5 สูตรอาหารไทยโบราณ เวอร์ชั่นทำตามง่ายและเร็ว!
  1. 5 สูตรอาหารไทยโบราณ เวอร์ชั่นทำตามง่ายและเร็ว!

5 สูตรอาหารไทยโบราณ เวอร์ชั่นทำตามง่ายและเร็ว!

ออเจ้าท้ังหลายตามพี่หมื่นวงในมาทางนี้ ลอง 5 เมนูอาหารไทยโบราณ จะมีเมนูไหน แต่ละเมนูมีสูตรการทำอย่างไร วันนี้จะพาออเจ้าไปดูให้เต็มตา!
writerProfile
17 เม.ย. 2018 · โดย

ความสำคัญของอาหารไทย

“อาหารไทย” ถือเป็นผลงานการสร้างสรรค์และแสดงถึงความเจริญทางวัฒนธรรมที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดอย่างหนึ่งของคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่ความประณีตในขั้นตอนการทำ และการเลือกสรรวัตถุดิบมาดัดแปลง และปรุงรสชาติ สะท้อนให้เห็นเรื่องราวของสำรับอาหารไทยในแต่ละยุคแต่ละสมัย จากการเลือกใช้วัตถุดิบและการรับเอาวัฒนธรรมจากต่างชาติ มาพัฒนาให้เป็นสูตรอาหารที่ถูกปากของคนไทยจนสืบต่อมารุ่นสู่รุ่นจนถึงยุคปัจจุบัน ส่วนวิธีการทำนั้นก็ไม่ยากเจ้าค่ะ แค่มีเพียงแค่ทำตามสูตรและเทคนิคที่ให้ไป ออเจ้าทั้งหลายสามารถเพิ่มเส่นห์ปลายจวักได้แล้ว พร้อมแล้วตามมาเข้าครัวกันเลยจ้า

รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ

เมนูอาหารไทยสูตรโบราณ

1ไข่พะโล้

“พะโล้” เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนไทยนิยมกินกันมาก เพราะกินง่าย เป็นเมนูที่โปรดปรานของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยไข่พะโล้สูตรโบราณจะไม่ใส่ผงพะโล้และซีอิ๊วดำ แต่สีเข้มของน้ำได้จากการผัดน้ำตาลปี๊บให้เปลี่ยนสี ทำให้น้ำมีสีน้ำตาลโดยไม่ต้องพึ่งซีอิ๊วดำ

รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ
รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ

วัตถุดิบ

1. ไข่ไก่ 6 ฟอง

2. เต้าหู้แข็งหั่นสามเหลี่ยม 8 ชิ้น

3. หมูสามชั้น 300 กรัม

4. รากผักชี 3 ราก

5. กระเทียมไทย 5 กลีบ

6. พริกไทย 1/2 ช้อนโต๊ะ

7. น้ำตาลปี๊บ 1/4 ถ้วยตวง

8. เกลือ 1/2 ช้อนชา

9. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

10. อบเชย 3 ก้าน

11. โป๊ยกั๊ก 5 ดอก

12. น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง

13. ผักชี สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ

1. นำหม้อใส่น้ำให้พอท่วมไข่ขึ้นตั้งบนเตาแก๊ส ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ตามด้วยไข่ที่ทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติ นำมาต้มโดยใช้ไฟแรงเป็นเวลา 10 นาที เมื่อครบเวลาแล้วนำไข่มาแช่ในน้ำเย็นเพื่อหยุดความร้อน เมื่อไข่เย็นตัวลงให้ปอกเปลือกพักไว้

2. นำรากผักชี กระเทียม พริกไทยใส่ลงในครกแล้วโขลกให้ละเอียด เพื่อนำไปผัดกับน้ำมันค่ะ
TIP : รากผักชี กระเทียม พริกไทยที่โขลกแล้วเรียกว่า “สามเกลอ” ซึ่งสามเกลอจะช่วยเพิ่มกลิ่นและรสชาติให้กับเมนูไข่พะโล้ของเรา

3. ตั้งหม้อบนเตาแก๊สเปิดไฟโดยใช้ไฟปานกลาง จากนั้นใส่น้ำมันพืชลงไป เมื่อน้ำมันร้อนให้ใส่สามเกลอที่เตรียมไว้ลงไปผัดจนหอม แล้วใส่น้ำตาลปิ๊บลงไปผัดและเคี่ยวจนน้ำตาลสีเข้มจัดด้วยไฟปานกลาง ซึ่งสีเข้มของพะโล้ก็จะได้จากสีน้ำตาลนี้นั่นเอง คอยคนไม่ให้น้ำตาลไหม้ เมื่อน้ำตาลเคี่ยวได้ที่และเปลี่ยนสีเข้มขึ้นให้ใส่หมูสามชั้นลงไปผัดเล็กน้อย

4. ใส่น้ำเปล่าลงไปในหม้อ ตามด้วยโป๊ยกั๊กและอบเชย ต่อด้วยการใส่ไข่ไก่ที่ปอกเปลือกและเต้าหู้แข็งหั่นสามเหลี่ยม จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือและเคี่ยวต่อเป็นเวลา 50 นาที

5. เมื่อครบเวลาแล้วตักพะโล้ใส่ลงในถ้วย ตกแต่งด้วยผักชี เท่านี้ก็ยกเสิร์ฟให้คุณพี่ได้แล้วค่าออเจ้าทั้งหลาย

หมายเหตุ: ออเจ้ายุคใหม่สามารถใช้ “รสดีเมนู” พะโล้ แทนได้ ช่วยให้การทำไข่พะโล้เป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องเตรียมเครื่องปรุงและเครื่องเทศเยอะ แถมยังประหยัดเวลาเพราะจะสามารถลดเวลาในการเคี่ยวได้เป็นเหลือเพียง 30 นาทีเท่านั้น

2ต้มข่าไก่

“ต้มข่า” เป็นแกงที่มีลักษณะคล้ายต้มยำกะทิ ซึ่งนิยมใช้เนื้อไก่เป็นส่วนใหญ่ และใส่ข่าอ่อนหั่นแว่นบาง ๆ มีวัตถุดิบที่ใช้เพิ่มกลิ่นคือ ตะไคร้และใบมะกรูด ปรุงรสเค็มด้วยน้ำปลาหรือเกลือ มีรสเปรี้ยวที่ได้จากน้ำมะนาว และรสเผ็ดจากพริกขี้หนูสด ซึ่งจะได้รสหวานจากกะทิโดยจะไม่ใส่น้ำตาล

รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ
รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ

วัตถุดิบ

1. เนื้อไก่หั่นชิ้น 200 กรัม

2. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง

3. หางกะทิ 3 ถ้วยตวง

4. ข่าอ่อนหั่นแว่น 9 แว่น

5. ตะไคร้ซอย 1 ต้น

6. ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ

7. น้ำมะนาว 6 ช้อนโต๊ะ

8. น้ำปลา 6 ช้อนโต๊ะ

9. พริกขี้หนูบุบ 5 เม็ด

10. เห็ดฟางหั่นครึ่ง 8 ชิ้น

11. ผักชี สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ

1. รวนเนื้อไก่พอสุกแล้วพักไว้
TIP : นำไก่ไปรวนกับน้ำเปล่าและข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ก่อนนำไปต้มกับกะทิ จะช่วยให้น้ำต้มข่าไก่ไม่ขุ่นค่ะ

2. ใส่หางกะทิลงในหม้อนำขึ้นตั้งไฟโดยใช้ไฟกลาง จากนั้นใส่ข่า ตะไคร้ลงไป ใบมะกรูดฉีกลงไป เมื่อมีกลิ่นหอมใส่เนื้อไก่ที่รวนไว้ลงไป ตามด้วยเห็ดฟางต้มจนเนื้อไก่และเห็ดสุก
TIP : วิธีทำหางกะทิ คือใช้หัวกะทิผสมกับน้ำเปล่า โดยใช้อัตราส่วน 1 : 1

3. เมื่อเนื้อไก่และเห็ดสุกแล้ว ให้ใส่หัวกะทิลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นปิดไฟแล้วใส่พริกขี้หนูสวน น้ำปลา และมะนาวลงไปคนให้เข้ากันอีกรอบ ปิดไฟแล้วตักใส่ถ้วยแล้วตกแต่งด้วยผักชี เท่านี้คุณพี่หมื่นก็เตรียมคดข้าวสวยร้อน ๆ รอแล้วล่ะจ้า

หมายเหตุ: ออเจ้ายุคใหม่สามารถใช้ “รสดีเมนู” ต้มข่า แทนได้ ประหยัดเวลาและสะดวก ไม่ต้องเตรียมเครื่องปรุงเยอะ แถมยังมีส่วนผสมของกะทิอยู่ในซอง เลยไม่ต้องเติมกะทิเพิ่ม ก็ได้ต้มข่ารสชาติแบบง่าย ๆ

3แกงเลียงกุ้ง

“แกงเลียง” เป็นแกงดั้งเดิมของไทย โดยมีต้นกำเนิดจากน้ำพริกถ้วยหนึ่ง ที่กินกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย แล้วเกิดเบื่อจึงนำปลาย่างตำกับเนื้อน้ำพริก แล้วนำใส่หม้อขึ้นตั้งไฟเพื่อทำเป็นแกง ทำให้แกงเลียงมีความพิเศษอยู่ที่โขลกเครื่องแกงสด ที่มีส่วนประกอบจากหัวหอม พริกไทย กะปิ และกระชาย โดยสูตรโบราณจะใช้ปลาแห้งป่นในการเพิ่มความข้นให้กับน้ำแกง แกงเลียงยังเป็นแกงที่มีคุณค่าทางอาหารมากเพราะใส่ผักหลากหลายชนิด เหมาะกับผู้หญิงที่กำลังให้นมบุตร และยังมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ที่ได้จากใบแมงลักอีกด้วย 

รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ
รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ

วัตถุดิบ

1. กุ้งสด 6 ตัว

2. ปลาแห้งป่น 1 ถ้วยตวง

3. พริกไทยเม็ด 1/2 ช้อนชา

4. หัวหอมแดงซอย 5 ลูก

5. กะปิ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

6. น้ำซุป 8 ถ้วยตวง

7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

8. ฟักทองหั่นชิ้น 1/4 ลูก

9. ใบแมงลัก 1 กำ

10. ใบตำลึง 1 กำ

11. บวบหั่นชิ้น 1 ลูก

12. น้ำเต้า 1/3 ลูก

13. เห็ดฟางหั่นครึ่ง 10 ชิ้น

วิธีทำ

1. โขลกพริกไทย กะปิ หัวหอมให้ละเอียด จากนั้นใส่ปลาแห้งป่นลงไปโขลกรวมกันแล้วพักไว้
TIP : ใส่เกลือเล็กน้อยลงไปโขลกกับเครื่องแกง จะช่วยให้โขลกเครื่องแกงได้ละเอียดมากขึ้น และยังเพิ่มรสชาติให้กับเครื่องแกงด้วยจ้า

2. นำน้ำซุปใส่ลงไปในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟโดยใช้ไฟกลาง เมื่อน้ำเดือดใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไป ตามด้วยการนำบวบหั่นชิ้น ฟักทองหั่นชิ้น น้ำเต้าหั่นชิ้น เห็ดฟางหั่นครึ่ง และกุ้งลงไป

3. เมื่อผักสุกแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา จากนั้นใส่ใบตำลึงและใบแมงลักคนให้เข้ากัน จากนั้นปิดไฟแล้วตักใส่ถ้วย พร้อมยกเสิร์ฟให้คุณพี่ซดน้ำซุปร้อน ๆ ให้คล่องคอแล้วล่ะจ้า

หมายเหตุ: ออเจ้ายุคใหม่สามารถใช้ “รสดีเมนู” แกงเลียง แทน นับเป็นตัวช่วยที่ดีในการทำอาหารไทยให้อร่อยครบรสโดยไม่ปรุงเพิ่ม 

4แกงเขียวหวาน

“แกงเขียวหวาน” มีเอกลักษณ์อยู่ที่น้ำแกงเป็นสีเขียวอ่อน ซึ่งได้จากพริกชี้ฟ้าเขียวและพริกขี้หนูสดสีเขียว โขลกเป็นเครื่องแกงแบบเดียวกับแกงเผ็ด เมื่อไปผัดกับกะทิให้หอม น้ำแกงก็จะออกเป็นสีเขียวอ่อนตามสีพริก จึงเรียกว่า แกงเขียวหวาน ซึ่งแกงเขียวหวานมีรสเผ็ดมากกว่าแกงเผ็ด และใช้ใบโหระพาและใบมะกรูดเพิ่มความหอม

รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ
รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ

วัตถุดิบ

1. เนื้อไก่หั่นชิ้น 200 กรัม

2. มะเขือเปราะหั่นเสี้ยว 100 กรัม

3. หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง

4. หางกะทิ 3/4 ถ้วยตวง

5. ใบโหระพา 20 ใบ

6. ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ

7. น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

8. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

9. พริกแกงเขียวหวาน 3 ช้อนโต๊ะ

10. พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 1 เม็ด

วิธีทำ

1. ตั้งกระทะบนเตาโดยใช้ไฟกลางค่อนอ่อน นำหัวกะทิเคี่ยวให้แตกมัน ใส่พริกแกงเขียวหวานลงไปผัดกับหัวกะทิให้หอม ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดผัดพอสุก
TIP : วิธีสังเกตกะทิแตกมัน เมื่อกะทิเดือดและมีฟองมากขึ้น และมีน้ำมันลอยแยกชั้นออกมาจากตัวกะทิ นั่นแปลว่ากะทิแตกมันแล้วจ้า

2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บผัดให้พอเข้ากัน แล้วตักใส่หม้อ จากนั้นใส่หางกะทิตามลงไป ตั้งไฟให้เดือดแล้วใส่มะเขือเปราะหั่นเสี้ยวลงไป ต้มต่อ

3. เมื่อเดือดอีกครั้งและมะเขือเปราะสุกให้ใส่ใบมะกรูด ก่อนยกลงจากเตาให้ใส่ใบโหระพาและพริกชี้ฟ้าแล้วปิดฝาหม้อ เท่านี้ก็สามารถตักเสิร์ฟเอาใจคุณพี่หมื่นให้รักหลงกันแล้วล่ะจ้าออเจ้าทั้งหลาย

หมายเหตุ: ออเจ้ายุคใหม่สามารถใช้ “รสดีเมนู” แกงเขียวหวาน เพื่อรสชาติที่ดี และประหยัดเวลา เพราะมีส่วนผสมของกะทิอยู่ในซอง เลยไม่ต้องเติมกะทิเพิ่ม รับรองความเข้มข้นถึงใจโดยไม่ต้องใช้เวลาในการเตรียมและการทำนาน

5ต้มยำกุ้ง

“ต้มยำ” เป็นแกงที่เดิมใช้น้ำเปล่า มีการนำวัตถุดิบที่ใช้เพิ่มกลิ่น อย่าง ตะไคร้ ใบมะกรูด และข่า เพื่อดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ และนิยมใช้พริกขี้หนูสวนเพราะเม็ดเล็กมีกลิ่นหอม หรือใช้พริกชี้ฟ้าแห้งมาปิ้งไฟอ่อน ทำให้น้ำแกงมีสีแดง มีรสเปรี้ยวจากมะนาวและน้ำมะขามเปียก แต่ส่วนใหญ่มักจะใช้น้ำมะนาวเพราะทำให้แกงมีสีสวย มีรสจัดกว่าน้ำมะขามเปียก มีความเค็มจากเกลือและน้ำปลา ซึ่งสูตรโบราณจะนิยมใช้เกลือเพราะทำให้แกงไม่มีกลิ่นคาว และเนื่องจากต้มยำมีเนื้อค่อนข้างน้อยจึงมีการใส่เห็ดเพื่อเพิ่มปริมาณ ซึ่งต้มยำแบบน้ำข้นนั้นสมัยก่อนจะใส่กะทิเพื่อเพิ่มความเข้มข้น 

รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ
รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ

วัตถุดิบ

1. กุ้งแม่น้ำ 2-3 ตัว

2. ข่าหั่นแว่น 4 แว่น

3. ตะไคร้หั่น 2 ต้น

4. ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ

5. เห็ดฟางหั่นครึ่ง 8 ชิ้น

6. รากผักชี 1 ราก

7. พริกขี้หนู 10 เม็ด

8. เกลือแกง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

9. น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ

10. พริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ

11. น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง

12. กะทิ 1/2 ถ้วยตวง

13. ผักชี สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ

1. นำกุ้งแม่น้ำมาล้างให้สะอาด จากนั้นตัดหนวดกุ้งและขากุ้งออก ใช้มีดผ่าหลังกุ้งไปจนถึงหัวกุ้ง เพื่อให้มันกุ้งออกมาตอนนำไปต้ม

2. นำหม้อขึ้นตั้งไฟแล้วใส่น้ำเปล่าลงไป เปิดไฟโดยใช้ไฟกลาง เมื่อน้ำเปล่าเริ่มเดือดแล้วใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และรากผักชีลงไป

3. เมื่อน้ำเริ่มเดือดอีกครั้งใส่เห็ดฟางและกุ้งแม่น้ำลงไป พอเห็ดและกุ้งสุกแล้วให้ใส่เกลือลงไป ตามด้วยพริกเผา และกะทิลงไปคนให้เข้ากันแล้วปิดไฟ

4. เมื่อปิดไฟแล้วให้ใส่น้ำมะนาวและพริกขี้หนูสวนลงไป เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟความแซ่บและฟินจากมันกุ้งแม่น้ำให้คุณพี่แล้วล่ะจ้า
TIP : บุบพริกขี้หนูก่อนใส่ลงในหม้อต้มยำ จะทำให้ได้กลิ่นหอมจากพริกขี้หนูมากขึ้นจ้า

หมายเหตุ: ออเจ้ายุคใหม่สามารถใช้ “รสดีเมนู” ต้มยำน้ำข้น แทน ไม่ต้องเตรียมเครื่องปรุงเยอะก็สามารถทำต้มยำน้ำข้นรสชาติเข้มข้นจัดจ้านได้ พร้อมน้ำพริกเผาในซอง สะดวกและประหยัดเวลาสุด ๆ

นี่เป็นเพียงบางส่วนของสูตรอาหารไทยโบราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งแต่เรื่องของวัตถุดิบ วิธีทำจนกลายมาเป็นรสชาติที่ถูกปากคนไทยจนถึงทุกวันนี้ สำหรับออเจ้าคนไหนที่อยากลองทำเพื่อเพิ่มเสน่ห์ปลายจวัก สามารถนำสูตรเหล่านี้ไปใช้ได้ หรือหากมีเวลาน้อยก็อย่าเพิ่งยอมแพ้กับการทำอาหาร เพราะเดี๋ยวนี้ตัวช่วยประหยัดเวลาอย่าง ผงปรุง “รสดีเมนู” ที่ประกอบไปด้วยส่วนผสมของเครื่องเทศและเครื่องปรุงรสพร้อมสรรพในซอง ผสมผสานจนได้เป็นสูตรสำเร็จ ให้รสชาติที่ลงตัว “อร่อยครบรส ครบเครื่อง” ทำอาหารได้สะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าเมนูไหน ๆ ก็ทำง่ายได้ทุกเวลาแล้วล่ะเจ้าค่ะ! ออเจ้าทั้งหลายสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.rosdee.co.th/ เลยเจ้าค่า~

รสดีเมนู - อาหารไทยโบราณ