หากจะกล่าวถึงโรงแรมสุดหรู ในบรรยากาศสวยงามท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่นแบบมีระดับ ชื่อต้นๆ ที่ต้องนึกถึงคงหนีไม่พ้นโรงแรม 137 Pillars House หรือ “บ้าน 137 เสา” บูติกโฮเต็ลสุดหรู ที่มาพร้อมกับความทันสมัย ความสะดวกสบาย และความละเมียดละไม ใส่ใจในทุกรายละเอียด จนได้รับการยกย่องจากสื่อหลายๆ แห่งให้เป็นหนึ่งในโรงแรมร่วมสมัยที่สวยที่สุดในเชียงใหม่





นอกจากห้องสุดหรูและบรรยากาศสวยงามแล้ว 137 Pillars House ยังนำอาคารบ้าน 137 เสา หลังเก่าดั้งเดิมมาปรับปรุงเป็นห้องอาหารและเครื่องดื่มที่ตกแต่งอย่างสวยงาม โดยแบ่งเป็นส่วนต่างๆ อาทิ "The Dining Room" สำหรับอาหารเช้า กลางวัน เย็น ที่มีทั้งอาหารไทย และอาหารนานาชาติไว้บริการ พร้อมเพลิดเพลินไปกับนักเปียโนที่จะมาขับกล่อมเสียงเพลงในช่วงหัวค่ำ และห้องที่เราจะพาไปรู้จักกันในวันนี้มีชื่อว่า "Palette" ที่ให้บริการอาหาร Western Fine Dining ที่รายล้อมไปด้วยผลงานภาพวาดสีน้ำมันในห้องอาหาร ซึ่งผลงานภาพวาดเหล่านี้จะคอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในทุก 2-3 เดือน เพื่อให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินไปกับงานศิลปะชิ้นใหม่ได้เรื่อยๆ




ห้อง Palette นำเสนอสุดยอดเมนูที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ไม่ว่าใครที่ได้ลิ้มลองก็ต้องหลงใหลในรสชาติของฝีมือ "เชฟอัมพร เชิงงาม" ด้วยฝีมือในการรังสรรอาหารอย่างเหนือชั้น พร้อมด้วยความมุ่งมั่นและความสร้างสรรค์ในแบบที่ไม่เหมือนใคร ทำให้เมนูของที่นี่มีสีสันงดงามดั่งภาพวาด เน้นในรสชาติอันแท้จริงของวัตถุดิบสดใหม่ปรุงขึ้นเป็นอาหารแต่ละจาน โดยคงรสชาติดั้งเดิมไว้ให้มากที่สุด โดยไม่เสริมด้วยสารปรุงแต่งสังเคราะห์ใดๆ เน้นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคซึ่งผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เพื่อให้ทุกคำสามารถมอบรสชาติอันสุนทรีและความรื่นรมย์ โดดเด่นไปด้วยความสวยงามพิถีพิถันในสไตล์ Gastronomic Cuisine ที่ใครมาทานแล้วต้องพกความประทับใจกลับไปแบบไม่รู้ลืม

"เชฟอัมพร เชิงงาม"
เริ่มกันที่เมนูแรกเป็น Apitizers "Mango Carpaccio with Chopped Tuna Tartar and Smoked Salmon Roll" (290 ++) เมนูนี้เป็นการผสมผสานระหว่างซีฟู้ดกับผลไม้ตามฤดูกาล เพิ่มสีสันด้วยมูสมะนาวอะโวคาโด เชฟเลือกใช้มะม่วงสุกหั่นบางเนื้อเนียนนุ่ม ท็อปด้านบนด้วยเนื้อแซลมอนโรลรมควัน ด้านในสอดไส้ด้วยชีสนมแพะและเนื้อปู บนจานยังมีทูน่าทาร์ทาร์ ช่วยเพิ่มรสชาติที่หลากหลายให้กับอาหารจานนี้ จัดว่าเป็นจานเรียกน้ำย่อยที่เหมาะกับไวน์ขาวรสนุ่มละมุนมากๆ อีกทั้งซอสมะม่วงรสหวานกลมกล่อม ก็ยิ่งช่วยขับเน้นรสชาติหวานมันของเนื้อปลาแซลมอนและทูน่าสดให้อร่อยมากยิ่งขึ้น


ถัดมาเป็น "Cioppino of Sea Scallops, Prawns and Clams" (250++) จานนี้จุดเด่นคือตัวน้ำซอสกลิ่นซีฟู้ด สไตล์ Bouillabaisse (บุยยาเบส) น้ำซอสหอมกลิ่นทะเลจานหรูสไตล์ฝรั่งเศส ด้วยส่วนผสมที่เรียกได้ว่าดีเลิศ ตั้งแต่ผลผลิตจากท้องทะเล รวมไปถึงสุดยอดเครื่องเทศ เสิร์ฟมาพร้อมกับกุ้งลายเสือ หอยเชลล์ และหอยลาย เพิ่มความอร่อยด้วยขนมปังอบกรอบที่โรยหน้าด้วยกรีกสลัด เฟต้าชีส และเบบี้ร็อคเก็ต


ปิดท้ายเมนู Apitizers จานนี้ด้วย "Seared Foie Gras"(450++) นุ่มลิ้นกับฟัวกราส์ชั้นเลิศจัดวางบนขนมปังพิตต้า เพิ่มสีสันสดใสของสีแดงด้วยซอสเบอร์รี่และทับทิมที่ให้รสชาติหวานซ่อนเปรี้ยวสดชื่นกำลังดี ตัดรสเข้มข้นของฟัวกราส์ได้อย่างลงตัว


ต่อกันที่เมนูสลัดอย่าง "Natural Mango Salad with Grilled Salmon" (320++) เมนูนี้เชฟเลือกใช้เนื้อมะม่วงผสมกับคอนยักกุ (หัวบุกของญี่ปุ่น) ด้านบนท็อปด้วยเนื้อปลาแซลมอน เพิ่มรสชาติให้เนียนนุ่มด้วยซอสซาบายอง (Sabayon) พร้อม Toast ด้วยไฟ ตกแต่งด้วยผักเบบี้โรเมน ราดด้วยซอสยูสุ ทำให้เมนูจานนี้ได้รสชาติเค็มๆ มันๆ อร่อยได้จนเพลิน


มาดูเมนูซุปกันบ้าง เริ่มด้วย "Boston Lobster and Ginseng Soup"(350++) อีกหนึ่งเมนูสุขภาพ ที่นำโสมมาตุ๋นกับล็อบสเตอร์คอนซูเม่ จนได้กลิ่นหอมๆ แฝงกลิ่นขิงรสกลมกล่อม หรือจะเป็น "Smoked White Tomato Soup" (320++) เมนูนี้เชฟใช้วิธีทำซุปด้วยการ Cold Smokes มะเขือเทศลูกใหญ่จากโครงการหลวง นำไปผสมผสานกับครีมและข้าวสารที่อบจนเป็นสีน้ำตาล แล้วใส่เครื่องเทศพวกผักใบเขียวเช่น เซเลอรี่ ให้มีกลิ่นหอมและรสหวานธรรมชาติอย่างกลมกล่อม กรองด้วยผ้าขาวบาง ซึ่งเชฟเล่าว่ากว่าจะได้น้ำซุปจำนวน 400 กรัม ต้องใช้มะเขือเทศลูกใหญ่ถึง 15 กิโลกรัมเลยทีเดียว เมนูนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกับกุ้งลายเสือย่าง เห็ดทรัฟเฟิล และ Morel Mousse

"Boston Lobster and Ginseng Soup"



"Smoked White Tomato Soup"
มาถึงอาหารจานหลัก กับ "Duck Leg"(450++) ขาเป็ดเชอร์รี่หนังกรอบเนื้อแน่นนุ่มนำเข้าจากฝรั่งเศสที่กว่าจะได้เมนูนี้ต้องนำไปตุ๋นกว่า 18 ชั่วโมง แล้วนำไปกริลล์ให้ได้หนังเหลืองนวลกรอบอร่อย จานนี้เสิร์ฟมาคู่กับ Poached Pear ที่นำไปนวดกับบีทรูทจนกลายเป็นเนื้อสีแดงสดใสน่าทาน


"Suras Thani Green Lip Mussels and Jumbo Prawns" (520++) หนึ่งในเมนู Signature ของทางห้องอาหาร ที่ผสมผสานตะวันตกกับตะวันออกได้อย่างลงตัวและสวยงาม อิ่มอร่อยได้ทั้งหอยเชลล์ หอยแมลงภู่ และพระเอกของเมนูนี้อย่างกุ้งลายเสือที่คัดไซส์ตัวใหญ่ๆ Dip กับหอมแดงตุ๋นกับน้ำแครอท และทานคู่กับซุปร้อนๆ ที่ใช้เครื่องแกงจากจังหวัดสุราษฏร์ธานีนำมาผสมผสานกับ Broth ของเบียร์ไทยแล้วนำไปตุ๋นให้เข้ากัน ทำให้ซุปจานนี้มีกลิ่นหอมของ Malt และยังได้ความเผ็ดร้อนจัดจ้านจากเครื่องแกงจากภาคใต้


สำหรับคนชอบทานเนื้อต้องไม่พลาดกับ "Grilled Medallion of Angus Beef" (1,250++) ที่เลือกใช้เนื้อวัวนำเข้าที่มีอายุไม่เกิน 30 วัน และเลี้ยงในฟาร์มซึ่งไม่ได้ทานหญ้า นำไปปรุงเนื้อให้สุกแบบมีเดียมแร ทำให้เนื้อจานนี้หอมนุ่มหวานฉ่ำไม่มีกลิ่นคาว ทานคู่กับแป้งราวิโอลีสอดไส้ด้วยฟัวกราส์ยิ่งสร้างความอร่อยที่แตกต่างจากเมนูสเต็กจานอื่นๆ เมนูนี้เสิร์ฟมาพร้อมกับคร็อกเก้มันฝรั่งและผักสลัดจากโครงการหลวง


"Market Fish of the Day" จานนี้แค่เห็นหน้าตาก็ชวนน้ำลายสอแล้ว เป็นทูน่าสีชมพูกริลล์มาแบบบางๆ พอให้ด้านนอกสุกเกรียมนิดๆ ส่งกลิ่นหอมชวนให้ลอง ตกแต่งด้วยเนื้อและซอสมะม่วงที่ทานเข้าด้วยกันก็จะช่วยเสริมความอร่อยให้กับอาหารจานนี้ได้อย่างลงตัว อีกทั้งเนื้อปลาสดๆ รวมถึงกรรมวิธีการปรุงที่ไม่มากจนเกินไปจนทำให้รสชาติความอร่อยของเนื้อปลาโดดเด่น เมนูนี้จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน โดยเชฟจะเลือกปลาที่สดใหม่ที่สุดของวันนั้นๆ มารังสรรค์เป็นเมนูเด็ดแบบวันต่อวันเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะ


อีกหนึ่งเมนู Main Dish ที่ไม่ควรพลาด กับ "Phuket Lobster Arrabiata" (1,500++) ล็อบสเตอร์ตัวใหญ่แบบเป็นๆ เนื้อแน่น ขาวนวล ชวนน้ำลายสอ หน้าตาดูน่ารับประทานขนาดนี้ รสชาติก็ไม่ผิดหวัง เพราะอร่อยกว่าที่คิดไว้มาก เพราะเนื้อสดกรอบ และเด้ง รสชาติหวานมากคล้ายกับเนื้อปูและกุ้งผสมกัน เมนูนี้เชฟนำไปผัดเฉพาะส่วนตัวของล็อบสเตอร์กับเนยและกระเทียม ราดด้วยซอส Arrabiata เสิร์ฟมาพร้อมกับสปริงโรลห่อด้วยเนื้อกั้ง อีกหนึ่งเมนูชวนฝันที่ใครๆ ต้องมาลอง


ปิดท้ายกันที่เมนูของหวานอย่าง "Deep Fried Kataifi" (250++) ที่มาพร้อมกับกล้วยหอมห่อด้วย Kataifi ที่เป็นแป้งฟิลโลฝอยทานแล้วได้รสหวานพร้อมความกรุบกรอบไปในตัว เพิ่มความสดชื่นด้วยไอศกรีมวานิลาโฮมเมดและเบอร์รี่สดๆ ที่มีทั้งความเปรี้ยวปรี๊ดและเปรี้ยวอมหวานผสมผสานกันอย่างลงตัว ถ้าใครชอบรสชาติเข้มข้นหวานมันของช็อคโกแลต ก็ขอแนะนำเป็น "Frozen Chocolate Ruffle" (250++) ด้วยจุดเด่นของความกรอบเบาบางของ Baklava ที่เป็นแป้งฟิลโลสอดไส้ด้วยฮาเซลนัทเคลือบคาราเมล จะเลือกตัดด้วยความเปรี้ยวของเบอร์รี่สด หรือเพิ่มความเข้มข้นด้วยการราด Frozen Chocolate ลงไปให้ไหลลงมาเหมือนเป็นลาวาก็ถือเป็นลูกเล่นให้เมนูนี้โดดเด่นยิ่งขึ้น

"Deep Fried Kataifi"

"Frozen Chocolate Ruffle"
หรือถ้าใครยังไม่หนำใจก็ขอแนะนำให้มานั่งรับบรรยากาศเย็นสบายด้านนอกแล้วสั่ง "Afternoon Tea Set" แสนอร่อย พร้อมจิบชา Silver Needle หรือ Yinzhen ชาชาวรสนุ่มกลิ่นหอม ที่ทำให้เพลิดเพลินไปกับรสหวานละมุน อบอวลอยู่ในลำคอ


"Afternoon Tea Set"
ห้องอาหาร Palette โรงแรม 137 Pillars House ตั้งอยู่บริเวณชุมชนวัดเกด เลขที่ 2 ซอย 1 ถนนหน้าวัดเกด ต.วัดเกด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งได้ที่Facebook : //www.facebook.com/137pillarshouseWebsite : //www.137pillarshouse.comE-mail : info@137pillarshouse.comTel : 053-247-788






