#วงในบอกมา
- “พรานกระต่าย” ร้านอาหารไทยโบราณ แต่ไม่มีเนื้อกระต่ายขายนะจ๊ะ
- คอนเซปต์ร้านอาหารไทย “Prankratai Eaternity Jungle” (พรานกระต่าย) คือ Eat Healthy กินเพื่อสุขภาพ, Eat Happiness กินแล้วมีความสุขและ Eat Beautiful รูปลักษณ์สวยงาม
- ทุกเมนูภายในร้านมีความพิถีพิถันตั้งแต่คัดสรรวัตถุดิบ การปรุง รวมไปถึงการเสิร์ฟด้วยผักที่แกะสลักแบบไทย ๆ

สวมรอยนักล่าพร้อมบุกป่ากระต่ายอันอุดมสมบูรณ์ ที่ร้านอาหารไทย “Prankratai Eaternity Jungle” ร้านอาหารไทยโบราณ แห่งซอยจุฬา 6 ที่เนรมิตบรรยากาศภายในร้านให้เป็นป่าสีเขียวขนาดย่อมสไตล์ Post Modern อีกทั้งพรั่งพรูไปด้วยดอกไม้ และของสะสมส่วนตัวรูปกระต่ายต่าง ๆ ที่มองดูแล้วสัมผัสได้ในการใส่ใจรายละเอียดทั่วทุกมุม

นอกจากจะบรรยากาศชวนมอง และน่าถ่ายรูปอวดเพื่อน ๆ ในโซเชียลทั่วทุกมุมแล้ว ทางด้านอาหารของร้านอาหารไทยโบราณ “Prankratai Eaternity Jungle” ก็พิถีพิถันมากเช่นกัน ดูได้จากคอนเซปต์ 3 Eat คือ Eat Healthy การกินอาหารเพื่อสุขภาพ กินแล้วจะต้องได้ประโยชน์, Eat Happiness กินแล้วต้องมีความสุข ทั้งรูปลักษณ์ รสชาติ และสุขลักษณะ และ Eat Beautiful อาหารรูปลักษณ์สวยงาม อีกทั้งสะอาดถูกสุขอนามัย กินแล้วสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในทุก ๆ คำ แค่พูดอาจจะไม่เห็นภาพ เรามาพิสูจน์กันเลยดีกว่าจ้า :)

มาเยือนร้านอาหารไทยโบราณหรือป่ากระต่ายอันอุดมสมบูรณ์ “Prankratai Eaternity Jungle” ทั้งที ขอเริ่มต้นด้วยเมนูธรรมดาแต่อัดแน่นไปด้วยความพิเศษ “ไข่เจียวดอกโสน” (180 บาท) ไข่เจียวสีเหลืองฟูกรอบ พร้อมท็อปด้วยดอกโสน เวลากินสัมผัสได้ถึงความกรอบ นอกจากนี้ทางร้านยังบอกอีกด้วยว่าเมื่อทอดไข่เจียวเสร็จจะนำไปพักไว้จนแน่ใจว่าสะเด็ดน้ำมันแล้วจริง ๆ จึงทำให้จุดเด่นที่หลายคนต่างติดใจคือการกินไข่เจียวที่ไม่อมน้ำมันนี่แหละ พูดเลยว่าดีงาม!

ต่อด้วยอีกเมนูที่หลายคนต่างหลงรัก “หมูผัดกะปิหอม” (180 บาท) ความพิเศษของเมนูนี้คือเครื่องกะปิสูตรพิเศษตำสดใหม่ทุกวัน ผัดไฟร้อน ๆ จนผสมผสานเข้ากันดีกับเนื้อหมูนุ่ม ๆ เสิร์ฟมาส่งกลิ่นหอมด้วยใบมะกรูด โรยด้วยหอมแดง จัดว่าเป็นอีกเมนูที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง


ตามด้วยกลิ่นหอมรัญจวนดั่งชื่อเมนู “แกงรัญจวนซี่โครงหมูอ่อน” (280 บาท) ทางร้านจะแยกเสิร์ฟน้ำแกงมาในเหยือกใบเล็ก จึงสามารถกินได้ทั้งแบบแห้ง และแบบน้ำ ซึ่งชามนี้โดดเด่นด้วยความหอมของกะปิและเครื่องเทศที่หลอมรวมกันอย่างลงตัว เวลากินได้รสชาติกลมกล่อมของน้ำซุป อีกทั้งซี่โครงหมูที่ต้มจนเปื่อยนุ่มกินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ นี่แหละคือความลงตัว ที่ไม่ว่าวัยไหนก็สามารถดื่มด่ำกับอรรถรสนี้ได้

เอาใจสายสุขภาพด้วยเมนูแนะนำ “หลนปู (ผักสดพื้นบ้าน)” (300 บาท) หลนปูรสชาติเข้มข้นกลมกล่อม หอมมันเป็นพิเศษ อีกทั้งให้เนื้อปูมาเป็นก้อนแบบเน้น ๆ เสิร์ฟมาพร้อมผักสดออร์แกนิก อาทิ ขมิ้น, ถั่วฝักยาว และแตงกวา ที่สำคัญความสวยงามที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือการแกะสลักมาอย่างสวยงามตามแบบฉบับชาววัง เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มอรรถรสในการกินสุด ๆ ไปเลย

อีกหนึ่งเมนูเด็ด “แกงส้มกุ้งตะลิงปลิง” (260 บาท) สูตรลับเฉพาะของที่นี่คือพริกแกงสูตรลับตำเอง อีกทั้งใส่ตะลิงปลิงเพิ่มความเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดถึงใจ กินกับเนื้อกุ้งช้ินโต ซดน้ำร้อน ๆ สุดเข้มข้น กินแล้วติดใจจนวางไม่ลง


ตามด้วยเมนู “ไก่ห่อใบเตย” (200 บาท) ไก่เนื้อน่องสะโพกหมักสูตรพิเศษที่คัดสรรเฉพาะเนื้อเน้น ๆ นุ่ม ฉ่ำใน ห่อด้วยใบตอง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มหวานสูตรพิเศษ กินแล้วสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นกลมกล่อมเข้าเนื้อทุกชิ้น กินแล้วฟินทุกคำ


ก่อนจากกันปิดท้ายด้วยขนมหวานสุดสดชื่นอย่าง “พานาคอตตาน้ำแตงโม” (140 บาท) พานาคอตตาเนื้อเนียนละเอียด ท็อปด้วยแตงโมสดที่ทำมาแบบลูกกลม ๆ พร้อมโรยด้วยปลาป่นสูตรพิเศษกินแล้วได้ความสดชื่น และเทกซ์เจอร์กรุบกรอบได้อย่างน่าอัศจรรย์ อีกเมนูที่อยากให้ลิ้มลองกันคือ “ไอศกรีมกล้วยบวชชี” (100 บาท) ทางร้านนำเอากล้วยบวชชีแท้ ๆ มาทำเป็นไอศกรีม พร้อมปรุงด้วยสูตรพิเศษเพื่อให้คงไว้ซึ่งรสชาติกล้วยบวชชี ความเข้มข้น หอม หวานมัน กินแล้วได้รสสัมผัสที่นุ่มหนึบ เรียกได้ว่าเผลอเพียงครู่เดียวก็หมดถ้วยอย่างรวดเร็ว


“ผลไม้ลอยแก้วตามฤดูกาล” (60 บาท) สาว ๆ คนไหนชื่นชอบผลไม้เป็นพิเศษ บอกเลยว่ามาถูกที่แล้วล่ะค่ะเพราะที่นี่ได้คัดสรรผลไม้ตามฤดูกาลที่รสชาติดี จากนั้นนำมาทำให้หวานสดชื่น โดยสำหรับช่วงนี้จะเป็น มะยมลอยแก้ว, มะปรางลอยแก้ว, มะเฟืองลอยแก้ว, เงาะลอยแก้ว และมะดันลอยแก้วค่ะ

ใครที่กำลังมองหาร้านอาหารไทยโบราณ บรรยากาศดีอยู่บอกเลยว่าเห็นทีต้องมาร้านอาหารไทย สามย่าน “Prankratai Eaternity Jungle” แห่งนี้ให้ได้เลยล่ะ เพราะตอบโจทย์ทุกอย่างจริง ๆ ค่ะ ทั้งอาหาร บรรยากาศ แถมยังได้ภาพสวย ๆ กลับบ้าน เต็มอิ่มจนยิ้มปริ่มเลยจ้า :D
การเดินทาง
มาสัมผัสร้านอาหารไทยโบราณหรือร้านอาหารไทย สามย่าน “Prankratai Eaternity Jungle” สามารถเดินทางได้โดยรถยนต์ส่วนตัว หรือทางรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติ จากนั้นเดินต่อมาประมาณอีก 600 เมตร เลยจ้า