หากถามถึงช่วงเวลาแห่งความสุขของแต่ละคน!? คำตอบจะมีมากมายตามความรู้สึกของบุคคลนั้นๆ แต่คำตอบที่มั่นคงและไม่เคยปฏิเสธจากใจไปได้เลยนั่นก็คือ ช่วงเวลาที่ได้นั่งทานอาหารรสชาติถูกปาก พร้อมบรรยากาศที่ถูกใจ ต่อด้วยนั่งไขว่ห้างเก๋ๆ จิบค็อกเทลกรึ่มๆ เล็กน้อยแล้วค่อยกลับบ้าน

แน่นอนว่าความสุขเติมเต็มอีกครั้ง เมื่อได้ก้าวย่างเข้าสู่ภายในร้าน “T Station” ที่ยังคงครบรส ครบบรรยากาศความคลาสสิกที่ถอดแบบจากสถานีรถไฟยุค 1920's ตกแต่งในสไตล์อินดัสเทรียลแบบดิบๆ ตัวโครงเหล็กของร้านที่ให้ความรู้สึกเข้มเคร่งขรึม คุมโทนด้วยความอบอุ่นจากหลอดไฟส้ม คลอด้วยเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ จึงให้ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศได้ไม่ยาก




แต่ความสุขจะเพิ่มขึ้นทวีมากกว่าเดิม ถ้าได้ลิ้มลองเมนูอาหารหน้าตาน่าทานพร้อมรสชาติที่แปลกใหม่ โดยเชฟแดงผู้มากประสบการณ์ประจำร้าน รวมไปถึงมิกโซโลจิสต์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการผสมเครื่องดื่มที่ชวนให้ลิ้มรสอยู่เสมอ ส่วนหน้าตาจะเป็นแบบไหน ต้องลองมาดูกัน
เมนูที่นี่นำเสนอ All Day Dine เสิร์ฟทั้งวันตั้งแต่เช้า International Buffet Breakfast 6.00-11.00 น. และ 11.00 -11.30 น. สำหรับ A La Carte ต่อด้วยมื้อเที่ยงไปจนถึงมื้อค่ำตั้งแต่เวลา 11.30-23.00 น. เต็มไปด้วยเมนูอาหารไทย-นานาชาติแบบฟิวชั่นที่มีให้เลือกแทบไม่ถูกแต่จานที่เชฟไม่อยากให้พลาดและเป็นเมนูแนะนำจานเด็ดที่ทำออกมาในรสชาติอาหารเหนือแท้ๆ “Northern Style Larb Burger” (280 บาท) จานนี้เชฟได้นำเนื้อออสเตรเลียคุณภาพดีผสานเข้ากับเครื่องเทศของลาบที่ดึงกลิ่นและรสชาติออกมาได้อย่างชัดเจน มีรสเผ็ดร้อนของพริกแห้งเฉพาะตัว อบอวลไปด้วยความหอมของเครื่องเทศสมุนไพรนานาชนิด รับรองว่าถูกใจคอลาบแน่นอน ประกบด้วยขนมปังบันโฮมเมด พร้อมผักกาดหอม มะเขือเทศ และแตงกวา เสิร์ฟคู่กับเฟรนช์ฟรายและผักสลัดสดๆ ถ้าหากใครไม่ทานเนื้อวัวก็มีเนื้อหมูให้เลือกทานเช่นกัน



Northern Style Larb Burger
และอีกหนึ่งเมนูที่นำอาหารตะวันออกกับอาหารตะวันตกมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว “Massaman Beef Pot Pie” (450 บาท) แกงมัสมั่นที่ใช้เนื้อนุ่มมีคุณภาพสัญชาติไทย สอดไส้อยู่ข้างในแป้งพ็อทพาย ความพิเศษอยู่ตรงเนื้อแป้งพัฟ มีผิวสัมผัสบางนุ่มที่ให้ความรู้สึกเพลิดเพลินเวลาทานเป็นอย่างยิ่ง และหัวใจสำคัญคือความเผ็ดหอมเข้มข้นของน้ำพริกเครื่องแกงมัสมั่นที่มีกลิ่นหอมโดดเด่นของเครื่องเทศหลากหลายชนิด อาทิ ยี่หร่า, กานพลู, อบเชย, โป๊ยกั๊ก, พริกไทย ฯลฯ พร้อมรสอวลละมุนใต้ลิ้นของกะทิ จึงให้รสสัมผัสที่จัดจ้านแปลกใหม่หาทานที่อื่นไม่ได้จริงๆ หรือจับคู่กับผักย่างก็เข้าขากันดี


Massaman Beef Pot Pie
ขยับมาที่เมนูเบาๆ พร้อมลูกเล่น อย่าง “California Cobb Salad” (350 บาท) สลัดจานใหญ่สไตล์อเมริกัน ที่เต็มไปด้วยผักคอส, อโวคาโด, มะเขือเทศ, เบคอน, เนื้อไก่อบ และไข่ต้มสุก เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดไวน์แดงในหลอดแก้ววิทยาศาสตร์ที่สร้างความสนุกสนานเล็กๆ ในขณะที่ราด มีรสเปรี้ยวนำ หวานเค็มตามหน่อยๆ ซึ่งรสชาติตัดกันได้ดีกับเนื้อไก่อบและเบคอน ให้ความรู้สึกทานเพลินจนลืมไปเลยว่าเป็นเมนูเรียกน้ำย่อย


California Cobb Salad
จานต่อมาเอาใจคนรักสุขภาพ “Pan Fried Sea Bass” (450 บาท) เนื้อปลากะพงขาวที่นำไปกริลล์แบบสุกกำลังดี ไม่ให้เนื้อแข็งจนเกินไป และยังคงความหอมเบาๆ อยู่ในตัว เสริมอรรถรสในการทานด้วยมะเขือเทศชิ้นเล็กที่นำไปผัดกับเคื่องเทศและน้ำส้มสายชูแดงหมักที่กระตุ้นประสาทรับรสได้เป็นอย่างดี เสิร์ฟพร้อมหัวบีทรูทบด ราดด้วยครีมซอสรสนุ่มที่มีส่วนผสมของไวน์ขาว เกลือ ครีม และแฝงไปด้วยความหอมอ่อนๆ จากตะไคร้ ไม่ว่าจะเลือกทานคู่บีทรูทบด ครีมซอส หรือมะเขือเทศผัด ก็ได้รสชาติความเอร็ดอร่อยไม่แพ้กัน


Pan Fried Sea Bass
ส่งท้ายด้วยของหวาน “Crepes with caramelized bananas and almond nougat” (160 บาท) เครปเย็นบางนุ่มที่ม้วนกล้วยหอมอยู่ด้านในออกรสหวานมัน ราดด้วยซอสคาราเมลหอมหวาน โรยหน้าด้วยอัลมอนด์ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมนูเทลล่า เป็นเมนูที่ให้รสสัมผัสทั้งกรุบๆ นุ่มๆ สลับไปมา ในขณะที่รสชาติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน


Crepes with caramelized bananas and almond nougat
แล้วก็ถึงเวลาของเครื่องดื่ม ที่นี่จัดบริการกันในแบบฟูลบาร์ เรียกได้ว่าอาวุธครบคลังทุกระดับความแรง แต่ความพิเศษอยู่ที่การครีเอทเมนูค็อกเทลรสชาติแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังผสมผสานระหว่างเครื่องดื่มทั้งไทยและนอกได้อย่างถูกใจ อย่างเช่น “Zeep Sip” (270 บาท) วอดก้ารสนุ่มที่ผสมกับน้ำเสาวรสและเครื่องดื่มอิชิตันรสเย็นเย็น จนได้รสชาติกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวหรือหวานโดดเกินไป พร้อมความเผ็ดจี๊ดจ๊าดแบบไทยๆ ด้วยพริกเกลือที่ติดอยู่บนขอบแก้วเวลาดื่ม หรือใครที่ชอบหนักๆ แถมยังดื่มง่าย อย่าง “Tan Tan” (270 บาท) เป็นค็อกเทลที่นำเครื่องดื่มอิชิตันรสต้นตำรับมาผสมกับวอดก้าและดราย มาร์ตินี่ โดยมีรสชาติที่หวานนุ่มลึก แทบไม่ได้กลิ่นเหล้า จิบได้เรื่อยๆ เพลินได้ทั้งคืน แต่ระดับความแรงก็เพิ่มขึ้นรวดเร็วเช่นกัน ถ้าไม่รู้จะสั่งอะไรก็สามารถถามบาร์เทนเดอร์ได้ เพราะเขาจะแนะนำเครื่องดื่มที่เหมาะกับมู้ดคุณ


“Zeep Sip” Grand Marnier / Ichitan / Passion Fruit / Chili Flakes


“Tan Tan” Vodka / Dry Martini / Ichitan

หากใครที่อยากมอบช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับตัวเองหรือคนพิเศษ ครบทั้งรสชาติอาหารและบรรยากาศไปพร้อมๆ กัน สามารถดื่มด่ำทั้งสองอย่างได้ที่ “T Station” ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนลับขอบฟ้าได้อย่างอิ่มเอมใจสุดๆ ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจเฟสบุ๊ค T Station หรือโทร. 052-001-999