ไหน ๆ มีใครเพิ่งจะมาเริ่มสนใจอยากลองใช้กระเป๋าแบรนด์เนมกันบ้าง ซึ่งเราบอกเลยว่าสมัยนี้คนนิยมซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองกันเยอะมากก เพราะถ้าเลือกซื้อดี ๆ บอกเลยว่าคุ้มกว่าซื้อมือหนึ่งอีกค่ะ ! นอกจากจะได้ราคาต่ำกว่ากระเป๋าที่ออกจากช็อปซึ่งมีราคาสูงกว่าแล้ว บางทีกระเป๋าที่เราได้มาหน้าตาก็คือเหมือนใหม่มากเว่อร์ เพราะบางคนเค้าซื้อมาแล้วแทบจะไม่ได้ใช้แล้วเอามาปล่อยต่อ ใครได้ไปนี่โชคดีสุด ๆ ไปเลยจ้า


แต่ว่าความพิเศษอีกอย่างของการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองก็คือ มันจะมีพวกกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ด รุ่นวินเทจ ที่มักจะผลิตแค่ครั้งเดียวเพื่อคอลเลกชันนั้น ๆ โดยเฉพาะ เรียกง่าย ๆ ก็คือ Rare Items นั่นแหละค่ะ เพราะถ้าเข้าไปหาตามช็อปคงจะไม่มีขายแล้วหรือถ้าจะซื้อตอนเพิ่งออกใหม่ก็คงแย่งซื้อกับคนอื่นไม่ทันแน่ ๆ เลยมีร้านที่เค้าเอาของพวกนี้มาปล่อยกัน แต่อย่างว่ามันหายากราคาก็ต้องสูงขึ้นตามเป็นธรรมดา แต่เชื่อว่าถ้าคนที่อยากได้จริง ๆ ราคาจะแพงแค่ไหนก็ยอมซื้อได้อยู่แล้วว

ก่อนที่เราจะเดินเข้าร้านหรือซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองใบไหนก็ตาม เราควรจะรู้ทริคหรือหลักการเลือกซื้อกระเป๋าก่อนนะคะ ไม่งั้นอาจจะได้ของที่ไม่ดี ไม่สมราคา หรือบางทีอาจจะได้ของปลอมมาแบบไม่รู้ตัวก็ได้นะ! เพราะฉะนั้นสาว ๆ ควรจะศึกษาหาข้อมูลดี ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ว่ากระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นนั้นหรือแบรนด์นั้นมีโค้ดลับอะไรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะทุกครั้ง โดยเรามีคู่มือซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองแบบคร่าว ๆ มาแนะนำให้สาว ๆ ดูกัน

1. เช็กสภาพกระเป๋าให้ดีก่อนซื้อ

กระเป๋าแบรนด์เนมมือสองราคาจะลดลงมาเยอะรึเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับว่าใบนั้นผลิตปีไหน สภาพดีรึเปล่า ถ้ามีรอยขีดข่วนเยอะ สีดร็อป ราคาก็จะลดลงเรื่อย ๆ ตามสภาพกันไปค่ะ อีกอย่างคือเดี๋ยวนี้คนนิยมเอากระเป๋าไปทำสปาเยอะมาก ซึ่งบอกเลยว่าถ้ากระเป๋าใบไหนถูกเอาไปทำสปาแล้วสีของหนังมันจะเพี้ยนไปจากเดิมไม่มากก็น้อยค่ะ เพราะฉะนั้นมันก็จะขายไม่ได้ราคา จนบางร้านคือไม่รับซื้อต่อเลยนะ มันไม่ Original ไม่ Classic แล้วอะ เราต้องเช็กให้ดีว่ากระเป๋าที่เรากำลังจะซื้อผ่านการทำสปามารึเปล่า รุ่นนี้หนังจริง ๆ เป็นสีอะไร เอามาเทียบกันชัด ๆ จะได้ไม่โป๊ะนะ
2. ดู Logo Stamp ของแต่ละแบรนด์ว่าเป็นของแท้

จุดสังเกตง่าย ๆ ที่เราอาจจะมองข้ามนั่นก็คือ Logo Stamp ของแต่ละแบรนด์นั่นเองค่ะ เป็นอีกสิ่งสำคัญที่เราควรสังเกต เพราะจะมีเอกลักษณ์ที่ต่างกันไป อย่างเช่น
• กระเป๋า Chanel ที่โลโก้ตัว C ด้านขวาจะต้องทับตัวซ้ายที่ด้านบนเท่านั้น! และกระเป๋าจะต้อง Made in France หรือ Made in Italy เท่านั้น จะไม่มี Made in Paris เด็ดขาด
• กระเป๋า Lady Dior โลโก้เค้าจะอยู่ที่ลิ้นกระเป๋า เขียนว่า Christian Dior Paris และ Christian Dior Paris Made in Italy
• Gucci แท็กแบรนด์จะต้องเขียนว่า Made in Italy เท่านั้น
3. เช็กจุดเด่นจำนวนฝีเข็มของกระเป๋าแต่ละรุ่น

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่ากระเป๋าของแบรนด์เนมแต่ละรุ่น เค้ามักจะกำหนดจำนวนฝีเข็มมาเท่ากันเป๊ะ ๆ ทุกใบในขั้นตอนการผลิต เช่น
• Hermes Birkin มีฝีเข็มตรงกลางหูกระเป๋า ที่กำหนดชัดเจนของแต่ละไซซ์ไป เช่น Size 25 จะมี 5 ฝีเข็ม Size 30 มีทั้ง 6 ขีด และ 7 ขีด Size 35 มีทั้ง 6 ขีด 7 ขีดและ 8 ขีด
• Louis Vuitton รุ่น Speedy หูกระเป๋าจะมี 5 ฝีเข็มเหมือนกันทุกใบ
• กระเป๋า Chanel ที่มีลาย Quilting มากกว่า 10 ตะเข็บต่อ 1 รอยต่อ คือถี่มาก ๆ และรอยเย็บจะต้องเชื่อมกันทั้งใบเลยค่ะ
4. กระเป๋าแบรนด์เนมเกือบทุกรุ่นจะมี Date Code ซ่อนในกระเป๋า

กระเป๋าแบรนด์เนมส่วนใหญ่จะมี Date Code ในกระเป๋าซ่อนไว้อยู่เกือบทุกใบเลยนะ อย่างเช่น
• กระเป๋า Hermès จะเป็นแบบ Stamp ปั๊มไว้อยู่ด้านในสายกระเป๋าเป็นตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษ
• Chanel จะเป็นป้าย Tag อยู่ในกระเป๋าด้านล่างเลยค่ะ
• Coach เป็นป้ายหนังสีเหลี่ยมที่เย็บติดกับซับในด้านในกระเป๋า ขึ้นด้วย NO แล้วตามด้วยตัวเลข
• Louis Vuitton ค่อนข้างจะหา Date Code ยากหน่อยเพราะแต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะอยู่ตามขอบในกระเป๋า สาย หรือห่วงต่าง ๆ เช่น Damier Shopping Tote จะอยู่ที่ห่วงคล้องโซ่ค่ะ
5. Serial Number ในการ์ดและ Tag กระเป๋าต้องตรงกัน

อย่างกระเป๋าของ Chanel เค้าจะมีตัวการ์ดที่ให้มาด้วยตอนซื้อกระเป๋า ของแท้จะไม่มีซองพลาสติกใสใส่มาด้วย และขอบสีทองบนการ์ดของแท้จะไม่เป็นสีรุ้งถ้าเอาไปส่องกับไฟค่ะ ส่วนในการ์ดเค้าก็จะมีตัวเลข 8 หลักใส่มาด้วย ตัวเลขสองตัวหน้าคือโค้ดปีที่ผลิต แต่จะไม่ใช่ว่าผลิตตามเลขนั้นตรง ๆ เลยนะคะ เราต้องไปเช็กอีกทีว่าเลขนี้คือผลิตในปีไหน เช่น เลข 18 คือผลิตปี 2013, เลข 19 คือผลิตช่วงปี 2013-1014, เลข 20 คือผลิตปี 2015 ที่สำคัญเจ้าตัวเลขนี่จะต้องตรงกับตัวเลขใน Tag ที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋านี้ด้วย
6. เลือกร้านที่มีผู้เชี่ยวชาญช่วยเช็กอย่างละเอียดอีกที

เนื่องจากว่าเดี๋ยวนี้มีการก็อปกระเป๋าแบรนด์เนมกันเยอะมากกก และพวกของลอกเลียนแบบเนี่ยเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้มันก็ไกลมาก คือปลอมทุกอย่าง แม้แต่คนที่เล่นแบรนด์เนมเองบางทียังดูไม่ออกเลยค่ะ เราเลยแนะนำว่าถ้าจะซื้อสักใบเนี่ย แนะนำให้เป็นร้านที่เค้ามี Specialist คอยดูและเช็กอย่างละเอียดให้จะดีกว่าค่ะ
ได้รู้ทริคการเลือกกระเป๋ากันไปคร่าว ๆ แล้ว คราวนี้เราจะพาไปบุกร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองกันถึงที่! โดยเราเลือกมา 3 ร้านด้วยกันค่ะ แต่ละร้านเค้าก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป สาว ๆ คนไหนชอบสไตล์ไหนก็ลองไปตามรอยกันดูได้นะ
Brand Off Tokyo


ร้านแรกที่เราจะพาทุกคนไปกันก็คือร้าน Brand Off Tokyo นั่นเองค่ะ ร้านนี้อยู่ที่ Siam Square ซอย 3 ดังเลยทีเดียว เป็นร้านมาจากประเทศญี่ปุ่นที่มีมากกว่า 50 สาขาทั่วเอเชียเลยนะ ในไทยเรามีอยู่สาขาเดียวคือที่นี่แหละค่ะ โดย 80% ของสินค้าในร้านนี้จะเป็นของกระเป๋าแบรนด์เนมที่มาจากไทยเราเอง และอีก 20 % เป็น Rare Items ที่มาจากญี่ปุ่นค่ะ จุดเด่นของร้านนี้คือเค้ามีการจัด Rank กระเป๋าตามคุณภาพของสินค้าคือมีตั้งแต่ N = ของใหม่, S = สภาพเหมือนใหม่, A = มีร่องรอยบ้าง, B = มีร่องรอยการใช้งานพอสมควร และ C = ค่อนข้างเก่านิดนึง ซึ่งราคาก็จะลดหลั่นกันไปตาม Rank กระเป๋าเลยยย
Recommended Rare Items !


กระเป๋า Hermès Birkin หนังจระเข้ ราคาเกือบล้าน! ความพิเศษคือปกติ Hermès Birkin จะจำกัดการผลิดต่อปี และจะมีลูกค้าที่ Waiting List รออยู่แล้วส่วนนึง ยิ่งถ้าเป็นหนังจระเข้แบบใบนี้ยิ่งหายากเลยยย เพราะกว่าจะมาเป็นกระเป๋าหนังจระเข้ต้องดูทั้งสายพันธุ์ สถานที่เลี้ยง การดูแลให้อาหารทุกอย่าง ทำให้ใบนี้เป็น Rare Items สำหรับแบรนด์ Hermès ก็ว่าได้!
Moppet Brandname


มาร้านที่สองกันบ้างงง กับร้าน Moppet Brandname ร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมร้านดังใน อยู่ใน Siam Square One ชั้น 3 เชื่อว่าสาวกแบรนด์เนมส่วนใหญ่ต้องรู้จักร้านนี้กันแน่นอนค่ะ เพราะที่นี่เค้ามีขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองรุ่นฮิต ๆ มากกว่า 4,000 ใบเลยนะ แถมราคาก็โอเคเลยทีเดียว ซึ่งเค้าไม่ได้ขายอย่างเดียวด้วยนะ แต่มีทั้งบริการรับซื้อ และฝากขายด้วย เริ่ด! คือถ้ามีใบไหนใช้จนเบื่อแล้วก็เอามาฝากขายที่นี่ได้ฟรีเลย! เสร็จแล้วก็ซื้อใบใหม่กลับไปใช้แทน มันดีจริง ๆ ค่ะ
Recommended Rare Items !


แนะนำ Chanel Boy Size 10 สีทองอร่ามใบนี้เลย เพราะใบนี้เป็นกระเป๋า Seasonal อีกใบ ที่เค้าผลิตมาเพื่อคอลเลกชั่นนั้น ๆ โดยเฉพาะ ไม่มีวางขายในช็อปแล้วค่ะ แถมราคาตอนออกช็อปใหม่ ๆ นี่อยู่ที่แสนปลาย ๆ เลยนะ แต่ร้าน Moppet ขายอยู่ที่แสนนิด ๆ ทั้งที่มันเป็นใบ Limited เลยนะ ใช้แล้วไม่ซ้ำกับคนอื่นแน่นอนจ้าาาา
Siam Borrow Bag


สุดท้ายย! Siam Borrow Bag เป็นร้านเช่ากระเป๋าที่เปิดให้บริการมาเกือบ 10 ปีแล้ว เริ่มต้นเปิดจากออนไลน์ขยายมาจนมีหน้าร้านที่อยู่ในตึกอิตัลไทยนี่แหละค่ะ เค้าเน้นให้เช่าเป็นหลักนะคะ แต่ก็จะมีบริการอื่นด้วย เช่น ทำสปา ขายกระเป๋าทั้งมือหนึ่งและมือสอง ซึ่งสามารถเช่าได้จากหน้าเว็บได้เลยนะ เริ่มจากเช็กคิวจากหน้าเว็บแล้วก็แจ้งมาทางไลน์ ทางร้านจะระบุให้โอนเงินมัดจำ ทำสัญญา แล้วจะมีแมสเซนเจอร์วิ่งไปส่งให้ หรือใครจะสะดวกมาที่หน้าร้าน มาเลือกเองก็ได้ค่ะ ราคาเช่าเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 950 ต่อ 7 วันเองงงง!
Recommended Rare Items !


กระเป๋ารุ่นคลาสสิคตลอดกาลอีกรุ่นจาก Hermès รุ่น Kelly นั่นเองง เป็นรุ่นที่สาว ๆ ต้องการมากกแต่ราคาก็คือหนักพอสมควรเลยจ้าาาประมาณ 5 แสนกว่าบาท 6 แสน แต่ที่ Siam Borrow Bag เนี่ย เค้าให้เช่าอยู่ที่ 4 พันกว่าบาท ใช้ได้ 3 วันค่ะ ใครจะมาลองเช่าถือเล่น ๆ ก่อนไปซื้อใบจริงก็ได้นะคะ
เอาล่ะแนะนำกันไปแล้ว 3 ร้าน สาว ๆ คนไหนเกิดถูกใจใบไหนหรือต้องการกระเป๋าใบไหนก็ตามพิกัดกันไปได้เลยนะคะ และอย่างที่บอกไปว่าก่อนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง เราควรจะศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับกระเป๋าใบนั้นให้ดีก่อน จะให้ดีก็ควรเลือกร้านที่ไว้ใจได้จริง ๆ มีผู้เชี่ยวชาญคอยตรวจเช็กกระเป๋าว่าเป็นของแท้แน่นอน! เพราะกระเป๋าแบรนด์เนมใบนึงมันก็หลายตังค์นะคะ เราจะมาเสียเงินโดยใช่เหตุแล้วได้ของปลอมกลับมาไม่ได้นะ เพราะฉะนั้นทุกคนควรจะใส่ใจในเรื่องการเลือกซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมให้ดีค่ะ
ขอขอบคุณเสื้อผ้าสวย ๆ จากร้าน F’UCIA ค่ะ ตามไปดูได้เลยยย!