ในแต่ละวันทุกคนต่างมีเรื่องให้คิด แน่นอนว่าความคิดของเรามักทำร้ายตัวเองจนเกิดเป็นความเครียด ว่าแต่จะทำยังไงให้ความเครียดที่เราไม่ลุกลามจนกลายเป็นโรคเครียดล่ะ วันนี้เราจะพาสาว ๆ ไปทำความรู้จักกับ "โรคเครียด" กันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุ เช็กอาการ และวิธีรับมือ เราเอามาฝากหมดแล้วค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยย
สาเหตุของโรคเครียด
แน่นอนว่าคนเราจะเครียดได้มันต้องมีที่มาที่ไป อยู่ ๆ จะมาเป็นโรคเครียดเลยก็คงจะไม่ใช่ ซึ่งสาเหตุที่นำพาไปสู่โรคเครียดเป็นอะไรที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก ๆ เลย และสาเหตุที่เรารวบรวมมาก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเครียดเท่านั้นนะคะ
1. ตัวเอง : เราว่าทุกคนคงเจอความเครียดที่เกิดมาจากตัวเองกันหมดแล้ว เพราะแต่ละช่วงวัยเราจะมีเรื่องให้เครียดเรื่อย ๆ เช่น ชอบกดดันตัวเองจากสิ่งที่ต้องทำอยู่ ถ้าเราเลิกกดดันตัวเองได้ความเครียดจะลดลงทันที
2. คนรอบข้าง : สำหรับความเครียดที่เกิดจากคนรอบข้างมีความหลากหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเพื่อนร่วมงาน แฟน หรือครอบครัว ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเราคงหลีกเลี่ยงที่จะไม่คิดไม่ได้ใช่ไหมคะ
3. การงาน : นอกจากเรื่องชีวิตของตัวเองและคนรอบข้างแล้ว หน้าที่การงานก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว บางคนทำงานที่มีเป้าหมายต้องทำยอดทุก ๆ เดือนมันก็หน่วง ๆ เวลาใกล้ถึงเวลาวัดผลแน่นอน ตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่าหนีไม่ได้แค่ทำมันให้ดีเท่านั้นเอง
4. สิ่งแวดล้อม : หลายคนคงเจอกันบ่อยมาก ๆ อยู่แล้วกับความเครียดที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม เพราะมันเกิดขึ้นได้จากฝนตก รถติด อากาศร้อน อันนี้เราบอกได้แค่ว่ามันเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นสาเหตุอีกเหมือนกัน
แบบทดสอบ
วิธีการทำแบบทดสอบง่ายมาก ๆ เลยค่ะ แบบทดสอบนี้สาว ๆ ควรทำให้ตรงความรู้สึกในช่วงนั้น ๆ ให้ได้มากที่สุด เพราะเวลารวมคะแนนจะได้รู้ว่าตอนนี้เราเครียดจริง ๆ หรือเปล่านั่นเอง
ตารางคะแนน
- 0 - 4 คะแนน : เครียดน้อยแบบซ่อมแซมตัวเองได้
- 5 - 7 คะแนน : เครียดระดับปานกลาง เราสามารถกำจัดความเครียดได้ด้วยตัวเอง
- 8 - 9 คะแนน : เครียดมากกก ควรได้รับการบำบัดความเครียด
- 10 - 15 คะแนน : เครียดมากที่สุด ควรหาที่ปรึกษาหรือวิธีบำบัดความเครียดอย่างเร่งด่วน
รวมคะแนนเสร็จแล้วก็ไปต่อกับผลกระทบที่จะเกิดจากโรคเครียดกันหน่อยดีกว่า เพราะเราเชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าถ้าเราเครียดมาก ๆ มันจะเป็นยังไงใช่ไหมล่าา
ผลลัพธ์ที่เกิดจากโรคเครียด
- หัวใจเต้นเร็ว : หัวใจเต้นเร็วเกิดได้แม้เราจะไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรเลยก็ตาม ซึ่งอาการนี้อาจเกิดขึ้นได้หากเรามีความเครียด หรือวิตกกังวลมากจนเกินไป
- ปวดหัวมึนงง : แน่นอนว่าอาการปวดหัวไม่ได้เป็นได้แค่ตอนไม่สบาย การที่เราคิดมากจนเกินไปก็สามารถทำให้เราปวดหัวแบบตึง ๆ ได้เหมือนกัน แอบบอกว่าปวดหัวแบบนี้คิดงานไม่ออกน้าาา
- น้ำตาลในเลือดสูง : เพราะความเครียดทำให้เราอยากกินของหวานมากขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้นเวลาที่เราคิดมาก วิตกกังวล เราจะโหยหาของหวานโดยที่ไม่รู้ตัว ตรงนี้อาจทำให้น้ำตาลในเลือดของเราสูงได้ ใครรู้ว่าเป็นระวังได้จะดีมากกก
- กล้ามเนื้อเกร็ง : ความเครียดเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่สามารถทำให้เกิดอาการทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อได้ เพราะความเครียดจะทำให้กล้ามเนื้อตึงแม้ร่างกายและจิตใจจะรู้สึกห่อเหี่ยว
- ถอนหายใจบ่อยขึ้น : การกระทำแบบนี้มีแต่คนรอบข้างเท่านั้นที่สังเกตได้ เพราะปกติคนเราจะไม่ค่อยถอนหายใจเท่าไรในชีวิตประจำวัน นอกจากเรามีเรื่องมากระทบจิตใจ จะทำให้เราถอนหายใจบ่อยขึ้นเป็นเท่าตัวเลยละค่ะ
- ไม่อยากอาหาร : ความวิตกกังวลส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงก็กระทบไปยังกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร ทำให้เราไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลยแม้เราจะหิว สำหรับบางคนอาจมองว่าดีแต่อดอาหารจากความเครียดไม่ดีนะจ๊ะบอกเลย
- นอนหลับยาก : เวลาเราคิดมากหรือหาทางออกจากปัญหาไม่ได้ ปัญหาเหล่านั้นก็จะวนเวียนอยู่ในหัวเราตลอดเวลา ทำให้เราคิดมากจนนอนไม่หลับและกว่าจะหลับก็ดึกเหลือเกิน ถ้าเป็นแบบนี้บ่อย ๆ ร่างกายอาจพักผ่อนไม่เพียงพอได้นะคะ
- สมรรถภาพทางเพศลดลง : ถ้าเราเครียดบ่อย ๆ จนกลายเป็นความเครียดสะสม สิ่งที่ตามมาคือความเหนื่อยล้า อ่อนเพลียเรื้อรัง นำพามาซึ่งความเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั่นเอง
- ภูมิต้านทานร่างกายต่ำ : นอกเหนือจากอาการที่เราพูดมาทั้งหมด หากเราเครียดมากจนเกินไปมันจะส่งผลต่อภูมิต้านทานในร่างกายเราค่ะ อาการอาจจะสิวขึ้นเยอะหน่อยหรือไม่สบายบ่อย ๆ ก็เป็นไปได้
เห็นไหมคะว่าความเครียดมีผลต่อร่างกายของเราค่อนข้างเยอะเลย หลังจากนี้ทุกคนคงสังเกตกันได้แล้วว่าตัวเองมีความเครียดมากน้อยแค่ไหน ทีนี้ก็ไปดูกันต่อเลยว่าเรามีวิธีรับมือกับความเครียดได้ยังไงบ้าง
วิธีรับมือกับความเครียด
ถ้ารู้ตัวว่าตอนนี้เราเครียดและอยากรู้สึกหลุดพ้น เราทำลิสต์สำหรับวิธีรับมือเบื้องต้นมาให้แล้ว เผื่อใครนึกไม่ออกว่าต้องทำยังไงลองเริ่มจากวิธีเหล่านี้ดูนะคะ
1. ยอมรับว่าตัวเองเครียด : ก่อนอื่นเราต้องไม่หลอกตัวเองว่าเราสบายดีค่ะ ถ้าเครียดก็ยอมรับกับตัวเองเลยว่าเราเครียด อย่าบอกว่าไม่เป็นไร เพราะการไม่ยอมรับอาจทำให้เราเครียดมากกว่าเดิมได้
2. หาสาเหตุและวิธีแก้ปัญหา : แน่นอนว่าทุกปัญหามีทางออก และเราไม่ควรเอาทุกปัญหามารวมกัน ฉะนั้นเราลองคิดก่อนว่าความเครียดของเรามันเกิดมาจากไหน และมีอะไรที่เราสามารถลงมือแก้ไขได้ทันทีเลยไหม ถ้าไม่มีก็พักไว้ก่อนอย่ารีบร้อน
3. เบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องที่เครียด : ถ้าเครียดเรื่องงานก็ลองหากิจกรรมอื่น ๆ ทำ เช่น ดูซีรีส์เรื่องโปรด ออกไปชอปปิง หรือนอนหลับพักสมองค่ะ เพราะการทำกิจกรรมอื่น ๆ จะช่วยทำให้สมองของเราผ่อนคลายได้ดี
4. กินอาหารที่อยากกิน : หลายคนคงมีอาหารที่อยากกินแต่ไม่ค่อยได้กินใช่ไหมคะ นี่แหละคือเวลาที่เราควรออกไปซื้อของกินมาปลอบใจตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นของคาวเอย ของหวานเอย จัดมาให้หมดค่ะ
5. ออกกำลังกายเป็นประจำ : การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้เราสุขภาพดีแล้ว ยังทำให้เราลืมความเครียดได้ด้วยนะคะ เพราะเวลาออกกำลังกายจะทำให้เราโฟกัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าสิ่งที่อยู่ในหัวนั่นเอง
6. ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง : บางคนยังไม่เคยใช้เวลาอยู่กับตัวเองเลย เวลาที่เกิดความเครียดก็อาจจะไม่รู้ว่าเราต้องทำยังไง ต้องฟังเพลงไหม หรือดูหนัง หรือออกไปเดินเล่น ถ้าใครเป็นแบบที่เราบอก เราว่าลองอยู่กับตัวเองเยอะ ๆ ก็ดีนะคะ ถือเป็นการรู้จักตัวเองมากขึ้นไปอีกขั้น
7. พักผ่อนให้เพียงพอ : เพราะเราชอบนอนดึกตื่นเช้าจนติดเป็นนิสัย ทำให้สมองของเราทำงานได้ไม่เต็มที่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนจะทำให้เรารู้สึกสดชื่นและสมองปลอดโปร่ง บอกเลยว่าดีขึ้นแน่นอนน
8. ร้องไห้ออกมา : ถ้าใครลองทำมาทั้งหมด 7 ข้อแล้วมันไม่เวิร์คเลย งั้นวิธีสุดท้ายคือการร้องไห้ค่ะ ที่เราบอกแบบนี้เพราะวิธีนี้คือตัวเลือกสุดท้ายที่ทุกคนจะเลือกทำแน่นอน และถ้าใครเคยทำจะรู้ว่ามันทำให้เราโล่งมากเลยจริง ๆ จ้าา
ช่องทางปรึกษาปัญหาฟรี
เอาล่ะค่ะ ! สุดท้ายนี้ถ้าเราลองรับมือกับความเครียดของตัวเองแล้วมันไม่ดีขึ้น ก็ลองหาตัวช่วยที่ปรึกษา มาแบ่งปันความเครียดให้ตัวเองกันหน่อยดีกว่า หากใครมีคนคู่ใจคอยรับฟังปัญหาก็ตามสะดวก แต่ถ้าใครไม่มีโทรได้ตามนี้เลยจ้าา
- สายด่วนสุขภาพจิต : 1323
- Depress We Care โรงพยาบาลตำรวจ : 081-932-0000
- สายด่วนสุขภาพจิต โรงพยาบาลราชวิถี : 02-354-8152
- สมาคมสะมาริตันส์แห่งประเทศไทย : 02-713-6793