ฟมาพร้อมกับกล้วยเคลือบคาราเมลกรอบ เพิ่มเนื้อสัมผัสให้ทุกคำที่กินเข้าไป พร้อมเพิ่มรสหวานเบา ๆ ตัดกับความเข้มของช็อกโกแลตได้เป็นอย่างดี เสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมชาเขียวหอม ๆ ช็อกโกแลตเลิฟเว่อร์ต้องยกนิ้วให้เลยทีเดียว
ปิดท้ายกันที่เมนูเครื่องดื่มจากบาร์ที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มหายากจากทั่วทุกมุมโลก ในมุมที่มีชื่อเรียกว่า Spirits Library มีทีมบาร์เทนเดอร์หญิงล้วนที่นำโดย Lorianne Spach หัวหน้าบาร์เทนเดอร์ลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ทำให้เห็นถึงจิตวิญญาณความเป็นสากลของ “Ms.Jigger” ถ่ายทอดเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์หลากหลายที่มีเรื่องราวให้ติดตามกัน
เครื่องดื่มซิกเนเจอร์แรกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายหอมหวานของดอกไม้นานาชนิดก็คือ “Nuitèè à Paris” (370 บาท) ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากเรื่องราวของ Ms.Jigger ตอนที่ไปเยือนเมืองโรแมนติกอย่างปารีส และพบกับศิลปินหนุ่มชาวปารีเซียง พวกเราเดินชมเมืองด้วยกัน และตกหลุมรักไปกับบรรยากาศตรงหน้า แต่เสียดายที่ Ms.Jigger ต้องเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น เครื่องดื่มแก้วนี้จึงเต็มไปด้วยรสชาติที่หอมหวาน น่าหลงใหล ยิ่งได้รับรู้เรื่องราวแล้วยิ่งทำให้เครื่องดื่มแก้วนี้โรแมนติกสุด ๆ อีกหนึ่งเมนูคือ “Feast of Ferragosto” (340 บาท) เครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยรสชาติของส่วนผสมสุดเฟรชจากสวนหลังบ้าน มีกลิ่นของสมุนไพรมากมาย ปิดท้ายด้วยการโรยชีสพาร์เมซานที่หมักนานถึง 24 เดือน และพริกไทย เพิ่มความหอมเหมือนได้กินอาหารอยู่ในครัวอิตาเลียนไม่มีผิด
หากใครต้องการสัมผัสกับประสบการณ์การกินอาหารอิตาเลียนแบบใหม่ และเดินทางไปพร้อม ๆ กับ Ms.Jigger แล้วล่ะก็ อย่าลืมลองมากินอาหารในบรรยากาศเลานจ์ส่วนตัวสุดหรู แต่ยังคงไปด้วยความอบอุ่นและความกันเองที่ “Ms.Jigger” ห้องอาหารที่ชั้นแรกของโรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok แห่งนี้ บอกเลยว่าจะได้ความประทับใจตั้งแต่เรื่องของบรรยากาศ การบริการ จนไปถึงรสชาติของอาหารเลยทีเดียว
การเดินทาง
นำรถยนต์ส่วนตัวมาจอดได้ที่โรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok หรือเดินทางด้วย BTS ลงที่สถานีเพลินจิตหรือชิดลม แล้วต่อรถเข้ามาได้เลย