#วงในบอกมา
- ด้วยครอบครัวมีไร่ตาลที่จังหวัดเพชรบุรีและเป็นเจ้าของแบรนด์น้ำตาลโตนด ตาลสยาม คุณเปเป้-วาริธร กันท์ไพบูลย์ จึงต่อยอดไอเดียสู่ร้านเครื่องดื่มและขนมเพื่อสุขภาพในนาม Raak (ราก) แห่งนี้
- คุณเปเป้บอกเราว่า เพื่อให้ได้น้ำตาลโตนดที่หวานหอมแบบที่ร้านต้องการ จะต้องเก็บจากต้นตาลที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง
- สั่งเดลิเวอรีร้าน Raak (ราก) ผ่าน LINE MAN ได้ ที่นี่

ก่อนอื่นต้องขออวดสักหน่อยว่าเราชาว Wongnai ได้มีเพื่อนร่วมอาคารออฟฟิศแห่ง T-One เป็นหลากหลายร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ชวนลองได้ทุกวันไม่มีเบื่อ แถมถ้าอยากกินเมื่อไหร่ แค่กดลิฟต์ติ๊ง! ลงมาไม่กี่อึดใจก็มาถึงร้านนั้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งความง่ายนี่แหละค่ะที่มาพร้อมกับความรู้สึกผิดทุกครั้งเมื่อความอยากเข้าครอบงำ แต่เหมือนโชคช่วยให้ไม่เหี่ยวเฉาจนเกินไป เพราะหนึ่งในนั้นคือ Raak (ราก) ร้านเครื่องดื่มและขนมที่ดีต่อสุขภาพโดยชูจุดเด่นของน้ำตาลโตนดแท้มาเติมเต็มความหอมหวานในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร
เดินผ่านทุกวันแต่ครั้งนี้เราจะได้รู้เรื่องราวของร้าน Raak (ราก) กันลึกซึ้งยิ่งขึ้นจาก คุณเปเป้-วาริธร กันท์ไพบูลย์ เจ้าของร้านแสนสวยที่พร้อมต้อนรับเราด้วยรอยยิ้มสดใสและความเป็นกันเอง ภายใต้บรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย ด้วยการตกแต่งร้านแบบ Open เน้นโครงสร้างที่สื่อถึงรากของต้นตาลทั้งส่วนโค้งของร้าน และเฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยคุณเปเป้บอกเราว่า
“เพราะเราคิดว่ารากคือตัวดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ สู่พวงตาลแล้วเอาน้ำตาลให้เรา ฉะนั้นรากจึงสำคัญมาก ๆ สำหรับน้ำตาลโตนด”

เป็นเหมือนสัญญาณให้ถามไถ่กันต่อด้วยความสงสัย ว่าทำไมร้าน Raak (ราก) จึงชูจุดเด่นของน้ำตาลโตนดสำหรับการสร้างสรรค์เครื่องดื่มและของหวานต่าง ๆ โดยคุณเปเป้บอกเราว่า ด้วยครอบครัวมีไร่ตาลที่จังหวัดเพชรบุรี และเป็นเจ้าของแบรนด์น้ำตาลโตนด ตาลสยาม ประกอบกับคนในครอบครัวมีทั้งคนรักสุขภาพ และเป็นโรคเบาหวาน ไอเดียการเปิดร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจึงได้เริ่มต้นขึ้น
จุดเด่นของน้ำตาลโตนดนอกจากมีสารอาหารต่าง ๆ เช่น ซิงค์, โพแทสเซียม, แคลเซียม และแร่ธาตุอื่น ๆ รวมถึงยังมีค่า GI ต่ำ (ค่าวัดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดหลังบริโภค) และสำหรับร้าน Raak (ราก) คุณเปเป้จะต้องเก็บน้ำตาลโตนดจากต้นตาลที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง เพื่อให้ได้น้ำตาลโตนดที่หอมหวานแบบที่ร้านต้องการ
มาเริ่มพิสูจน์ความหอมหวานจากไร่สู่แก้วกันที่ Signature ของร้านอย่าง “Ta-Node” (85 บาท) น้ำตาลโตนดแท้ 100% พร้อมวุ้นน้ำตาลโตนดที่ให้ทั้งความสดชื่นและเนื้อสัมผัสชวนเคี้ยวเพลิน อีกแก้วที่ฮิตไม่แพ้กันได้แก่ “Milk Me” (105 บาท) นมสดตาลโตนดที่ให้ทั้งความหอม หวาน และมันจากนมออร์แกนิกและซีรัปน้ำตาลโตนดสูตรเฉพาะของร้าน แถมยังมีไข่มุกเหนียวหนึบที่ผ่านการเคี่ยวกับน้ำตาลโตนดเป็นชั่วโมง ถือเป็นอีกเมนูที่ชูจุดเด่นของน้ำตาลโตนดได้อย่างชัดเจน




ส่วนถ้าใครเป็นช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ห้ามพลาด “Choco Root” (125 บาท) นมออร์แกนิกผสานรสชาติกับช็อกโกแลตเบลเยียมสุดเข้มข้น ที่เมื่อเจอกับซีรัปน้ำตาลโตนดจะยิ่งดึงความหอมจากช็อกโกแลตเพิ่มมากขึ้น และล่าสุดทางร้าน Raak (ราก) ก็ขอเติมเต็มความหวานอีกขั้นต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ด้วย “นมชมพูตาลโตนด” (105 บาท) สีสันน่ารักพร้อมกับรสชาติที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่ อาจด้วยความหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของน้ำตาลโตนดที่ทำให้แก้วนี้ชวนดื่มเพลินยิ่งกว่าเคย โดยเครื่องดื่มทุกเมนูสามารถเลือกระดับความหวานตามใจฉันได้อีกด้วย




นอกจากเครื่องดื่มหลากหลายรสชาติ ร้าน Raak (ราก) ยังมีของหวานอย่างไอศกรีมที่มีถึง 3 รสชาติ ได้แก่ “Ta-Node” (75 บาท) ไอศกรีมตาลโตนดผสมเนื้อลูกตาล, “Ta-Net” (75 บาท) ไอศกรีมเชอร์เบตตาลโตนด และ “Ta-Nilla” (75 บาท) ไอศกรีมวานิลลาคาราเมลตาลโตนด โดยจะกินเปล่า ๆ หรือเพิ่มท็อปปิงไข่มุกหรือวุ้นตาลโตนดก็ได้เช่นกัน

แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะคุณเปเป้ยังชวนเราชิม “ทองม้วนตาลโตนด” (55 บาท) ที่ถือเป็นขนมขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี โดยสูตรของทางร้าน Raak (ราก) จะนำน้ำตาลโตนดเคี่ยวกับแป้งเป็นวัน ๆ และใส่งาดำเพิ่มความหอม จะกินเปล่า ๆ ก็เพลินใจหรือเราลองใส่เป็นท็อปปิงกินกับไอศกรีมของทางร้านก็ดีงามสุด ๆ

และความพิเศษยิ่งกว่านั้น! กับ “Wongnai Reward Card” ระบบสะสมแต้มที่จะช่วยเชื่อมต่อสิ่งดี ๆ จากร้าน Raak (ราก) สู่พวกเราผ่านโปรโมชั่นสุดเก๋ได้ง่าย ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่ กันเลย!
การเดินทาง
หากต้องการมาลิ้มลองเครื่องดื่มและของหวานจากน้ำตาลโตนดที่ทางร้าน Raak (ราก) บอกเราว่าเป็นที่แรกและที่เดียวในไทย ณ เวลานี้ สามารถเดินทางได้สะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีทองหล่อ ทางออก 4 เดินตามทางเชื่อมเข้าสู่อาคาร T-One ลงบันไดเลื่อนมายังชั้น 1 ร้านชานมไข่มุกทองหล่อ Raak (ราก) จะอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคาร T-One นั่นเองค่ะ