เวลาทำงาน บางคนทำไมถึงขี้กังวลเกินเหตุ กลัวนู่นกลัวนี่ไปหมด บางคนก็ตัดสินปัญหาโดยใช้อารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง บางคนก็ใช้คำพูดที่ไม่นึกถึงจิตใจคนอื่น ถ้าได้ร่วมงานกันก็คงจะลำบากใช่ไหมล่ะคะ ถ้าทีมขาดความเป็นน้ำใจอันหนึ่งอันเดียวกัน การที่คนเรามีความคิดเห็นไม่ตรงกัน หรือมีเรื่องขัดแย้ง ก็คงหาข้อสรุปในการทำงานยาก พาลทำให้งานไม่เดินสักที วันนี้ Wongnai Beauty มีวิธีคิดแก้ปัญหาด้วย ทฤษฎีหมวก 6 ใบ มาฝากกันค่ะ มันคืออะไร และสามารถแก้ปัญหาชีวิต หรือแก้ปัญหาการทำงานยังไง ตามไปดูกันเลย!
เช็ก! เรามองโลกรอบด้านหรือยังนะ? กับทฤษฎีหมวก 6 ใบ
มาฝึกมองโลกให้รอบด้าน เช็กตัวเอง ฝึกวิธีคิดด้วยทฤษฎีหมวก 6 ใบกันค่ะ หมวก 6 ใบนั้นมีสีที่แตกต่างกัน แต่ละสีจะแทนอะไรบ้างนะ?

ทฤษฎีหมวก 6 ใบคืออะไร?

ทฤษฎีหมวก 6 ใบ หรือ Six Thinking Hats คือทฤษฎีที่ถูกคิดค้นโดย Dr.Edward de Bono (เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน่) เป็นการจัดระเบียบความคิดที่กระจัดกระจาย โดยการสมมุติและจินตนาการให้ทุกคนได้ลองสวมหมวก 6 ใบ ที่แตกต่างกัน เพื่อจะได้มองปัญหาได้อย่างรอบด้าน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยลดความขัดแย้ง และจัดระเบียบความคิดเห็นให้ไปทางเดียวกันได้ นอกจากนั้นยังทำให้เราเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจผู้อื่นได้มากขึ้นอีกด้วยค่ะ ฟังดูแล้วก็น่าสนใจใช่ไหมล่ะคะ แต่แค่การคิดนิดเดียว มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วทฤษฎีหมวก 6 ใบมีวิธีการคิดวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาแบบไหนกันล่ะ?
ทฤษฎีหมวก 6 ใบ มีสีอะไรบ้าง?
ทฤษฎีหมวก 6 ใบ มีทั้งหมดด้วยกัน 6 สี ได้แก่ หมวกสีขาว, หมวกสีแดง, หมวกสีดำ, หมวกสีเหลือง, หมวกสีเขียว และหมวกสีน้ำเงิน
หมวกสีขาว (Facts and Data)

มาที่หมวกใบแรก หมวกสีขาว ค่ะ คนที่สวมหมวกสีขาวก็จะเป็นคนที่ข้อมูลแน่น พูดแต่ความจริงเท่านั้น ข้อมูลที่เสนอออกมาก็จะมีแค่ Facts ข้อมูล ตัวเลข คอนเซปต์คืออะไร จุดมุ่งหมายในการทำงานคืออะไร โดยไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นสีขาวที่บริสุทธิ์ ปราศจากอคติและอารมณ์ ยกตัวอย่าง เช่น เราขายของชนิดหนึ่ง แล้วมีเหตุการณ์ที่ลูกค้าไม่พอใจ คอมเพลนพร้อมรีวิวแย่ ๆ หากเราสวมหมวกสีขาว ก็ต้องมาดูถึง Facts หรือข้อเท็จจริงว่ามีปัญหาตรงไหน สถิติที่ลูกค้าคอมเพลนมีกี่ % เราสามารถแก้ปัญหาได้โดยวิธีไหนบ้าง เป็นต้น
หมวกสีแดง (Emotional)

แน่นอนว่าพอนึกถึงสีแดง ก็จะรู้สึกถึงความเผ็ด! ความแซ่บ! ใช่ไหมล่ะคะ หมวกสีแดง ใบนี้จะเป็นการแสดงความรู้สึก ลางสังหรณ์ และสัญชาตญาณค่ะ เรารู้สึกยังไงต่อเหตุการณ์นี้ แล้วเราจะตอบสนองยังไง อย่างที่ยกตัวอย่างไว้ในข้างต้นแล้ว เช่น เหตุการณ์ที่มีลูกค้าคอมเพลน เรารู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจ รู้สึกเศร้าใจ โกรธ ไม่ชอบ ทุกคนสามารถแสดงอารมณ์ของตัวเองได้เต็มที่ต่อเหตุการณ์หรือประเด็นนั้น ๆ โดยไม่มีผิดมีถูก เรียกได้ว่า ฟีลลิ่งล้วน ๆ!
หมวกสีดำ (Negativity)

เมื่อพูดถึงสีดำ ก็ต้องนึกถึงความลึกลับหรือความหม่นหมอง แน่นอนว่าคนที่สวม หมวกสีดำ นี้ ก็จะมองถึงข้อเสีย จุดอ่อน จุดด้อย ต่อเหตุการณ์ หรือวิธีการแก้ปัญหานั้น ๆ เช่น หากเราขายของ ลูกค้าคอมเพลน และขู่ว่าจะให้คะแนนน้อย เพราะอ่านรายละเอียดไม่ดี ไม่ถูกใจสินค้า เพื่อไม่ให้ลูกค้าต้องเสียเวลาส่งของคืน และรีวิวคะแนนต่ำ ๆ เราเลยชดเชยความรู้สึกของลูกค้าด้วยการให้ของไปฟรี ๆ คนที่สวมหมวกสีดำก็จะมองว่า การชดเชยและให้ของฟรี ๆ มีความเสี่ยง อาจทำให้ลูกค้าคนอื่นเกิดพฤติกรรมเลียนแบบขึ้นได้ อาจจะต้องหาวิธีการ หรือเงื่อนไขในการคืนของ เพื่อลดปัญหานั้น ๆ
หมวกสีเหลือง (Positive and Value)

มาถึง หมวกสีเหลือง อันแสนสดใส เมื่อสวมหมวกสีนี้แล้ว จะทำให้เป็นคนมองโลกในแง่ดี มองถึงจุดเด่นของไอเดียว่ามีประโยชน์ยังไง มีข้อดีอะไรบ้าง วิธีการแก้ปัญหาที่เราคิดมาจะเวิร์กไหม มองหาโอกาสในสถานการณ์นั้น ๆ อย่างมีสติ เช่น การที่เราโดนคอมเพลน ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รู้ถึงข้อบกพร่องหรือจุดด้อย นำไปสู่การปรับปรุง และเปลี่ยนแปลง
หมวกสีเขียว (Creativity)

หมวกสีเขียว เมื่อสวมแล้วจะทำให้ผู้ใส่มีไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์ที่ดี มีมุมมองใหม่ ๆ สามารถใช้ความคิดเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาได้ สามารถคิดได้ทั้งในกรอบ นอกกรอบ คิดได้อย่างไม่มีข้อจำกัด จะฟุ้งขนาดไหนก็ได้ ขอให้ทุกคนได้แสดงออกได้อย่างเต็มที่
หมวกสีน้ำเงิน (The Big Picture and Managing)

คนที่สวม หมวกสีน้ำเงิน นี้ ต้องเป็นคนที่มองถึงภาพรวม ขั้นตอน กระบวนการ สรุปกระบวนการทั้งหมดออกมา และกำหนดทิศทางของการแก้ปัญหา เป็นเหมือนลีดเดอร์ หรือหัวหน้าทีม ที่จะต้องคอยควบคุมและสรุปให้ทุกคนเข้าใจได้ตรงกัน และทำให้ทีมเดินไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยทำให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เราสามารถสวมหมวกสีไหนก่อนก็ได้ เพื่อการแก้ปัญหาและการคิดวิเคราะห์ปัญหา โดยไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ จะเริ่มจากการสวมหมวกสีดำและสีเหลืองที่ทำให้เห็นข้อดีหรือข้อเสียของปัญหาเป็นอันดับแรกก่อน หรือจะเริ่มจากหมวกสีน้ำเงิน ที่ดูภาพรวมของปัญหา แล้วค่อยสวมหมวกสีเหลืองและสีดำ เพื่อมองถึงข้อดีและข้อเสีย และสวมหมวกสีเขียวเพื่อใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหา การสวมหมวกทีละสีนั้น เพื่อให้เราได้มองปัญหาได้อย่างรอบด้านมากขึ้น ได้ระดมสมอง ใช้วิธีการคิด วิเคราะห์ เพื่อให้มีความคิดไปในทางเดียวกัน สามารถมองเห็นปัญหาและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเองค่ะ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้หลายทางเลยนะคะ ทั้งในด้านการวางแผนงาน การประชุม หรือการทำงานกลุ่ม เท่านี้ก็สามารถลดปัญหาในการทำงานลงได้แล้วค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ