
เมื่อก่อนนี้ หากพูดถึงอาหารเกาหลี คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงแต่อาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี หรือร้านอาหารเกาหลีแบบพรีเมียม ที่บรรยากาศเหมือนอยู่ในพระราชวังเคียงบ็อคแบบในซีรีส์ย้อนยุค แถมราคาก็ยังสูงไปพร้อมๆ กับความไฮของบรรยากาศอีกด้วย
แต่เมื่อร้านอาหารเกาหลี “Tudari” ถูกนำมาเปิดในเมืองไทย ก็เปลี่ยนความคิดที่ว่า อาหารเกาหลีจะต้องไปกินตามร้านอาหารเกาหลีหรูๆ แพงๆ เท่านั้น เพราะมีร้านอาหารเกาหลีที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ และราคาไม่เกินเอื้อมอย่าง “Tudari” เพิ่มขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ชอบกินอาหารเกาหลีนั่นเอง


“Tudari” ก่อตั้งครั้งแรกที่ประเทศเกาหลี ในปี ค.ศ. 1987 มีสาขากว่า 2,000 แห่งในประเทศเกาหลี และขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย เช่น จีน อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม โดยร้าน “Tudari” ในประเทศไทย เป็นสาขาต้นแบบที่แตกต่างจาก “Tudari” ในประเทศอื่นๆ เพราะเป็นที่แรกที่ตกแต่งร้านให้มีขนาดใหญ่ เป็นร้านอาหารเกาหลีอย่างเต็มรูปแบบในสไตล์ “Casual Dining” ที่เข้าถึงง่าย กินง่าย ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า เพราะเมื่อก่อนนี้ หากใครต้องการจะกินอาหารเกาหลี ก็จะต้องไปกินที่ร้านอาหารเกาหลีในโรงแรมหรือตามร้านอาหารเกาหลีใหญ่ๆ ที่ราคาค่อนข้างสูงทั้งสิ้น “Tudari” จึงถือเป็นร้านอาหารเกาหลีสไตล์ “Casaul Dining” เจ้าแรกในไทย และเป็นต้นแบบให้ “Tudari” ในประเทศอื่นๆ ที่เปิดร้าน “Tudari” ในรูปแบบร้านเล็กๆ แต่มีหลายสาขา


อาหารจานหลัก เมนูยอดนิยม
และเพื่อคงรสชาติแบบเกาหลีแท้ๆ “Tudari” เอาไว้ จึงต้องอิมพอร์ตวัตถุดิบบางอย่างจากเกาหลีเข้ามา เช่น เส้นชินราเมียน และโดยเฉพาะพวกเครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น ซอสสูตรเกาหลี กระทั่งพริกป่นก็เป็นพริกป่นแบบหยาบและพริกป่นแบบละเอียดที่ต้องนำเข้ามาจากเกาหลีเช่นกัน เพื่อให้ได้รสชาติที่แท้จริงของอาหารเกาหลีแบบที่คนเกาหลีกินกัน





หากจะถามว่าเมนูไหนที่กินแล้ว ชวนให้นึกถึงความเป็นเกาหลีมากที่สุด เมื่อเดินเข้าร้าน “Tudari” มาแล้ว ก็คงหนีไม่พ้น “ชินดันดง ต๊อกปกกิ พรีเมียม” (ราคา 439 บาท) เมนูหม้อไฟต๊อกปกกิที่มักจะเห็นได้บ่อยๆ ในซีรีส์เกาหลี แถมยังเป็นเมนูขายดีของ “Tudari” อีกด้วย ความพิเศษของเมนูหม้อไฟนี้ คือ เป็นหม้อไฟที่อัดแน่นไปด้วยของอร่อยนานาชนิด เช่น แป้งต๊อกปกกิ เนื้อหมู ลูกชิ้นปลาพรีเมียม สาหร่ายห่อวุ้นเส้น ลูกชิ้นคริสตัลไส้ไข่กุ้ง ลูกชิ้นไส้ชีส แฮม ไข่ต้ม เส้นชินราเมียน (มาม่าเกาหลี) ผักนานาชนิด ราดด้วยซอสชินดังดงสูตรพิเศษของ “Tudari” ที่สามารถเลือกความเผ็ดได้ 3 ระดับ และมีท้อปปิ้งให้เลือกใส่เพิ่มอีกได้ตามต้องการ
และถ้าอยากให้เมนู “ชินดันดง ต๊อกปกกิ พรีเมียม” อร่อยถึงใจ ก็ต้องรอให้น้ำซุปในหม้อเดือดปุดๆ เสียก่อน แล้วค่อยๆ กดเส้นชินราเมียนลงไปให้สัมผัสกับน้ำซุปร้อนๆ แล้วคลุกเคล้าทั้งเส้นและเครื่องท้อปปิ้งทั้งหมดให้เข้ากันกับน้ำซุปและซอสชินดังดง แล้วน้ำซุปรสชาติเข้มข้นเผ็ดร้อนแบบเกาหลีแท้ๆ ก็จะซึมซาบลงไปในเส้น และเครื่องปรุงต่างๆ ให้ได้อร่อยกันอย่างเต็มที่


อีกหนึ่งเมนูที่จะต้องนึกถึงเป็นเมนูแรกๆ หากพูดถึงอาหารเกาหลี คือ “บิบิมบับหมู/เนื้อ/ไก่” (ขนาเล็กราคา 180 บาท / ขนาดใหญ่ราคา 280 บาท) ข้าวยำสไตล์เกาหลี ที่อร่อยแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการเสิร์ฟข้าวมาในชามหินร้อน และท้อปปิ้งด้วยผักนานาชนิด เช่น ผักโขม ถั่วงอก เห็ดหอม แครอท เสริมทัพด้วยเนื้อสัตว์ตามชอบ เช่น หมู เนื้อ หรือไก่ ไข่เจียวหั่นฝอย แล้วท้อปปิ้งด้วยซอสโกชูจังและไข่แดงของไข่ไก่ดิบ เป็นเมนูที่สีสันจัดจ้านน่ากิน ด้วยสารพัดสีของผัก และสีแดงของซอสโกชูจังกับไข่ดิบ ยิ่งเวลาเสิร์ฟมาในชามหินร้อนๆ ควันฉุยๆ ก็ยิ่งดูน่ากิน ก่อนกินก็เพียงคลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วเกลี่ยข้าวที่คลุกแล้วไว้ที่ขอบชามร้อนๆ เพื่อเพิ่มความกรอบให้กับข้าว แล้วกินพร้อมเครื่องเคียงอย่าง ซุป กิมจิ ชีกึมชีนามุล (ผักโขมยำ) และหอมใหญ่ดอง เป็นเมนูที่ทั้งอร่อยและได้สารอาหารครบถ้วนจริงๆ
และที่ “Tudari” มีให้เลือกทั้ง “บิบิมบับหม้อร้อน หมู/เนื้อ/ไก่” และ “บิบิมบับหม้อเย็น ปลาหมึก”

ส่วนคนที่ชอบรสชาติเข้มข้น และความเหนียวนุ่มของแป้งต๊อก ต้องลองเมนู “ต๊อกปกกิซีฟู้ด” (ขนาดเล็กราคา 190 บาท / ขนาดใหญ่ราคา 310 บาท) แป้งต๊อกเนื้อเหนียวนุ่มเคี้ยวเพลิน นำมาผัดกับซอสโกชูจังรสชาติเข้มข้นตามสไตล์เกาหลี เพิ่มความอร่อยและคุณค่าทางอาหารด้วยซีฟู้ดนานาชนิด เช่น ปลาหมึก กุ้ง หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ พร้อมด้วยไข่ต้ม และท้อปปิ้งด้วยชีสเหนียวยืดรสชาติเค็มๆ มันๆ ตัดรสกันได้ดีกับความเข้นข้นของโกชูจัง


และนอกจากจะมีเมนูหม้อไฟขนาดใหญ่แล้ว ยังมีเมนูหม้อไฟขนาดกลางๆ แบบอิ่มกำลังดี อย่าง “สตูว์โอเด้งและปู” (ราคา 310 บาท) ที่ในหม้อประกอบไปด้วยอาหารทะเลนานาชนิด เช่น หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้ง ปลาหมึก ปูทะเล และลูกชิ้นปลารวมเสียบไม้ พร้อมไข่ต้มและเห็ดเข็มทอง เสิร์ฟแบบหม้ออุ่นร้อน พร้อมน้ำซุปรสชาติเข้มข้นจัดจ้านสไตล์เกาหลี

จากนั้นปิดท้ายด้วยเมนู “ตั๊กกังจอง” (ราคา 160 บาท)หรือไก่ทอดเกาหลี เป็นเมนูที่จะต้องทอดไก่ให้กรอบ แล้วนำมาคลุกเคล้ากับซอสเกาหลีรสชาติเข้มข้นเค็มๆ หวานๆ โรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์และต้นหอม เป็นเมนูที่มีทั้งความกรอบและความนุ่มในหนึ่งเดียว แถมยังได้รสชาติจัดจ้านแบบเกาหลีอีกด้วย

เบรคความเข้มข้นจัดจ้าน มาอร่อยกับของหวานขึ้นชื่อ

แล้วมาจบที่ของหวานชื่นใจๆ อย่าง “ฮันนี่เบรด” (ราคา 160 บาท) ขนมหวานขึ้นชื่อของ “Tudari” ที่คัดสรรขนมปังคุณภาพเนื้อหนานุ่ม นำไปอบจนหอมกรุ่น กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลา โรยหน้าด้วยอบเชยและน้ำตาลไอซิ่ง แล้วราดด้วยน้ำผึ้งหอมๆ เป็นความอร่อยแบบหอมหวานเย็นชื่นใจ ที่ช่วยดับรสเผ็ดร้อนจัดจ้านของอาหารจานหลักได้เป็นอย่างดี

และวาเลนไทน์ปีนี้ หากพาหวานใจมาอร่อยกับอาหารเกาหลี ที่ “Tudari” ก็มีเมนูแนะนำสำหรับช่วงวาเลนไทน์โดยเฉพาะ คือ “Love Toast” ขนมปังนุ่มๆ อบเนยจนหอมกรุ่น แล้วเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลา สตรอเบอรี่ลูกโต กีวีสดๆ โรยด้วยอัลมอนด์บด ทานคู่กับวิปปิ้งครีมนุ่มๆ ราดช็อกโกแลตซอสตามใจชอบ แล้วบาลานซ์ความหวานด้วยเครื่องดื่มรสเปรี้ยวซ่า “Berry Lemonade” เบอรี่สดผสมกับน้ำมะนาว แล้วเติมความซาบซ่าด้วยโซดา ที่ให้รสชาติหวานซ่อนเปรี้ยว สื่อถึงความรักที่หวานซาบซ่า พบกับ 2 เมนูนี้ได้ ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2558












