เมื่อ Beer Blogger คุณคิว-ณัทธร วงศ์ภูมิ คนดังในวงการน้ำสีอัมพันหันมาเปิดแท็บอิมพอร์ตคราฟต์เบียร์ร่วมกับเพื่อนสายมาร์เกตติง คุณแบงค์-รัชต์พล อึ้งสกุล ในยุคที่การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องต้องห้าม พวกเขามีกลยุทธ์อะไรในการเพิ่มยอดขาย และคุยกับผู้บริโภคอย่างไรถึงประสบความสำเร็จในการเปิดสาขาที่ 2 และสาขาที่ 3 ใจกลางเมือง!


เริ่มมาจากความรัก ต่อยอดเป็นธุรกิจ
ด้วยความรักในการดื่มด่ำรสชาติของคราฟต์เบียร์ ทั้งอยากให้เพื่อนร่วมวงสนทนาอย่างถึงรสถึงชาติบวกกับความรู้ และคอนเนคชั่นสาย Beer Blogger คุณคิวจึงตัดสินใจเปิดร้าน Taproom เพื่อแบ่งปัน และสร้างประสบการณ์ Experience Craft Beer ซึ่งพระเอกของร้านก็คือ ซีเลคชั่นแท็บคราฟต์เบียร์จากทั่วโลกจำนวน 26 แท็บ เพื่อให้ทุกคนที่ทั้งเป็นนักดื่มจริงจัง นักหัดดื่มหรือนักอยากลองได้มาเปิดโลกใหม่ของคราฟต์เบียร์ที่คัดสรรมาอย่างดี

และเพื่อให้แก๊งเพื่อนได้เข้าถึงรสชาติของเครื่องดื่มคราฟต์ได้อย่างไม่เคอะเขิน คุณคิวจึงเลือกเครื่องดื่มแต่ละชนิดด้วยตัวเอง โดยเริ่มต้นตั้งแต่เบียร์ที่มีดื่มง่าย ไม่เข้ม ขมหรือเปรี้ยวจนเกินไปแม้ในจิบแรก มาถึงรสชาติระดับปานกลางไปจนถึงระดับเซียน แต่ละชนิดมีกลิ่มหอมของวัตถุดิบเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร และที่สำคัญคราฟต์เบียร์ทั้ง 26 แท็บของที่ร้านนั้นเปลี่ยนทุกวัน! มาดื่มวันนี้ พรุ่งนี้จะได้ลิ้มลองคราฟต์ตัวใหม่ที่ไม่ซ้ำเดิมอย่างแน่นอน ซึ่งตรงนี้เป็นกิมมิคที่ยากจะมีใครเหมือน และเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่งของธุรกิจที่ต้องเปลี่ยนสินค้าไปทุกวัน แน่นอนว่าช่วงแรกของการเริ่มต้นมักเป็นเรื่องยากเสมอ คุณคิวจึงมีการปรับเปลี่ยน และพัฒนาการเลือกชนิดเครื่องดื่มไปเรื่อย ๆ โดยใช้ความรู้ ความสามารถ การชิม และประสบการณ์จากการเดินทางไปชิมเบียร์ทั่วโลกของ Beer Blogger ตัวยง!

หากไม่รู้จักรักษาของดี ก็คงจะเปล่าประโยชน์
ใช่ว่าคุณคิวจะรับแต่คราฟต์เบียร์อิมพอร์ตเท่านั้น แต่คราฟต์เบียร์ที่ Made in Thailand หรือประเทศใกล้เคียงก็สามารถมาอยู่ในแท็บได้ หากมีรสชาติที่ใช่ คุณภาพที่ดี และมีการผลิตที่ถูกกฎหมาย ซึ่งหากมีของดีมาอยู่ในมือแล้วสิ่งที่คุณคิวยึดถือ และปฏิบัติเรื่อยมาก็คือ ระบบจัดการเพื่อคงคุณภาพ และรสชาติที่เสถียร รวมไปถึงการมี Shelf Life ที่ยาวนานขึ้น โดยเก็บในความเย็นตลอด 24 ชั่วโมง! เริ่มตั้งแต่การจัดเก็บในห้องเย็นจนมาถึงตู้กด วิธีกดเบียร์ และวิธีการเสิร์ฟ ส่วนแก้วเบียร์ของที่นี่ขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะคุณคิวเฟ้นหาโรงงานผลิตแก้วที่ได้รับการการันตีด้วยรางวัลดีไซน์แห่งโลก Red Dot ที่ออกแบบแก้วเพื่อการดื่มเบียร์โดยเฉพาะ นับเป็นศาสตร์ และศิลป์แห่งการดื่มเพื่อให้ได้รสชาติที่แท้จริง

นอกจากนี้การเทรนบาร์เทนเดอร์ก็เป็นเรื่องสำคัญมากอีกเช่นกัน คุณคิวเน้นย้ำว่าจะต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่พนักงาน เบียร์ตัวนี้มีรสชาติอย่างไร มีจุดเด่น ทำจากวัตถุดิบใดก็ต้องให้ชิมพร้อมอธิบายให้ละเอียดชัดเจน ยิ่งเป็นร้านคราฟต์เบียร์ที่มีของเข้าใหม่ทุกวันยิ่งต้องละเอียดมากกว่าเดิม เพราะบาร์เทนเดอร์คือด่านแรกที่ต้องเจอกับลูกค้า จึงควรจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เสมอ
ร้านยิ่งดังเพราะลงสื่อใน Wongnai
จริงอยู่ว่ากระแสคราฟต์เบียร์ในช่วง 3 - 4 ปี นี้กำลังมาแรงไม่มีตก แล้วยิ่ง Taproom มีเครื่องดื่มคราฟต์ระดับคุณภาพจากทั่วโลกให้เลือกหลากหลายมากถึง 26 ตัว แบบไม่ซ้ำกันทุกวัน ยิ่งตอบโจทย์ทั้งมือใหม่ และมือเก๋าเป็นอย่างดี ซึ่งทางร้านก็ได้ตัดสินขยายการรับรู้แก่ผู้บริโภคผ่านทางสื่อโซเชียลโดยการลงโปรโมตใน Wongnai ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาด!
“จำได้เลยว่าวันแรกที่ลงใน Wongnai ร้านระเบิดเลยครับ ผมเข้ามาช่วยกดเบียร์ตอนหัวค่ำ พอเงยหน้ามาอีกทีเกือบเที่ยงคืนแล้ว” คุณคิวยังคงสีหน้าประหลาดใจเมื่อนึกถึงค่ำคืนในวันนั้น

เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่คนยืนรอต่อคิวเพื่อให้ได้ลิ้มลองคราฟต์เบียร์กันอย่างจริงจัง แต่แล้วก็มาถึงช่วงเวลาต้องห้ามที่ “เขา” ห้ามไม่ให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เมื่อ “เขา” ห้ามโฆษณาขายของ งานมาร์เกตติ้งก็ต้องมา
มีเครื่องดื่มคราฟต์อยู่ในมือ แต่กลับเป็นเรื่องต้องห้ามโฆษณาในยุคปัจจุบัน ทางออกของการค้าขายก็คงหลีกหนีไม่พ้นต้องอัพเกรดตัวเองให้เทคนิคการนำเสนอมีลีลาพริ้วไหวไม่ต่างอะไรกับรสชาติอันล้ำลึกของน้ำหมักที่กลั่นออกมาอย่างพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงนี้คุณแบงค์เพื่อนสายมาร์เกตติงก็ก้าวออกมารับหน้าที่จัดการได้อย่างหมดจด คุณแบงค์เล่าให้ฟังว่าที่ร้าน Taproom จะเน้นการเข้าถึงผู้บริโภคโดยการทำมาร์เกตติงออนไลน์อยู่แล้ว โดยการโพสต์ภาพหรือข้อความที่น่าสนใจ พร้อมกับสอดแทรกข้อมูลของร้านเข้าไป เช่น ที่ร้านมีบริการหรือกิจกรรมอะไรบ้างนอกจากเบียร์ อย่างการเคาต์ดาวน์ในช่วงปีใหม่ เป็นต้น
“สิ่งที่ต้องทำเลยสำหรับมาร์เกตติงก็คือ การจับกระแส ณ ขณะนั้นให้มาเชื่อมโยงกับโปรดักส์ของร้านเป็น Real Time Marketing ที่จะเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว และมี Impact”
สำหรับมาร์เกตติงออฟไลน์คุณแบงค์จะดูว่าแต่ละช่วงจังหวะเป็นธีมหรือมีกิมมิคอะไรบ้าง ก็จะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมอีเวนต์ต่าง ๆ ที่ทางร้านจัดขึ้น อย่างนักผลิตคราฟต์เบียร์ สื่อหรือบล็อกเกอร์ต่างประเทศ เพื่อเป็นการสร้างสีสันให้กับ Taproom ส่วนหน้างานนั้นการบริการก็ต้องเป๊ะเช่นเดียวกัน

อีกหนึ่งข้อสำคัญที่คุณคิวมักเน้นย้ำเสมอว่าสิ่งที่ทำให้ Taproom ต่างจากร้านคราฟต์เบียร์ที่อื่นคือ ความจริงใจต่อลูกค้า และไม่ได้เป็นแค่ร้านเบียร์ แต่ที่นี่คือไลฟ์สไตล์
“เราเป็นร้านไลฟ์สไตล์ ใครที่มาร้านนี้คือมาเสพไลฟ์สไตล์มากกว่าจะมาเพื่อดื่มให้เมามาย มาที่นี่เพื่อมาเจอเพื่อน ได้มานั่งพูดคุยพร้อมกับดื่มด่ำไปกับรสชาติเบียร์ที่หลากหลาย ที่ไม่ว่าใครมาก็มีตัวเลือก มีสไตล์เป็นของตัวเอง เพราะการดื่มเบียร์ก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เราดื่มเพื่อให้รู้รสชาติ ลิ้มรสอรรถรส และอรรถศิลป์ของการกลั่นเบียร์แต่ละหยด มันคือระหว่างทางที่เราเลือกเสพมากกว่าจะไปเน้นที่ผลลัพธ์ของการดื่มในแต่ละครั้ง”

จัดการอุปสรรคอย่างไรแบบมืออาชีพ
ฟัง ๆ ดูแล้ว การเปิดร้านคราฟต์เบียร์ทำไมจึงง่ายดายไปเสียหมดสำหรับสองหนุ่มคู่นี้ แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีการจัดการละเอียดยิบย่อยอีกมากมาย คุณคิวเล่าว่าการบริหารงานที่ร้านจะเน้นการพูดคุยกันเป็นหลัก ตั้งแต่การเลือกซีเลคชั่นเครื่องดื่มชนิดที่จะนำเข้ามา แล้วจะทำมาร์เกตติงร่วมกันอย่างไรบ้างกับคุณแบงค์ รวมถึงการจัดการเรื่องเงินต่าง ๆ ในร้าน ที่ถึงแม้จะทำด้วยใจรัก แต่เรื่องกำไรก็เป็นสื่งที่ควรวางแผนไว้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะเปิดสาขาใหม่ที่อารีย์ไป ก็จะจัดสรรเงินบางส่วนมาเป็นเงินทุนในการเปิดร้านใหม่ ต้องมีการวางแผนล่วงหน้าควบคู่กันไปกับการคำนวณรายรับ-รายจ่ายด้วย ซึ่งรายละเอียดการโลเคชั่นก็มี โดยจะเลือกบริเวณที่ผู้คนนิยมไปแฮงก์เอาต์กันอยู่แล้ว เดินทางไปมาสะดวก หรืออาจอยู่ใกล้ออฟฟิศ

คุณแบงค์เสริมอีกว่าก่อนอื่นเราต้องเข้าใจตลาดด้วย ช่วงไหนเป็นช่วงที่ทุกร้านค้าขายลำบากเหมือนกันหมด ต้องยอมรับให้ได้ จากตอนแรกที่คนยืนรอต่อคิว วันต่อมาเงียบหายหมดก็มี แต่ถ้าช่วงไหนเราเป็นร้านเดียวที่ขายไม่ออก แบบนั้นก็ต้องมาดูว่าที่ร้านเรามีปัญหาอะไรตรงไหนอย่างไร แล้วมาแก้ปัญหาร่วมกัน อาจต้องลดจำนวนเบียร์ที่นำเข้ามา แล้วทำการตลาดเพิ่ม จัดกิจกรรมในช่วงที่ทำได้แบบนั้น และที่สำคัญร้าน Taproom ต้องทำการค้าขายอย่างถูกกฎหมายทั้งเรื่องเปิดขายเป็นเวลา ช่วงไหนมีการขอความร่วมมืองดบริการ ก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ทุกฟีดแบกจากลูกค้ามีค่าเสมอ
ทุกธุรกิจต้องมีฟีดแบกกลับจากลูกค้าเสมอไม่มากก็น้อย สำหรับร้าน Taproom เองก็เช่นกัน ทั้งคุณคิว และคุณแบงค์น้อมรับทั้งฟีดแบกที่ดี และรักษาการบริการนั้นต่อไปอย่างไม่มีเงื่อนไข สำหรับฟีดแบกด้านลบหรือข้อแนะนำจากลูกค้าก็เก็บไว้รับฟัง และพิจารณาปรับใช้พัฒนาร้านให้ดียิ่งขึ้น
“เคยมีลูกค้าอยากให้มีดนตรีสดนั่งฟังเพลงที่ร้านได้ เราก็นำมาปรึกษากับหุ้นส่วนอีกที แล้วก็มีดนตรีสดในร้านภายหลัง” คุณแบงค์หยิบยกหนึ่งฟีดแบกที่ทางร้านนำมาปรับใช้

ส่วนฟีดแบคที่เป็นคำแนะนำจากลูกค้า คุณคิวก็เคยได้รับเช่นกัน
“บางครั้งเป็น Human Error เราก็จะมานั่งคุยกันแล้วว่าต้นตอคืออะไร ก็ไปพัฒนาคน พัฒนาระบบหลังบ้านให้ดียิ่งขึ้น ส่วนความรู้เรื่องเบียร์หรือวิธีการกดเบียร์ เรื่องนี้เราซีเรียสมากอยู่แล้ว เพราะเราเองก็เป็นคนดื่ม รู้ว่าคนที่ดื่มเขาต้องการอะไร คาดหวังในอะไร ตรงนี้เราก็อยากให้คนที่มาได้รับสิ่งที่ดีที่สุดกลับไป”
ข้อควรทำของคนที่อยากประสบความสำเร็จ
สำหรับคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้ปีกว่าในธุรกิจน้ำสีอำพัน ย่อมเจออุปสรรคบ้างเป็นเรื่องธรรมดา และย่อมต้องปรับตัวคิดกลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อการพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ คุณคิวและคุณแบงค์จึงทิ้งท้ายข้อควรทำ และข้อห้ามสำหรับนักธุรกิจที่อยากโลดแล่นอยู่ในวงการอย่างเฉิดฉาย
คุณคิวแนะนำอย่างตรงไปตรงมาว่า “สิ่งที่ควรโฟกัสที่สุดในร้านคราฟต์เบียร์ก็คือ “คราฟต์เบียร์” ที่เป็นแกนหลักของธุรกิจ เลือกซีเลคชันที่ดีที่สุด ทำความสะอาดอย่างหมดจด ใส่ใจในทุกขั้นตอน”

สำหรับคำแนะนำของคุณแบงค์ก็คือ “อย่าคิดว่าเราเป็นผู้นำแล้วมีอีโก้สูง ไม่รับฟังคนอื่นเลย เพราะยังมีอีกหลายมุมมองหลากหลายด้านจากคนรอบข้างว่าเขาคิดอย่างไร เราจะได้นำมาปรับปรุงหรือแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น
แม้ว่าการห้ามโฆษณาเชิญชวนให้ดื่มน้ำสีอำพันเพื่อเป็นการลดจำนวนการดื่ม แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคลด้วยเช่นกัน ว่าจะมีความรับผิดชอบต่อสังคมและตัวเองมากน้อยเพียงใด (เพราะถึงห้ามแค่ไหน สุดท้ายคนเราก็หาทางจนได้อยู่ดี) และสุดท้ายแล้ว Taproom คืออีกหนึ่งร้านที่นำเสนอไลฟ์สไตล์ให้แก่นักดื่ม เป็นสถานที่แฮงก์เอาต์ของเพื่อนฝูงหรือกลุ่มคนผู้หลงใหลในรสชาติ เกิดจากชายหนุ่มที่นำความรู้ ความสามารถ และความรักในรสชาติของคราฟต์เบียร์มาต่อยอดเป็นธุรกิจ บวกกับกลยุทธ์ด้านมาร์เกตติงของเพื่อนซี้ที่ส่งเสริมควบคู่กันไปกับธุรกิจได้เข้ากันอย่างตัว จนประสบความสำเร็จในการเปิดร้านสาขาที่ 2 ที่ Taproom X Ari และสาขา 3 ที่เพลินจิต
สามารถติดตามบทความอื่นๆ ได้จาก Wongnai for Business และสำหรับผู้ประกอบการที่ยังมีข้อสงสัยหรืออยากทำการตลาดออนไลน์ Wongnai มีผู้เชี่ยวชาญที่คอยช่วยเหลือด้านแผนการตลาดให้คุณ ฟรี! เพียงเข้าไปที่ คลิกที่นี่ หรือ LINE OA : @wongnai4biz และหากสนใจบริการ Wongnai Merchant App (WMA) ของ LINE MAN ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่