Corrector 101 เทคนิคกลบสิว อำพรางจุดบกพร่องบนผิวด้วยทฤษฎีสีคู่ตรงข้าม
  1. Corrector 101 เทคนิคกลบสิว อำพรางจุดบกพร่องบนผิวด้วยทฤษฎีสีคู่ตรงข้าม

Corrector 101 เทคนิคกลบสิว อำพรางจุดบกพร่องบนผิวด้วยทฤษฎีสีคู่ตรงข้าม

ทำความรู้จัก “คอเรคเตอร์ (Corrector)” เมคอัพไอเทมที่ใช้หลักทฤษฎีสีคู่ตรงข้ามมาจัดการปัญหารอยสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำกวนใจ
writerProfile
19 ก.ย. 2024 · โดย

การแต่งหน้า คือ ศิลปะแขนงหนึ่งที่แต่งแต้มสีสันบนใบหน้า ซึ่งเปรียบเสมือนผืนผ้าใบ ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าทุกครั้งที่แต่งหน้าสาว ๆ หลายคนจะต้องงัดความรู้ด้านศิลปะที่มีทั้งหมดออกมาใช้ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเส้น แสง เงา และที่ขาดไม่ได้เลยคือ “สี” ซึ่งนอกจากจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เราแต่งหน้าสวยขึ้นแล้ว หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าความรู้เรื่องทฤษฎีสียังช่วยอำพรางจุดบกพร่องบนผิวได้ด้วย โดยในวันนี้ Wongnai Beauty จะพาทุกคนมาเรียนรู้เทคนิคกลบสิว อำพรางจุดบกพร่องบนผิวด้วยทฤษฎีสีคู่ตรงข้ามกันค่ะ

Corrector คืออะไร?

Corrector

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับคอนซีลเลอร์ (Concealer) แต่อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกับคำว่า “คอเรคเตอร์” (Corrector) กันสักเท่าไร เราเลยจะพามาทำความรู้จักกับเมคอัพไอเทมชิ้นนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ สำหรับคอเรคเตอร์ (Corrector) มีรากฐานศัพท์มาจากคำว่า “Correct" ที่แปลว่า แก้ไข เพราะถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขและอำพรางจุดบกพร่องบนผิวเช่นเดียวกับคอนซีลเลอร์ แต่จะแตกต่างกันตรงที่คอเรคเตอร์มีสีที่หลากหลายกว่า เนื่องจากใช้หลักทฤษฎีสีคู่ตรงข้ามในการปกปิดรอยสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำต่าง ๆ อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นเมคอัพเบสที่ช่วยปรับสีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอกันด้วย

หลักการใช้ Corrector กับทฤษฎีสีคู่ตรงข้าม

วงล้อสี (Color Wheel) ประกอบด้วย 12 สี พร้อมด้วยมีแม่สี 3 สี คือ สีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน โดยมีสีคู่ตรงข้าม (Complementary) ในวงล้อสีมีทั้งหมด 6 คู่ ซึ่งสามารถหักล้างซึ่งกันและกันได้ เพราะฉะนั้นเราจึงสามารถใช้ทฤษฎีสีคู่ตรงข้ามมาหักล้าง หรือฆ่าสีของจุดบกพร่องบนใบหน้าและปรับสีผิวให้เป็นกลางได้นั่นเองค่ะ

Corrector
  • สีคู่ตรงข้ามของ สีเหลือง คือ สีม่วง
  • สีคู่ตรงข้ามของ สีแดง คือ สีเขียว
  • สีคู่ตรงข้ามของ สีม่วง คือ สีส้ม
  • สีคู่ตรงข้ามของ สีเขียวเหลือง คือ สีม่วงแดง
  • สีคู่ตรงข้ามของ สีส้มเหลือง คือ สีม่วงน้ำเงิน
  • สีคู่ตรงข้ามของ สีส้มแดง คือ สีเขียวน้ำเงิน

Corrector กับ Concealer ต่างกันยังไง?

ถึงแม้ “คอนซีลเลอร์” และ “คอเรคเตอร์” จะเป็นเครื่องสำอางที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่ทั้งคู่ก็มีความแตกต่างกันทั้งในด้านลักษณะภายนอก เนื้อสัมผัส และจุดประสงค์ในการใช้ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

Corrector

ความแตกต่างด้านสี

  • คอนซีลเลอร์ : ถูกออกแบบมาให้มีเฉดสีใกล้เคียงกับสีผิวของมนุษย์ โดยมีให้เลือกตั้งแต่โทนสีสว่าง โทนสีกลาง ไปจนถึงโทนสีเข้ม ครอบคลุมทุกสีผิว
  • คอเรคเตอร์ : มีสีให้เลือกหลากหลาย เช่น สีเขียว สีม่วง สีเหลือง และสีชมพู เป็นต้น

ความแตกต่างด้านเนื้อสัมผัส

  • คอนซีลเลอร์ : คอนซีลเลอร์มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา เกลี่ยง่าย และกลมกลืนไปกับผิวได้อย่างแนบเนียน
  • คอเรคเตอร์ : คอเรคเตอร์มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเข้มข้น มีความหนืด และเกลี่ยยากกว่าคอนซีลเลอร์

ความแตกต่างด้านการปกปิด

  • คอนซีลเลอร์ : ให้การปกปิดระดับบางเบาถึงปานกลาง
  • คอเรคเตอร์ : ให้การปกปิดระดับปานกลางถึงสูงสุด สามารถกลบรอยสิว อำพรางจุดบกพร่องบนผิวได้ดีและตรงจุดกว่าคอนซีลเลอร์

ความแตกต่างด้านการใช้งาน

  • คอนซีลเลอร์ : สามารถใช้ได้ทุกส่วนบนใบหน้า หรือจะใช้ปกปิดเฉพาะจุดก็ได้เช่นกัน เช่น รอยสิว รอยคล้ำใต้ตา รวมถึงจุดด่างดำต่าง ๆ บนผิวหน้า
  • คอเรคเตอร์ : ใช้ปกปิดเฉพาะจุดเท่านั้น เหมาะสำหรับจุดที่มีปัญหาค่อนข้างหนัก และไม่สามารถปกปิดด้วยคอนซีลเลอร์ได้

Corrector มีกี่ประเภท

หากแบ่งตามเนื้อสัมผัสจะสามารถแบ่งคอเรคเตอร์ได้ 3 ประเภท ดังนี้

Corrector
  • คอเรคเตอร์เนื้อลิควิด : เนื้อผลิตภัณฑ์รูปแบบน้ำ สัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย สบายผิว อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเป็นคราบ หรือตกร่องได้เป็นอย่างดี ให้การปกปิดในระดับปานกลางถึงระดับสูง เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง และคนที่ต้องการงานผิวเรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ
  • คอเรคเตอร์เนื้อครีม : มาในรูปแบบเนื้อครีมที่มีความเข้มข้น เนื้อสัมผัสค่อนข้างหนาและหนืด ทำให้ปกปิดรอยต่าง ๆ ได้อย่างเรียบเนียนไร้ที่ติ แต่หากลงซ้ำหลายเลเยอร์ก็อาจจะทำให้เป็นคราบและตกร่องได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว รอยสิว รวมถึงจุดด่างดำที่ค่อนข้างรุนแรง ต้องการการปกปิดในระดับสูงสุด ซึ่งเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด
  • คอเรคเตอร์แบบสติ๊ก : คอเรคเตอร์เนื้อครีมที่มาในรูปแบบแท่ง ใช้งานง่าย และตอบโจทย์เรื่องการพกพา โดยมีคุณสมบัติเหมือนคอเรคเตอร์เนื้อครีม ที่มาพร้อมเนื้อครีมที่มีความเข้มข้น ให้การปกปิดระดับสูง กลบรอยสิว และอำพรางจุดบกพร่องบนผิวได้อย่างแม่นยำ

จุดเด่น - จุดด้อยของ Corrector 

Corrector

จุดเด่น

  • ให้การปกปิดระดังสูงสุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวค่อนข้างหนัก และผู้ที่ต้องการสร้างผิวใหม่ให้เรียบเนียนไร้ที่ติ
  • แก้ไขจุดบกพร่องบนผิวหน้าได้ตรงจุดและแม่นยำกว่าคอนซีลเลอร์
  • ช่วยปกปิดสิว และรอยสิวได้อย่างแนบเนียน โดยเฉพาะรอยดำ รอยแดงที่เกิดจากสิว
  • กลบรอยคล้ำใต้ตา รอยเส้นเลือดฝอย และรอยช้ำต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่บนผิวหน้าได้ดีกว่าคอนซีลเลอร์
  • ทำหน้าที่แทนเมคอัพเบส ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ ทำให้ลงรองพื้น หรือคุชชั่นได้เรียบเนียนยิ่งขึ้น

จุดด้อย

  • เนื้อสัมผัสค่อนข้างเข้มข้น มีความหนืด ทำให้เกลี่ยยากและอาจเป็นคราบ หรือตกร่องได้ง่าย
  • มีวิธีใช้งานที่ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากคอเรคเตอร์มีสีที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละสีก็มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
  • ไม่เหมาะสำหรับวันเร่งรีบ เพราะการใช้คอเรคเตอร์มีขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน อาจใช้เวลาในการแต่งหน้านานกว่าปกติ

How to เลือกสี Corrector ให้เหมาะกับปัญหา

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจมองว่าคอเรคเตอร์มีขั้นตอนการใช้งานที่ยุ่งยาก แต่ในความจริงแล้วหากทุกคนรู้วิธีการใช้ที่ถูกต้อง นอกจากจะไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดแล้ว ยังอาจจะยกให้คอเรคเตอร์เป็นหนึ่งในเมคอัพไอเทมชิ้นโปรดเลยก็เป็นได้ ดังนั้นเราเลยถือโอกาสนำ How to เลือกสี Corrector ให้เหมาะกับปัญหามาแนะนำกันค่ะ

Corrector
  • สีเขียว : คอเรคเตอร์สีเขียวมักจะเป็นสีที่ถูกเลือกมาใช้บ่อย ๆ เนื่องจากเป็นสีคู่ตรงข้ามกับสีแดง จึงช่วยปกปิดรอยแดง รอยเส้นเลือดฝอย และรอยสิวที่เพิ่งเป็นใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยปรับผิวโทนเหลืองให้ดูสว่างขึ้นด้วย
  • สีม่วง : สีม่วงเป็นสีคู่ตรงข้ามกับสีเหลือง คอเรคเตอร์สีม่วงจึงใช้ในการช่วยปรับผิวเหลืองไม่สม่ำเสมอ ให้เรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น พร้อมช่วยกลบรอยฟกช้ำ และรอยเส้นเลือดบนผิวได้เป็นอย่างดี
  • สีชมพู : สำหรับสีคู่ตรงข้ามของสีชมพู คือ สีเขียว เพราะฉะนั้นคอเรคเตอร์สีชมพู จึงมีคุณสมบัติช่วยในการอำพรางรอยช้ำสีม่วงและสีเขียวบนผิวได้นั่นเองค่ะ
  • สีแดงและสีส้ม : หากสาว ๆ คนไหนมีปัญหาผิวไม่เรียบเนียนจากเส้นเลือดผิว แนะนำให้เลือกใช้คอเรคเตอร์สีแดงและสีส้มเลยค่ะ เพราะสีแดงเป็นสีคู่ตรงข้ามของสีเขียว ส่วนสีส้มตรงข้ามกับน้ำเงิน จึงช่วยปกปิดรอยเส้นเลือดทั้งสีเขียวและสีน้ำเงินได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความหมองคล้ำและเพิ่มความสว่างกระจ่างใสให้กับคนผิวเข้มได้ด้วยค่ะ
  • สีเหลือง : ปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวดูไม่สม่ำเสมอ จัดการได้ด้วยคอเรคเตอร์สีเหลือง เพราะสีคู่ตรงข้ามของสีเหลือง คือ สีม่วง คอเรคเตอร์สีเหลืองจึงช่วยลดรอยคล้ำบนผิวให้ดูจางลง พร้อมปรับผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอกัน ส่วนใครที่มีรอยฟกช้ำบนผิวก็สามารถใช้ได้เช่นกันค่ะ

เทคนิคลง Corrector ให้เรียบเนียน

Corrector
  • ปรับสภาพผิวด้วยไพรเมอร์ : ด้วยความที่คอเรคเตอร์มีเนื้อที่ค่อนข้างหนักและเข้มข้นกว่าผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้เป็นคราบและตกร่องได้ง่าย ด้วยเหตุนี้จึงต้องลงไพรเมอร์เพื่อปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ทำให้สามารถลงคอเรคเตอร์ได้ง่ายขึ้น พร้อมป้องกันการเป็นคราบหรือตกร่อง อีกทั้งยังช่วยล็อกไม่ให้เมคอัพหลุด หรือไหลเยิ้มระหว่างวันด้วย
  • ใช้แปรงในการลงคอเรคเตอร์ : สำหรับจุดบกพร่องเล็ก ๆ อย่างรอยสิวและจุดด่างดำ แนะนำให้ใช้แปรงหัวเล็ก หรือแปรงปลายแหลมในการลงคอเรคเตอร์ เพื่อความละเอียดและแม่นยำ
  • ลงคอเรคเตอร์ก่อนลงรองพื้น : หากใครมีปัญหาผิวค่อนข้างหนักต้องการงานผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ ก็สามารถลงคอเรคเตอร์เพื่ออำพรางจุดบกพร่องต่าง ๆ สร้างผิวใหม่ที่เรียบเนียนและดูสม่ำเสมอกัน จากนั้นจึงลงรองพื้นหรือคุชชั่นอีกครั้ง ทั้งนี้ แนะนำให้เลือกใช้รองพื้นหรือคุชชั่นสูตรบางเบา เพื่อป้องกันปัญหาหน้าหยา และเมคอัพเยิ้มระหว่างวัน

.

ถึงแม้การใช้คอเรคเตอร์จะมีวิธีใช้ที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็เป็นอีกหนึ่งศาสตร์ที่อยากแนะนำให้สาว ๆ เรียนรู้เป็นวิชาติดตัวไว้ เพราะไม่เพียงแค่ช่วยปกปิดจุดบกพร่องให้ใบหน้าเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างผิวใหม่ที่เรียบเนียนขึ้นได้แบบไม่ต้องง้อฟิลเตอร์เลยค่ะ

#Wongnai #WongnaiBeauty #Beauty101 #Corrector #กลบสิว