'ลิปสติก' เรียกได้ว่าเป็นไอเท็มประจำตัวของสาว ๆ มาหลายยุคหลายสมัย เหมือนอย่างที่ Coco Chanel เคยกล่าวว่า "If you are sad add more lipstick and attack" หรือที่แปลเป็นไทยได้ว่า ถ้าหากว่าคุณรู้สึกแย่ จงลุกขึ้นทาลิปสติกแล้วไปเผชิญหน้ากับมันซะ จะเห็นได้ว่าลิปสติกถือเป็นเครื่องสำอางที่ขาดไม่ได้เลยของผู้หญิง วันนี้ Wongnai Beauty จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับลิปสติกให้มากขึ้น รวมถึงลิปสติกในตำนาน ที่สาว ๆ ใช้แล้วปลื้มจะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมกันค่ะ

ต้นกำเนิดลิปสติกอยู่ที่ไหน
วัฒนธรรมการแต่งแต้มริมฝีปากด้วยสีแดงนี้ มีรากฐานคือการค้นพบม้วนกระดาษปาปิรุสเป็นรูปผู้หญิงชาวอียิปต์กำลังถือกระจกแต่งแต้มเรียวปากอยู่ จากหลักฐานทางโบราณคดี ได้มีการค้นพบกล่องบรรจุเครื่องสำอางอายุกว่า 5,000 ปี เป็นครั้งแรก โดยค้นพบ ณ ที่ราบลุ่มเมโสโปเตเมีย และสิ่งที่พบอยู่ในกล่องก็คือสีทาปาก


จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1884 บริษัทเครื่องสำอางชื่อ Guerlain ได้ทำลิปสติกแบบก้อนบรรจุมาในห่อกระดาษผ้าไหมมาพร้อมกับพู่กันสำหรับทาปากออกมา และเป็นครั้งแรกที่ใช้ชื่อเรียกว่า “ลิปสติก” จนกระทั่งทศวรรษ ที่ 1915 Maurice levy ได้ทำที่บรรจุลิปสติกแบบโลหะแท่งแรกขึ้นมา ทำให้มีความสะดวกสบายขึ้นในการทาริมฝีปาก ในปีเดียวกันบริษัทชื่อดัง Chanel, Guerlain, Estee Lauder และ Elizabeth Arden ก็เริ่มผลิตลิปสติกออกสู่ตลาด ส่วนผู้หญิงสมัยก่อนของไทยเรานั้น นิยมทาปากด้วยชาดสีแดง ซึ่งแผ่นชาดสีแดงนั้นจะสั่งมาขายจากประเทศจีน สกัดจากเลือดของเพลี้ยที่เกาะอยู่ที่ต้นกระบองเพชร
ชนิดของลิปสติก
1. ลิปสติกเนื้อครีม (Creamy Lipstick)

ลิปสติกเนื้อครีม สาว ๆ หลายคนมักจะคุ้นชินกับลิปสติกชนิดนี้ ตัวเนื้อลิปสติกมีลักษณะเป็นเนื้อครีม เม็ดสีมีปริมาณมาก ลิปชนิดนี้ให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก มักจะบรรจุมาในรูปแบบแท่ง ดินสอ และตลับ ซึ่งจริง ๆ แล้ว เนื้อครีมเมื่อทาออกมายังให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้ค่ะ
- Creamy Lipstick : ลิปสติกเนื้อครีมที่มาในรูปแบบของแท่ง ถูกออกแบบมาให้รับกับริมฝีปากพอดี สะดวกในการใช้งานมากค่ะ เนื้อครีมเนียนนุ่ม เม็ดสีแน่น เหมาะสำหรับคนที่มีริมฝีปากได้รูป
- Lip Sheer : จะมีลักษณะคล้ายกับลิปสติกเนื้อครีมอัดแท่ง แต่จะมีสีสันไม่จัดจ้านมากนัก มีส่วนผสมของน้ำมัน ให้ความมันวาวในระดับหนึ่ง ใช้เพื่อเน้นสีธรรมชาติของริมฝีปากให้ชัดเจนขึ้นหรือเติมสีใหม่ลงไปเพียงจาง ๆ เท่านั้น
- Lipliner : ลิปไลน์เนอร์ หรือ ดินสอเขียนขอบปาก ไว้สำหรับเขียนขอบปากหรือเติมริมฝีปากให้ดูเต็มมากยิ่งขึ้น การวาดขอบปากด้วยดินสอเขียนขอบปาก ต้องวาดก่อนที่จะลงลิปสติก จะช่วยให้ริมฝีปากของเราได้รูปและดูเนียนสวยมากยิ่งขึ้น
- Frosted Lipstick : ฟรอสตี้ หรือ ฟรอสเท็ดลิปสติก หลายคนอาจจะรู้จักลิปชนิดนี้ในชื่อ ลิปไข่มุก เนื้อสัมผัสของลิปจะมีส่วนผสมของกลิตเตอร์หรือผงไข่มุก ให้ความรู้สึกมันวาว เหมาะสำหรับสาวริมฝีปากบาง จะทำให้ปากดูอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น
- Shine Lipstick : ลักษณะจะคล้ายกับฟรอสตี้ลิปสติก แต่ผิวสัมผัสจะดูเลื่อมมากกว่า เนื้อมันวาว มีความชุ่มชื้นคล้ายลิปกลอส เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทาปากสีจัด แต่ถ้าวันไหนสาว ๆ ปากลอกหรือแห้งมาก ๆ ไม่ควรทาอย่างยิ่งค่ะ เพราะความมันวาวจะทำให้ปากเป็นขุยมากยิ่งขึ้น
- Metallic Lipstick : ลิปแบบสติกเมทัลลิก เป็นลิปที่มีเม็ดสีเยอะ มีชิมเมอร์ที่ละเอียด เวลาทาที่ริมฝีปากจะดูเป็นประกายอวบอิ่ม ส่วนมากจะมาในรูปแบบของดินสอ



2. ลิปสติกจิ้มจุ่ม (Liquid Lipstick)

ลิปสติกจิ้มจุ่ม หรือลิปสติกเนื้อลิควิด เป็นลิปสติกที่สาว ๆ นิยมใช้กันเป็นอย่างมากในตอนนี้ และมีหลาย ๆแบรนด์ผลิตออกมาแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง แต่ที่นิยมกันมากสุดคงหนีไม่พ้นลิปสติกจิ้มจุ่มแบบแมตต์ แต่หลายคนที่ไม่ชอบในความแมตต์มากเกินไปอาจจะทาลิปกลอสทับลงไปอีกชั้นนึง ซึ่งเจ้าตัวลิปจิ้มจุ่มยังสามารถแบ่งออกได้อีก 4 ประเภท ได้แก่
- Matte Lipstick : เป็นลิปสติกที่ไร้ความแวววาวใด ๆ เนื้อสีชัดเจน ทาแล้วจะแห้งติดทนนาน ไม่เหมาะสำหรับคนที่ริมฝีปากแห้ง ลิปสติกเนื้อแมตต์ที่ดูสวยและเหมาะสำหรับคนที่ริมฝีปากหนาคือลิปสติกเนื้อแมตต์แบบกำมะหยี่ค่ะ
- Metallic Lipstick : ลิปสติกเนื้อเมทัลลิก เป็นเนื้อลิปที่เข้มข้นมีประกาย เหมาะสำหรับคนที่ปากอวบอิ่ม หรือคนที่อยากมีริมฝีปากอวบอิ่มค่ะ
- Glossy Lipstick : ลิปกลอส เป็นลิปสติกที่มีลักษณะเนื้อเหลว โปร่งใส และมีประกายมุกเป็นบางอัน ทาเพื่อริมฝีปากชุ่มชื้น หรือทาทับลิปสติกเพื่อความแวววาว สวยงาม
- Tint Lipstick : ลิปทินต์ มีสีที่ชัดเจน นิยมทาด้านในริมฝีปากแล้วเบลนด์ให้ดูสวยงาม




3. ลิปบาล์ม (Lip Balm)

ลิปบาล์ม มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก เพราะในลิปบาล์มมีส่วนผสมของน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติ ช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้น ลิปบาล์มในท้องตลาดปัจจุบันมีหลายรูปแบบทั้งแบบหลอด แบบตลับ แบบแท่ง นอกจากนี้ยังมีทั้งแบบมีสีและไม่มีสีอีกด้วยค่ะ
เทคนิคในการทาลิปสติกให้ติดทนด้วยลิบบาล์ม
ลิปบาล์ม นอกจากทาบำรุงริมฝีปากระหว่างวันเมื่อเรารู้สึกว่าปากเราแห้งแล้ว ยังสามารถเป็นไพรเมอร์ลงริมฝีปากได้อีกด้วย โดยมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
1. ขั้นตอนแรกสุดของการแต่งหน้าให้ทาลิปบาล์มทิ้งไว้
2. เมื่อแต่งหน้าครบทุกขั้นตอนแล้ว ก่อนที่จะลงลิปสติกให้เราซับลิปบาล์มออกด้วยกระดาษทิชชู หลังจากนั้นก็ลงลิปสติกได้ปกติเลยค่ะ รับรองเลยว่าปากของสาว ๆ จะดูสุขภาพดีชุ่มชื้นถึงแม้จะทาลิปเนื้อแมตต์ก็ตาม

3 ทริคง่าย ๆ ในการเลือกซื้อลิปสติกให้คุ้ม
1. เลือกซื้อลิปสติก เฉดสีที่สามารถทาได้ทุกวัน อย่างเช่น สีส้มอมชมพู หรือสีโทนส้ม ซึ่งเป็นสีที่สามารถทาได้ทุกวัน ทุกโอกาสสำคัญ
2. เลือกซื้อลิปสติกสีที่ชอบ แต่ให้คิดไว้เสมอว่าเรามีแค่ปากเดียว สีที่ชอบไม่จำเป็นเสมอว่าจะต้องมีทุกรุ่นทุกแบรนด์ สาว ๆ ต้องฝึกยับยั้งชั่งใจไว้จะเกิดผลดีนะคะ
3. เลือกซื้อลิปสติกใช้เทคนิคการผสมสี สีของลิปสติกที่เราซื้อมาใช้สามารถผสมสีให้เปิดเป็นสีใหม่ที่เราชอบได้ โดยมีเพียงพู่กันทาลิปสติก แต้มที่ลิปสติกของคุณและมาผสมกันที่หลังมือ จากนั้นก็ทาที่ริมฝีปาก เพียงแค่นี้สาว ๆ ก็ได้ลิปสติกสีใหม่โดยที่ไม่ต้องซื้อใหม่แล้วค่ะ


วิธีการเลือกลิปสติกให้เข้ากับสีผิว

1. ผิวขาว
สาวผิวขาวทาลิปสติกสีไหนก็ดูโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นคนผิวขาวอมชมพู หรือผิวขาวเหลือง เพียงแค่เลือกลิปสติกที่ตัวเองชอบหรือเหมาะกับตัวเอง แต่สาว ๆ ควรระวังอย่าเลือกสีที่ดูอ่อนจนเกินไป อย่างเช่น สีครีม หรือชมพูที่อ่อนมาก ๆ เพราะจะทำให้ใบหน้าของสาว ๆ ดูซีดลงได้ค่ะ
2. ผิวสองสี
สาวผิวสองสีหรือสาวผิวแทนมีสีผิวที่ดูสวยดึงดูดอยู่แล้ว เพิ่มเสน่ห์ไปด้วยการทาริมฝีปากให้ดูโดดเด่นขับผิวขึ้นมา เช่น สีแดงเลือดนก หรือจะทาลิปสติกที่ผสมชิมเมอร์ให้ริมฝีปากดูแวววาวน่ามอง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ดูเก๋มีระดับ
3. ผิวเข้ม
สำหรับสาวผิวเข้ม เลือกสีของลิปสติกที่มีส่วนผสมของสีน้ำตาลหรือเป็นสีที่ไม่เข้มมากจนเกินไป เพราะเมื่อทาไปที่ริมฝีปากแล้วจะทำให้ใบหน้าของเราดูหมองคล้ำลงไปอีก สีที่เหมาะคือ สีส้มอิฐ สีชมพูนู้ด หรือสีชมพูออกม่วง ทาให้ดูสวยแซ่บไปเลยค่ะ
Top 10 ลิปสติกในตำนานที่สาว ๆ ใช้แล้วปลื้ม

1. MAC Matt Lipstick
ลิปสติกที่หลายคนต้องมีและอยากซื้อมาเก็บสะสมไว้ ส่วนสีที่ขายดีที่สุดเป็นสีที่ไม่ว่าสีผิวแบบไหนทาแล้วต้องรอด คือ Kinda Sexy เนื้อของตัวลิปสติกจะเป็นเนื้อครีมแมตต์ แต่พอทาแล้วริมฝีปากจะดูไม่แห้งเกินไป สาว ๆ นักสะสมลิปสติกมือใหม่ควรหาแก่การหามาครอบครองค่ะ
ราคา : 850 บาท

2. Yves Saint Laurent Vinyl Cream
ถ้าพูดถึงลิปสติกที่มีความแวววาว ทาแบบปกติสีก็สวย หรือจะทาทับกับลิปติกชนิดอื่นก็ดูโดดเด่นไปอีกแบบ ด้วยความบางเบาแต่ให้เม็ดสีที่แน่นชัด เป็นกลอสที่ให้สีชัดเจน ทาแล้วไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะริมฝีปาก มีทั้งหมด 16 เฉดสี สีที่ขายดีและสวยที่สุดคือสี 401 Nude Pulse
ราคา : 1,450 บาท

3. Chanel Rouge Allure Intensive Long-Wear Lip Color
ด้วยสีที่มีเนื้อสัมผัสแน่น สามารถใช้ทาเรียวปากได้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังดูหรูหรา มีไว้ในครอบครองคือดีงามสุด ๆ สีที่ขายดีและนิยมตลอดกาลคือสีแดงสด 99 Pirate
ราคา : 1,200 บาท

4. Dior Rouge Baume Nature Lip
นอกจากดีไซน์ที่ดูหรูหราในแบบของ Dior แล้ว ตัวเนื้อลิปสติกยังเป็นทรีตเมนต์ให้กับริมฝีปากอีกด้วย เหมาะมากสำหรับคนปากแห้ง เพราะลิปสติกนี้ทาแล้วทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นสุด ๆ สีที่ขายดีและเป็นสีที่สาวก Dior ต้องซื้อมาครอบครองคือสี 640 MILLY
ราคา : 1,300 บาท

5. Tom Ford Matte Lip Color
เนื้อจะมีความแมตต์ นุ่ม ชุ่มฉ่ำ เนื้อจะแวววาวนิด ๆ ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้เวลาทาไปบนปากนั้นรู้สึกลื่นมาก ไม่มีดึงหรือลาก สีทาไปเรียบเนียนสวย ไม่มีตกตามร่อง ทาแล้วริมฝีปากดูอิ่มขึ้น สีที่สาว ๆ หลายคนชอบคือ Pussycat สีจะออกชมพูพีช ไม่ว่าสาว ๆ จะสีผิวแบบไหนรับรองปัง
ราคา : 1,615 บาท

6. Lancôme L’Absolu Rouge
เมื่อทาแล้ว ผิวสัมผัสที่ริมฝีปากดูเรียบเนียน ดูสุขภาพดี ทาแล้วไม่เป็นขุย แต่จะมีความชุ่นชื่นอยู่ เหมาะอย่างมากสำหรับสาว ๆ ที่ปากแห้งเพราะไม่ต้องทาลิปบำรุง ลิปสติกตัวนี้ทาแล้วเอาอยู่ค่ะ เนื้อจะมีความประกายมุก สีที่สามารถทาได้ทุกโอกาสและควรหามาไว้ในกรุ คือสี 210 สี BRUN DIVIN
ราคา : 1,400 บาท

7. Bobbi Brown Rich Lip Color
ตัวแพ็คเกจที่ดูเรียบหรูน่าใช้เป็นที่สุด สี Bikini Pink เป็นสีที่สาว ๆ หลายคนปลื้มและใช้ยันหมดแท่ง ซื้อแล้วซื้ออีก เพราะสามารถทาเป็นประจำได้ทุกวัน และทุกโอกาสสำคัญ ๆ เนื้อสีสวย ทาแล้วปากไม่ให้ สีจะออกชมพูโทนสว่างค่ะ
ราคา : 1,150 บาท

8. Beauty Cottage
เมื่อพูดถึงลิปในตำนานที่คุณภาพดีและราคาประหยัด ต้องตัวนี้เลย สีที่ขายดีและผู้คนแห่ซื้อกันมากที่สุดคือสี 07 Romanesque และ 09 Byzantine ทั้งสองสีนี้จะออกชมพูอมส้มสามารถทาได้ทุกวัน จะทาเต็มปากก็สวยหรือจะทาไล่ระดับความเข้มก็ดูเก๋ไปอีกแบบ
ราคา : 328 บาท

9. Revlon Super Lustrous Lipstick
หนึ่งในลิปสติกตำนาน ที่คุณภาพดีในราคาประหยัดอีกตัว และเป็นลิปสติกที่สาว ๆ หลายคนเคยใช้และชอบ ทั้งเนื้อที่เนียน สีที่แน่น เนื้อลิปชุ่มชื้น สาวปากลอกปากแห้งหายห่วงเลยค่ะ และสีที่ขายดีที่สุดคือ 628 Peach Me และ 359 Naturally Nude
ราคา : 175 บาท

10. Nars Velvet Matte Pencil
มาถึงคิวของดินสอเขียนขอบปาก และสามารถมาเติมเต็มริมฝีปากให้ดูเต็มได้ เนื้อสัมผัสของตัวนี้ดูบางเบาทาแล้วเนียนไปกับริมฝีปาก กลายเป็นประหนึ่งผิวของเราแบบนั้นเลยทีเดียว ซึ่งถ้าอยากให้สีดูสดชัดและสวยขึ้นอาจจะต้องทาทับหลายรอบเพื่อสีที่ชัดเจน สีที่สาวผิวแทนชอบและปลื้มที่สุดคือสี Do Me Baby จะออกน้ำตาลนู้ดค่ะ
ราคา : 1,050 บาท
Source : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16