เก็บเงินเท่านี้ ซื้อเครื่องสำอางอะไรได้บ้างใน 1 เดือน!!

ถ้าพูดถึงเอสเซนส์ที่คุ้มค่าคุ้มราคา จะต้องมี Za ตัวนี้อย่างแน่นอน ด้วยความที่เป็น 3 in 1 คือเป็นทั้งโลชั่น เอสเซนส์ อีมัลชั่น จึงสามารถใช้ตัวเดียวได้คุ้มเลย ยิ่งคนที่มีรอยดำ ฝ้า กระ และรอยสิว ตัวนี้เขาผสมไวเทนนิ่ง 4MSK มาช่วยยับยั้งการเกิดเม็ดสีเมลานินจากภายใน และส่วนผสม SPA ingredients จากอิตาลี ช่วยเพิ่มและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวยาวนาน ทำให้ได้ผิวขาว ชุ่มชื้นดูสุขภาพดี

ราคา : 315 บาท (150 ml)

ไม่มีติดไว้ไม่ได้เลยนะ เพราะอโลเวร่าถือเป็นอินเกรเดียนสำคัญสำหรับผิวตัวนึงเลย ช่วงไหนที่โดนแดดเยอะ ๆ ไปเที่ยวทะเลมาจนผิวเบิร์น แสบ แดง หรือเลเซอร์หนัก ๆ ทาตัวนี้จะช่วยปลอบประโลมผิว ลดอาการอักเสบ ระคายเคืองได้ หรือจะใช้เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ก็ได้เหมือนกัน ไม่ติดอะไร ใช้ตอนกลางวันก็ได้เพราะเนื้อเป็นเจลบางเบา ไม่มัน ไม่เหนอะหนะ เพียงแต่อย่าลืมทาครีมกันแดดทับด้วยก็พอค่ะ

ราคา : 280 บาท (300 ml)

ตัวนี้ถือเป็นครีมผิวขาวที่โด่งดังเลยทีเดียว แถมราคาจับต้องได้ เก็บแค่วันละ 10  บาท เดือนนึงก็ได้มาครองแล้ว ยิ่งใครผิวหมองง่าย มีรอยดำ รอยสิว ตัวนี้เขาบอกเลยว่ามีสารสกัดบริสุทธิ์จากมะนาว ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น 3 ระดับ ใน 10 วัน แถมมีสารกันแดดมาปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วย ไม่น่าล่ะ ถึงเป็นครีมปรับผิวขาวยอดฮิตตลอดกาล

ราคา : 239 บาท (50 ml)

อายแชโดว์พาเลตต์ของ NYX นี้ ถือเป็น 6 สีที่ทุกคนแย่งชิง แถมเป็นที่ฮือฮามากว่าแต่งได้ลุคสาย ฝ.มาก เม็ดสีชัดมาก โดย 6 สีก็ได้แก่ สีน้ำตาลกลาง สีน้ำตาลเข้ม สีนู้ด สีม่วงเทา สีครีม และก็สีน้ำตาลดำ บอกเลยว่าแต่งลุคสาย ฝ.ออกมาได้เริ่ดสุด หรือใครจะเอามาแต่งแต้มสีสันให้เปลือกตาในวันธรรมดาก็ชิคไม่แพ้กันค่ะ

ราคา : 355 บาท (1.37 g)

คอนซีลเลอร์ถือเป็นไอเท็มกันตายอย่างนึงเลย ยิ่งวันไหนอดหลับอดนอนเพราะต้องทำงานดึก ดูซีรีส์ข้ามคืน ร้องไห้หนักมาก จนตาคล้ำเนี่ย ต้องลอง Revlon ตัวนี้ จะผิวมัน ผิวแห้งลอกเป็นขุยก็ใช้ได้หมด เพราะเนื้อตัวนี้เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ แถมเป็นโทนเหลืองเข้ากับสีผิวของสาวไทย แถมหาซื้อง่าย กระโจนเข้า Boots, Watsons ก็ได้ไอเท็มช่วยชีวิตมาแล้ว

ราคา : 326 บาท (6.2 ml)

ใครปากคล้ำ หรือซีดง่าย ดูป่วยตลอดเวลา ต้องมาเติมความน่ารักสดใสจากทินต์ของ Etude กันหน่อย เขามีมาให้เลือกถึง 14 เฉดสี ซื้อมาทาสลับเปลี่ยนลุคได้ง่าย ๆ เลย วันไหนอยากเป็นสาวสดใสก็ทาสีส้ม วันไหนอยากหวาน ๆ ก็ทาสีชมพูอ่อน หรือจะสีโทนแดงก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน ราคาไม่แรงด้วย แถมใช้แต้มสีสันให้เปลือกตาและพวงแก้มได้ด้วย คุ้มสุด ๆ ไปเลย

ราคา : 240 บาท (4.5 ml)

เซรั่มวิตามินซีสัญชาติเกาหลีอย่าง It's Skin ก็มีความดี คุ้มค่ากับราคาเลย เขามีส่วนผสมหลักเป็นวิตามินซีและสารสกัดจากชาเขียวที่มาช่วยเพิ่มความเฟรชให้ผิวหน้า พร้อม ๆ กับปรับผิวให้ขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างอ่อนโยน ไม่มีสารที่ระคายเคืองต่อผิว คนที่แพ้วิตามินซีสามารถใช้ตัวนี้ได้ค่ะ

ราคา : 690 บาท (30 ml)

ถ้าพูดถึงครีมเติมน้ำให้ผิว ไม่มีตัวนี้ถือว่าผิด ด้วยเนื้อเจลสีฟ้าอ่อน ซึมผิวไว บวกกับเทคโนโลยี Moisture Sensor Complex ที่ช่วยตรวจจับและเติมน้ำให้ผิว แถมล็อกความชุ่มชื่นให้ผิวไว้ได้ยาวนานถึง 48 ชั่วโมง ความโดดเด่นของตัวนี้ยังมีส่วนผสมที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของปราการปกป้องผิวด้วยนะ คนที่ผิวอ่อนแอ ลอกง่ายควรลองเลย

ราคา : 499 บาท (50 g)

ถ้าพูดถึงน้ำตบที่ราคาไม่แรงแต่ประสิทธิภาพมาแน่น มาเต็ม เทียบชั้นรุ่นพี่น้ำตบดัง ๆ ได้ ต้องนึกถึงตัวนี้เลยค่ะ ด้วยความที่มีส่วนผสมสำคัญอย่างพิเทร่า™ ใส่มาถึง 96.5% อีกทั้งยังมีส่วนผสมอื่น ๆ จากธรรมชาติ ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำ ให้กระจ่างใส ดูเรียบเนียน กระชับรูขุมขน เก็บเงินซื้อตัวนี้ถือว่าคุ้มทีเดียวค่ะ

ราคา : 599 บาท (120 ml)

มาต่อกันที่คุชชั่นใช้ดี ราคาเริ่ดของ The Face Shop กันบ้าง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ "คุชชั่นแต้ว" แค่เห็นตลับหรูหราก็น่าใช้มากแล้ว แต่ยังไม่พอ In White Compact ก็มีมาให้เลือกถึง 3 สูตร นั่นก็คือ สูตร Oil Control Water ควบคุมความมันส่วนเกิน สูตรนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก การันตีด้วยยอดขาย 5,000 ตลับใน 2 อาทิตย์, สูตร CC Intense Cover ปกปิดรอยดำ รอยแดง และสูตร CC Ultra Moist บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ทั้ง 3 สูตร ก็มีให้เลือกด้วยกัน 6 เฉดสีด้วยนะ ไปลองกันได้ที่เคาน์เตอร์เลย

ราคา : 649 บาท (15 g)

รองพื้นมงลงทั้งปกปิด ทั้งคุมมันยาวนาน 24 ชม. ต้องรองพื้นฝาแดงตัวนี้ ถึงจะติดแน่นแต่ก็สบายผิว เสมือนผิวได้หายใจด้วย Oxygen Technology และความเป็นเนื้อเจล พร้อมส่วนผสมของวิตามิน E ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น เรียบเนียน ไม่เป็นคราบ ใครที่ต้องออกงาน รับปริญญา แต่งงาน ที่ต้องการความแน่นติดทนทั้งวัน รองพื้นตัวนี้เอาอยู่เลยค่ะ

ราคา : 499 บาท (30 ml)

ช่วงไหนรู้สึกปากแห้ง ลอกง่าย ใช้ลิปมันธรรมดาแล้วเอาไม่อยู่ ให้ทาตัวนี้ทิ้งไว้ข้ามคืนเลย ตัวลิปมาสก์จะเข้าไปช่วยบำรุงด้วยเทคโนโลยี The berry mix Complex™ ส่วนผสมของเบอร์รี่นานาชนิด ได้แก่ ราสเบอร์รี่ สตรอเบอรี่ แครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และโกจิ ที่อัดแน่นไปด้วยวิตามินซี ช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ พร้อมบำรุงให้ริมฝีปากเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น แลดูอวบอิ่มสุขภาพดี แถมกลิ่นหอมน่าใช้มาก รับรองว่าตื่นมาปากนุ่ม สีชมพู น่าจุ๊บในชั่วข้ามคืนแน่นอน

ราคา : 700 บาท (20 g)

ถ้าพูดเรื่องให้ความชุ่มชื้น จะขาดเซรั่มจาก innisfree ไปไม่ได้เลย เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าตัวนี้เขามีส่วนผสมจากสารสกัด Beauty Green Tea ที่เข้มข้นขึ้นถึง 3.5 เท่า มาพร้อมกับกรดอะมิโนถึง 16 ชนิด ที่มาช่วยเติมน้ำให้ผิวและช่วยสร้างเกราะป้องกันเคลือบผิวให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้อย่างยาวนานขึ้นค่ะ แถมตัว Green Tea และกรดอะมิโน ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดริ้วรอยแรกเริ่มได้ดีด้วยนะ 

ราคา : 1,000 บาท (80 ml)

คนผิวแห้ง ผิวอ่อนแอ ผิวโดนทำร้ายหนัก ๆ ต้องเซรั่มตัวนี้เลย ยิ่งถ้าผิวแห้ง หรือเป็นสิวบ่อย ควรไปลอง เขาเคลมมาเลยนะว่าเห็นผลจริงใน 14 วัน แถมมีวิตามินรวมใส่มาแน่น ๆ ทั้ง B1, B3, B5, B6, B12, A, C, E และ Q10 มีสารสกัดจากเห็ด Fomes Officinalis มากระชับรูขุมขน และสุดท้ายมี Unitrienol T-27 มาช่วยควบคุมความมัน ลดสิว และจะบอกว่าสารสกัดเขาสกัดด้วยนวัตกรรมการสกัดเย็น ไม่ผ่านความร้อน เลยไม่ทำลายคุณประโยชน์ของสารสำคัญในเซรั่ม ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เข้มข้นมากถึง 5 เท่าไปเลยละ

ราคา : 1,235 บาท (35 ml)

ไม่รู้จักนี่ผิดเลยนะ กับพรีเซรั่ม Sulwhasoo ซึ่งความโดดเด่นอยู่ตรงที่เขามี JAUM Balancing Complex™ ซึ่งก็คือการรวมเอา 5 ส่วนผสมจากพืชสมุนไพรชั้นเลิศ อันได้แก่ รากโกฐขี้แมว, รากดอกโบตั๋นจีน, เมล็ดบัวหลวงอินเดีย, ดอกลิลลี่ขาว และโซโลมอนส์ ซีล มาช่วยในเรื่องปัญหาผิวแห้งกร้าน ริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ผิวหมองคล้ำ ขาดความกระชับ ให้เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา ดูสมบูรณ์แบบตามฉบับของสาวเกาหลี

ราคา : 1,090 บาท (30 ml)

ลิปจิ้มจุ่มเนื้อกำมะหยี่ที่ปาดไปไม่มีแห้ง ไม่มีตกร่องของ Giorgio Armani ก็คุ้มค่ากับการเก็บหอมรอมริบของเราในครั้งนี้เช่นกัน เพราะเนื้อสัมผัสนุ่มแบบกำมะหยี่นี่แหละ ทำให้แตกต่างจากลิปจิ้มจุ่มทั่วไปที่ทาไปนาน ๆ แล้วปากแห้งลอก แต่นี่ไม่มีลอกเลย แถมติดทนด้วย อีกอย่างที่เห็นแล้วตกหลุมรักก็คือ Packaging สีแดงแรงฤทธิ์ของเขานั่นเอง ตัวนี้มีให้เลือก 12 เฉดสี สวยสดทุกเฉดสีค่า

ราคา : 1,305 บาท (6.5 ml)

ไฮไลต์เนื้อฝุ่นประกายมุกของ Laura Mercier ก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ช่วยอัพลุคให้ดูสวยแพง ระยิบระยับขึ้น แถมยังช่วยปรับผิวให้เป็นประกายสดใส ดูสว่างและมีมิติมากขึ้น ใครที่อยากหน้าเรียวลองปัดตัวนี้ลงบนหน้าผาก สันจมูก โหนกแก้ม และคางดู จะได้ลุคผิวโกลว์ดูสุขภาพดี แบบอินเตอร์หน่อย ๆ ด้วย

ราคา : 1,350 บาท (1.8 g)

นาทีนี้ไม่รู้จักคือเอาต์มาก ไปอยู่ที่ไหนมา เพราะไพรเมอร์ตัวนี้เป็นของแบรนด์แม่รีฮานน่านี่เอง ความเริ่ดก็คือ ช่วยอำพรางรูขุมขนกว้าง เพื่อผิวหน้าที่ดูเนียนสวยอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนเป็นการรีทัชผิวให้สวยเป๊ะก่อนลงรองพื้น แถมเนื้อสัมผัสตัวนี้ยังบางเบาสบายผิวไม่อุดตันรูขุมขนและไม่ทำให้เกิดคราบขาวด้วย จะเฉดสีผิวไหนก็ใช้ได้ค่ะ

ราคา : 1,280 บาท (32 ml) 

แน่นอนว่าไม่พูดถึงตัวนี้ไม่ได้ เพราะเป็นเซรั่มผสมสดที่คงคุณค่าของสารสกัดไว้ได้อย่างดี เวลากดใช้จะผสมรวมตัวน้ำกับน้ำมันออกมาให้ ซึ่งตัวนี้เลียนแบบโครงสร้างตามธรรมชาติของผิวเลยนะ ทำให้เวลาทา เซรั่มจะซึมลงผิวได้ลึกขึ้น แถมเขายังมีคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติกว่า 21 ชนิด มาช่วยลดเลือนริ้วรอย รูขุมขนกระชับ ผิวเนียนละเอียด กระจ่างใสขึ้นในตัวเดียวเลย ไม่น่าล่ะ ใครลองใช้ก็ติดใจ 

ราคา : 3,920 บาท (50 ml)

ชื่อเสียงเขาโด่งดังเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วสำหรับ Estēe Lauder  เซรั่มทากลางคืนตัวนี้ เขาได้รับการวิจัยมาแล้วด้วยนะว่าเหมาะกับผิวทุกเชื้อชาติ แถมมีเทคโนโลยี ChronoluxCB Technology ที่มาช่วยฟื้นฟูผิวในช่วงกลางคืน มีสารสกัด Caffeine, Lecithin, Tripeptide-32 และสารสกัดจากเมล็ด Kola มาฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก ลดเลือนริ้วรอยกันแบบเน้น ๆ เรียกได้ว่าตื่นมาผิวก็สวยเด้ง อิ่มน้ำ เส้นริ้วร่องลึกต่าง ๆ ก็ถูกเติมเต็ม ฟื้นฟูกันยกใหญ่เลยล่ะค่ะ 

ราคา : 2,250 บาท (30 ml)

ถ้าเก็บเงินวันละ 100 บาท แล้วได้ลิปแมตต์สีสวย ใช้ดีแบบนี้ ใครบ้างล่ะจะไม่ยอมเก็บ ตัวนี้เป็นลิปแล็กเกอร์สีหรูหรา เม็ดสีแน่น ให้สัมผัสนุ่มนวลแต่ติดทน ทั้งยังมีส่วนผสมบำรุงผิวที่ใส่มาให้ผิวริมฝีปากนุ่มนวล ดูอิ่มเอิบ เรียบเนียน ทาไปไม่ตกร่องและให้เห็นสีที่ชัดโดดเด่นขึ้นนั่นเอง แถมเขามีมาให้เลือกกันถึง 10 เฉดสีกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะแต่งลุคไหน มีครบทุกลุคแน่นอน

ราคา : 2,100 บาท (6 ml)

ตัวนี้เป็น Finishing Powder ที่ช่วยลดรอยแดง อำพรางรูขุมขน และพวกริ้วรอยต่าง ๆ รวมไปถึงปรับสีผิวที่ไม่เสมอ ไม่เรียบเนียน หมองคล้ำให้กระจ่างใส เปล่งประกายดูมีมิติ แถมเนื้อแป้งยังเนียนละเอียดและอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน แป้ง น้ำหอม และกลูเตน ซึ่งเป็นสารระคายเคืองเลย ตัวนี้มีทั้งหมด 6 เฉดสี จะบอกว่าจะเฉดสีไหนก็เข้าได้กับทุกสีผิวเลยค่ะ

ราคา : 2,000 บาท (10 g)

ไม่น่าจะมีใครไม่อยากเก็บเงินซื้อตัวนี้ เพราะตัวนี้เป็นบลัชออนสี Orgasm นั่นก็คือสีพีชผสมประกายชิมเมอร์สีทอง ปัดไปบนผิวสีไหนก็สวยเด่น เข้าได้กับทุกเฉดสีผิว แถมพิกเมนต์แน่น ให้ลุคผิวโกลว์เปล่งปลั่งสุด ๆ ไม่แปลกใจที่บลัชออนเนื้อชิมเมอร์ตัวนี้จะเป็นไอเท็มที่นิยมตลอดกาลของ NARS แถมตอนนี้เขาปรับ Packaging ใหม่ให้เป็นสีชมพู หรูหรา น่าใช้ น่าสะสมมากขึ้น แถมดูยังไงก็เข้ากันกับเมคอัพสุด ๆ งานนี้แค่ซื้อไปตั้งไว้หน้ากระจกที่บ้านก็มีความสุขแล้ว  

ราคา : 1,650 บาท (7.6 g)

มาต่อกันที่รองพื้นงานผิวอย่าง Bobbi Brown ที่นุ่มนวลบางเบากันหน่อยดีกว่า ตัวนี้ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อเบาดุจใยไหม แถมยังไม่ได้เป็นแค่รองพื้นแต่ยังทำหน้าที่เป็นเซรั่มฟื้นฟูผิวให้กลับมาเอิบอิ่ม ดูเยาว์วัย ชุ่มชื้น กระจ่างใสด้วย สารสกัดจากเห็ดถังเช่า สกัดจากใบย่านาง สารสกัดจากล้ินจี่ แถมใส่สารกันแดดมาปกป้องผิวให้ด้วย  ครบกว่านี้ได้อีกหรอ ใครที่สงสัยว่าสีผิวแบบเราใช้ได้ไหม ตอบให้เลยว่าใช้ได้ เพราะเขามีให้เลือก 12 เฉดสีเลยนะ ครบทุกเฉดสีผิวแน่นอน

ราคา : 2,295 บาท (30 ml)

เรียกได้ว่าเป็นครีมลดริ้วรอยราคาแพงที่สุดของชาแนลเลยก็ว่าได้ ซึ่งตัวนี้เขาได้คัดสรรเหล่าพืชพรรณที่มีคุณภาพใส่มาให้ เช่น วานิลลา จากส่วนที่ไกลที่สุดบนเกาะมาดากัสกา และยังต้องใช้ Canine Planifolia ถึง 231.5 ปอนด์ในการผลิต Planifolia PFA ขนาด 35.2 ออนซ์ มาช่วยให้ผิวหน้ากระชับ เติมน้ำให้ผิวและที่สำคัญที่สุด คือช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ผิวกระชับเต่งตึงค่ะ ไม่ธรรมดาขนาดนี้ จะไม่ให้อยากลงทุนเก็บเงินซื้อได้ไงไหว

ราคา : 12,128 บาท (50 ml)

ครีมที่ถือเป็นตำนานโด่งดังที่สุดของ La Mer ตัวนี้ และถือเป็น Favourite จาก บิวตี้อินฟลูเอ็นเซอร์ทั่วโลก ด้วยความที่เขาโดดเด่นมากในเรื่องการฟื้นบำรุงผิวจากธรรมชาติอย่าง Miracle Broth ที่ช่วยให้เส้นริ้วรอยต่าง ๆ ลดเลือนลง ผิวกระชับ รูขุมขนดูเล็กลง เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูสดใสและดูอ่อนเยาว์ แถมยังอ่อนโยนมาก ใช้ได้ทั้งใบหน้าแม้กระทั่งจุดที่บอบบางอย่างรอบดวงตา เรียกได้ว่ามีกระปุกนี้ไว้ อุ่นใจแน่นอนค่ะ

ราคา : 13,500 บาท (60 ml)

นอกจากจะมีส่วนผสมของเรตินอยด์ (Vitamin A) เป็นปริมาณมากแล้ว Sisley ยังประกอบด้วยสารสกัดจากพืชที่อุดมไปด้วยกรดยูโซลิค มีคุณสมบัติในการต่อต้านเซลล์มะเร็ง พบได้ในผลไม้ อย่างพวก แอปเปิลและแครนเบอร์รี ทางแบรนด์แนะนำครีมลดริ้วรอยนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุเกินกว่า 30 ปีที่ต้องการการป้องกันอนุมูลอิสระโดยเฉพาะ ยิ่งไปกว่านั้นความพิเศษของตัวนี้คือยังช่วยบรรเทาความเครียดของผิวได้อีกด้วย 

ราคา : 14,873 บาท (50 ml)

น้ำตบคุณภาพใช้ดีอีกตัว แบบที่ไม่แนะนำไม่ได้ เขามีพิเทร่า™ เข้มข้นมาเน้น ๆ ถึง 90% ตัวพิเทร่าเนี่ยเขาอุดมไปด้วยส่วนคุณค่าจากวิตามิน กรดอะมิโน แร่ธาตุ กรดอินทรีย์ ช่วยปรับสภาพให้ผิวทำงานได้ดี ชุ่มชื้น ยืดหยุ่น แถมรูขุมขนก็กระชับขึ้น ผิวดูสุขภาพดี มีออร่าแถมสูตรนี้เขามีมานานถึง 35 ปีแล้ว ที่ยังคงสูตรเดิมนี้ไว้ เพราะว่าเป็นสูตรที่ดีมาก ใช้ได้ดีตลอดกาลเลย  

ราคา : 10,400 บาท (330 ml)

ระดับนี้แล้วก็ต้องใช้รองพื้นหรูกันหน่อย ตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่อยากจะเก็บเงินเพื่อสานฝันไปถึง ด้วยความที่ตัวนี้มีเนื้อบางเบามาก เนื้อนุ่ม น้ำหนักเบา ช่วยปกปิดร่องรอยบนผิวหน้าได้เรียบเนียน แถมภายในเนื้อครีมยังมีส่วนประกอบของ Illuminating Complex EX ส่วนประกอบพิเศษที่คิดค้นโดยห้องแล็บ CLÉ DE PEAU BEAUTÉ โดยเฉพาะ มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวชุ่มชื่นสดใส คืนรูปและฟื้นฟูสภาพผิวที่ถูกทำลายโดยสิ่งแวดล้อม ทำให้ผิวเรียบเนียน เปล่งประกายแบบพรีเมียมสุด ๆ ไปเลย

ราคา : 11,000 บาท (27 ml)

อันนี้ไม่เก็บเงินซื้อไม่ได้แล้วป่ะ เพราะเป็นเซตแต่งหน้าสุดหรูจาก Urban Decay รุ่นลิมิเต็ด ที่รวมเอาไว้ตั้งแต่ Naked, Naked 2 และ Naked 3 แถมแต่ละพาเลตต์ยังจับคู่กับ Vice Lipstick สามเฉดสีที่สวยลงตัว เลือกมาให้แล้วว่าเข้ากันสุด ๆ มาในกล่องหรูหราน่าสะสม พร้อมปลอกชั้นนอกที่ฉลุลายด้วยเลเซอร์อย่างประณีต ใครที่รักการแต่งหน้าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงจ้า

ราคา : 10,895 บาท

ถ้าพูดเรื่องความพรีเมียมต้องยกให้ Guerlain ตัวนี้เลย เพราะเขาเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีสารสกัดจากอิมพีเรียล ออคิด ซึ่งเป็นโมเลกุลของดอกกล้วยไม้ มีคุณสมบัติช่วยดูแลรักษาผิว ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง คืนความกระชับ ลดริ้วรอย และปรับสภาพผิวให้ดูเนียนใสขึ้น แถมตัวนี้ทางแบรนด์ยังบอกอีกค่ะว่า สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังใช้ไป 1 เดือนด้วย

ราคา : 16,900 บาท (50 ml)

ความพิเศษของตัวนี้คือมีเส้นไหมโคอิชิมารุ ซึ่งเมื่อก่อนใช้ในการดูแลผิวพรรณเฉพาะราชวงศ์ญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งสารสกัดจากเส้นไหมนี้จะช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์กรดไฮยาลูรอนิคพร้อมกับสารกระตุ้นอื่น ๆ ในครีม เช่น สารสกัดจากสาหร่ายทะเลญี่ปุ่น เบต้าแคโรทีนและอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยต่อต้านริ้วรอย ผิวผ่อนคลาย ดูกระชับ 

ราคา : 26,286 บาท (50 ml)

ความดีความชอบของครีมลดริ้วรอยตัวนี้ คือ เขาโดดเด่นด้วยการใช้น้ำมันหอมระเหยที่สกัดมาจากชาเขียว ผสมผสานกับ 100 พฤกษศาสตร์ที่หายากที่สุดในโลก! ผสมลงในเนื้อครีมอย่างเข้มข้น แถมช่วยต่อต้านริ้วรอยกันถึงดีเอ็นเอ คือช่วยปกป้องยีนส์ไม่ให้เกิดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ แถมแบรนด์นี้ก็เป็นอีกแบรนด์ที่น่าสนใจเพราะเข้าใจธรรมชาติผิวของสาวเอเชียได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ

ราคา : 21,526 บาท (50 ml)

ถ้าจะให้นิยามตัวนี้คงบอกได้คำเดียวว่า ผิวแพงได้อีก เพราะตัวนี้เขามีส่วมผสมจากทองคำแท้ 24 กะรัต มาช่วยดูแลผิวพรรณ ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระชับผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นและเร่งผิวใหม่ มีส่วนผสมของ Fresh Royal Jelly หรือนมผึ่งเข้มข้น ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ วิตามินและกรดอะมิโน มาช่วยต่อต้านริ้วรอย และปกป้องผิวจากความเครียด

ราคา : 20,964 บาท (50 ml)

ครีมลดริ้วรอยหน้าเด็กพรีเมียมอีกตัว ที่มีความหรูหราของส่วนผสมเพราะใช้ทองคำขาว โลหะธาตุที่หายากที่สุดในโลกมาเป็นหนึ่งในส่วนผสม ซึ่งเจ้าตัวทองคำขาวนี้มีคุณสมบัติในการลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ รวมถึงเติมความชุ่มชื่นเป็นเลิศ จึงทำให้ผิวนวลเนียน กระจ่างใส เปล่งปลั่ง แบบสวยหรูดูแพงไปเลยจ้า

ราคา : 42,000 บาท (50 ml)

มาถึงเซตเครื่องสำอางคอลเลกชั่นพิเศษที่ทำออกมาโดยได้แรงบันดาลใจมาจากรูปภาพของช่างภาพชื่อดัง Norman Parkinson ในยุค 80s ซึ่งรูปต่าง ๆ ก็จะฉายโดดเด่นในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในคอลเลกชั่นนี้ด้วย ซึ่งของในเซตนี้ก็จะมีตลับครีมบรอนเซอร์และครีมไฮไลต์มาในตลับเดียวกัน ซึ่งแปลกมาแทบไม่เคยมีใครทำออกมาในแบบครีม นอกจากนี้ยังมีลิปสติก ไฮไลต์ และบลัชออนค่ะ พูดเลยว่ากิ๊บเก๋สุด ๆ 

ราคา : 16,900 บาท