ถ้าหากต้องการกินโอมากาเสะดี ๆ ให้คุ้มค่าคุ้มราคา คงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนส่วนใหญ่จะเข้าตัวเมืองกรุงเทพฯ เพื่อตามหาร้านโอมากาเสะดี ๆ แต่ร้านที่เรากำลังจะพาเพื่อน ๆ ชาว Wongnai ไปทำความรู้จักกันในวันนี้นั้นเป็นร้านโอมากาเสะในจังหวัดเชียงราย ร้านนั้นมีชื่อว่า “ซูชิยานากิ” พวกเราทีมงานได้พบกับเชฟบี ศุภวรรษ ดวงสว่าง เจ้าของร้าน “ซูชิยานากิ” ซึ่งทางร้านนั้นได้มีจุดเด่นที่ไม่ซ้ำร้านไหน ทำให้ปัจจุบันมีลูกค้าจองคิวไม่ขาดสาย เป็นเพราะอะไร เราตามมาดูกันค่ะ
จุดเริ่มต้นของร้าน “ซูชิยานากิ”
จุดเริ่มต้นมาจากเชฟบี เคยทำงานเป็นเชฟโอมากาเสะที่ประเทศอเมริกามา 12 ปี เริ่มต้นจากล้างจานแล้วขยับหน้าที่มาเรื่อย ๆ พอเริ่มใช้มีดเป็น เตรียมของได้ ทอดเทมปุระได้ ก็มาทำหน้าที่ต่าง ๆ ในครัวมากขึ้น เมื่อทำครบ 5 ปีก็ขยับออกมาหน้าซูชิบาร์ แล้วย้ายกลับมาอยู่เชียงราย เลยอยากทำโอมากาเสะที่นี่ เลยเริ่มจากการชวนเพื่อน คนรู้จักมาลองกิน หลังจากนั้นก็เกิดการบอกต่อ จนกลายเป็น Event เล็ก ๆ
คุณอาที่เป็นผู้ร่วมลงทุนเห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงเกิดเป็นร้าน ซูชิยานากิ เป็นร้านโอมากาเสะร้านแรกในเชียงราย จนถึงวันนี้ก็เปิดร้านมาได้เกือบ ๆ 2 ปีแล้ว โดยตั้งใจที่จะให้คนเชียงรายได้มีโอกาสกินโอมากาเสะได้ง่าย ๆ ไม่ต้องไปไกลถึงกรุงเทพฯ หรือว่าญี่ปุ่น ได้ลิ้มลองวัตถุดิบคุณภาพที่ทางร้านตั้งใจคัดสรรมาอย่างดี ในทุก ๆ องค์ประกอบ ตั้งแต่ตัวปลา ไปจนถึงวัตถุดิบอื่น ๆ ที่ใช้ในการปรุงอาหาร
ด้วยความที่เป็นธุรกิจครอบครัว เราจึงใช้แซ่ของตระกูลซึ่งก็คือคำว่า “หยาง” ในภาษาจีนพ้องรูปกับความว่า “ยานากิ” ในภาษาญี่ปุ่นมาเป็นชื่อร้าน
จุดเด่นของร้าน “ซูชิยานากิ”
จุดเด่นของ “ซูชิยานากิ” ที่แตกต่างจากร้านอื่นคือเรื่องของความใส่ใจในทุก ๆ ส่วน ทั้งคุณภาพ ราคา และการให้บริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รู้จัก สัมผัส และลิ้มลองรสชาติของวัตถุดิบนั้นจริง ๆ ทางร้านจึงเน้นคุณภาพของวัตถุดิบแต่ละชนิดที่นำมาเสิร์ฟให้ลูกค้ากินในราคาที่ลูกค้าจับต้องได้ รวมถึงการให้บริการลูกค้าทุกคนอย่างดีที่สุด ให้ได้รับประสบการณ์พรีเมียมในทุกนาทีที่ลูกค้ากินอาหาร ให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายจากความเร่งรีบและความเครียดเมื่อมากินอาหารที่ร้านของเรา
ในรอบหนึ่ง ที่ร้านจะรับลูกค้าแค่ 8 คนเท่านั้น ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมาก ๆ และทำให้ทางร้านสามารถบริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง และลูกค้าก็สามารถปิดรอบได้ กรณีที่มากินเป็นครอบครัว เดทสำคัญ หรือว่าการคุยธุรกิจ ซึ่งลูกค้าก็ชอบในตรงนี้มาก ๆ นอกจากนี้แล้ว การให้ความรู้ข้อมูลต่าง ๆ ของวัตถุดิบแต่ละชนิด ก็ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจ และสนุกสนานไปกับการกินอาหาร เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าเปิดใจในการกินโอมากาเสะ และรู้สึกคุ้มค่ากับเวลาที่ต้องใช้ในการดื่มด่ำในสตอรี วัตถุดิบดี ๆ จนถึงบรรยากาศ
เมนูแนะนำของร้าน “ซูชิยานากิ” ที่นักชิมไม่ควรพลาด
ซูชิที่ร้านจะเป็นโอมากาเสะสไตล์เอโดะมาเอะ ซึ่งเป็นสไตล์ที่เชฟบีถนัด และยังคงความดั้งเดิมของญี่ปุ่นไว้ ซึ่งจะเป็นรูปแบบที่เรียบง่ายดั้งเดิม แต่เน้นไปที่คุณภาพและรสชาติที่โดดเด่นของวัตถุดิบแต่ละตัว
โอมากาเสะ แปลว่าตามใจเชฟในภาษาญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นเขาจะเรียกว่าช่างฝีมือ ทำให้ไม่มีเมนูอาหารที่ตายตัว จะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เราได้รับมาในแต่ละครั้ง โดยแต่ละวันเมนูจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ทางร้านจะปรับสูตรทุกครั้ง ไม่เคยซ้ำ ลูกค้าที่มากินก็ได้ลุ้นไปด้วยกันว่าวันนี้จะได้กินวัตถุดิบชนิดไหนในรูปแบบไหน แต่ทางร้านก็จะมีการถามลูกค้าทุกครั้ง ว่ามีแพ้อาหารอะไรไหม ถึงแม้จะไม่มีเมนูตายตัว แต่ซูชิยานากิ มีเมนู Signature ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบ คือ “อังกิโมะซูชิ” หรือตับของปลาอังโกะ ตอนที่อยู่อเมริกาก็ได้เรียนรู้วิธีการทำ ตัวนี้ติดท็อป 52 จานที่อร่อยที่สุดในโลก CNN เป็นคนโหวต
“ทามาโกะยากิ” สูตรดั้งเดิมก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ลูกค้าหลาย ๆ ท่านชอบ เป็นไข่หวานที่เนื้อสัมผัสเหมือนเค้ก แต่ไม่มีส่วนผสมของแป้ง มีความหอมของเนย ทางร้านเลือกใช้ เนยออร์คิด ซึ่งเป็นเนยผลิตในไทยคุณภาพดี มีกลิ่นหอมและรสชาติที่ละมุน ช่วยเสริมให้อาหารมีรสชาติที่กลมกล่อม
และอีกเมนูของหวานหนึ่งที่อยากพูดถึงคือ “ไอศกรีมวาซาบิ” ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่ามันเข้ากันไหม แต่ด้วยรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของวาซาบิ มาผสมเข้ากับส่วนผสมของไอศกรีมอย่าง ผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน ตรามะลิ ที่ให้ความหวานมัน ทำให้ได้ไอศกรีมที่มีความนุ่มลิ้น ช่วยเบลนด์ตัววาซาบิให้กลายเป็นรสชาติที่นุ่ม กินง่าย และไม่เหมือนใคร
เคล็ดลับการทำธุรกิจที่ทำให้ลูกค้าติดใจ
การขายอาหารหรูอย่างโอมากาเสะ ถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ และมีความยาก ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่แตกต่างจากคนกรุงเทพฯ เพราะคนที่นี่มองว่ามันเป็นอาหารหรูหรา เข้าถึงยาก ทั้งราคา และวัตถุดิบ ช่วงแรกเลยต้องทำให้ลูกค้าเปิดใจที่จะลอง และสิ่งสำคัญเลยคือการทำราคาที่จับต้องได้ ให้เขาเห็นถึงความแปลกใหม่ ความน่าสนใจ กว่าอาหารประเภทอื่น ๆ
ในส่วนของคุณภาพวัตถุดิบ ทางร้านก็ให้ความสำคัญมาก ๆ โดยวัตถุดิบของเราเป็นระดับพรีเมียม นำเข้าจากญี่ปุ่น สดใหม่ไม่แพ้ร้านในกรุงเทพฯ โดยปลาจะถูกจับขึ้นเรือในช่วงกลางคืน และแพ็คส่งมาเชียงรายทันที นอกเหนือจากวัตถุดิบหลักที่นำเข้าแล้ว ซูชิยานากิ ยังใช้วัตถุดิบอื่น ๆ เช่น ผักต่าง ๆ ในพื้นที่ ได้ทั้งความสดใหม่ และได้สนับสนุนสินค้าเกษตรของเชียงรายอีกด้วย รวมถึงเนยออร์คิด และผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน ตรามะลิ ซึ่งเป็นแบรนด์ของคนไทย ที่ผลิตสินค้าคุณภาพสูง เป็นที่ไว้วางใจของร้านอาหารหลาย ๆ แห่ง
ทำให้เป็นเหตุผลว่าทำไมที่ทางร้านเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ ตรามะลิ เพราะนอกจากมาตราฐานสินค้าที่คงที่แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่สำหรับผู้ประกอบการ อย่างที่ร้านจะใช้เป็น ผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน ตรามะลิ ขาวข้นหวานมัน ทำให้ไม่ต้องใช้เยอะ ช่วยให้ประหยัดต้นทุน แต่ไม่ลดคุณภาพ แถมการสั่งซื้อก็ยังสะดวกสบายมาก ๆ เราไม่ต้องเสียเวลาออกไปซื้อเอง เพียงแค่แอดไลน์ @malibrand หรือ โทรหาเซลล์ ถึงจะอยู่เชียงรายทางมะลิก็จัดส่งให้ถึงที่
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับการเดินทางของ “ซูชิยานากิ” ความใส่ใจทุกรายละเอีนดรวมไปถึงกับคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ ทำให้ร้านมีลูกค้าเนืองแน่นและจองคิวยาวตลอดถึงแม้ว่าร้านจะรับลูกค้าเพียงครั้งละ 8 ที่นั่งเท่านั้น แต่ความคุ้มค่าและความประทับใจที่ได้รับนั้น ก็ทำให้หลาย ๆ คนพอใจกับการได้มารับประทานที่ร้าน “ซูชิยานากิ” แห่งนี้ ถ้าเพื่อน ๆ รู้ตัวว่าเป็นนักชิมลิ้นทองก็อย่าลืมไปจองคิวกันดูนะคะ ร้าน “ซูชิยานากิ” อยู่พหลโยธินสายเล็ก หลังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ!