ความสุขที่ดับทุกข์ได้ชั่วคราว
ในพระพุทธศาสนา “นิพพาน” หมายถึงการดับทุกข์โดยสิ้นเชิง เป็นเป้าหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรม แต่ถ้าถามคนทั่วไปที่ยังต้องเผชิญงาน บ้าน หนี้ และรถติด หลายคนอาจตอบเหมือนลุงแถวบ้านว่า “นิพพานน่ะไกลไป เอาเบียร์เย็นๆ ก่อนก็พอ”
แม้จะฟังตลก แต่ความคิดนี้สะท้อนหลักการทางพุทธจริง ๆ เพราะในพระอภิธรรมมีการแบ่ง “เวทนา” หรือ ”ความรู้สึก” ออกเป็นสามประเภท ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา (ความรู้สึกกลาง ๆ) เบียร์เย็น ๆ ที่ดับความเครียดได้ชั่วขณะก็คือ “สุขเวทนา” ประเภทหนึ่ง ถึงจะไม่ยั่งยืน แต่ก็เป็นสุขที่มนุษย์ให้คุณค่ามานับพันปี ถึงแม้จะขัดกับหลักการขั้นสูงสุดไปบ้าง แต่เรามองเห็นอะไรในธรรมชาติเหล่านี้กันนะ?
ฟองเบียร์กับปรัชญาตะวันตก
จริง ๆ พระพุทธเจ้าเรากับนักปราชญ์ในยุคกรีกนั้น ก็มีแนวคิดที่คล้ายคลึงกันบางอย่าง หากหันไปมองฝั่งกรีกโบราณ Epicurus (341–270 BCE) นักปรัชญาเจ้าของแนวคิด “ลัทธิสุขนิยม” (Epicureanism) เคยบอกว่า ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่การเสพสุขใหญ่โตหรูหรา แต่คือความสุขเรียบง่ายที่เข้าถึงได้ เช่น อาหารพอประมาณ น้ำดื่ม หรือการสนทนากับเพื่อน ๆ เขาเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “ataraxia” หรือภาวะใจสงบไร้ความกังวล
เบียร์หนึ่งแก้วในวงเพื่อนจึงอาจสะท้อนแนวคิดนี้ ไม่ใช่ความสุขยิ่งใหญ่แบบถูกหวย แต่เป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากชีวิตประจำวัน และเป็นพลังให้เดินต่อไป
เบียร์กับความไร้แก่นสารของชีวิต
ในเชิงปรัชญาแบบ Existentialism (เช่น Jean-Paul Sartre, Albert Camus) มนุษย์ถูกมองว่าดำรงอยู่ในโลกที่ไร้ความหมาย แต่เรายังต้องเลือกสร้างความหมายให้ชีวิตเอง Camus ใช้คำว่า “absurd” หรือความไร้สาระที่เราต้องเผชิญทุกวัน เบียร์หนึ่งแก้วจึงอาจเป็นการยอมรับ “ความไร้สาระ” แบบมีสติ เรารู้ว่าเบียร์ไม่ได้ทำให้ปัญหาหายไป แต่ก็ยังเลือกดื่มเพื่อบอกกับตัวเองว่า แม้โลกจะไม่มีคำตอบให้ แต่ฉันก็ยังเลือกที่จะยิ้มและพักหายใจ
ลุงข้างบ้านกับนิพพานฉบับ Lite
“เอ้า ถ้าเบียร์ทำให้ผมลืมทุกข์ได้สองชั่วโมง เท่ากับผมได้ชิมรสนิพพานเวอร์ชัน Lite แล้วหรือยัง?”
คำถามกวน ๆ ของลุงข้างบ้านนี่แหละที่สะท้อนแก่นบางอย่าง การดื่มเบียร์อาจไม่ใช่การบรรลุนิพพาน แต่ก็อาจทำให้เราได้ประสบการณ์บางอย่างที่น่าสนใจ แต่สิ่งที่เป็นบทเรียนสำคัญว่าคือการยอมรับได้ว่าความไม่จีรังมีอยู่ในทั้งสุขและทุกข์ คือการก้าวเข้าใกล้ปรัชญาพุทธที่แท้จริง
เบียร์หนึ่งแก้วอาจไม่ใช่คำตอบของปัญหาชีวิต แต่มันสอนให้เรารู้จักคุณค่าของ “ความสุขสั้นๆ” ที่คนเรามักมองข้าม มันคือเครื่องเตือนใจว่าความสุขไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แต่อาจอยู่แค่ในฟองเล็กๆ ที่ดับความร้อนรุ่มของใจไปชั่วครู่ และนั่นแหละคือสะพานเชื่อมระหว่างโลกีย์กับโลกุตระ ระหว่างเบียร์กับนิพพาน
เอ รู้สึกบทความนี้ก็ไม่ยาวเหมือนบทความก่อนก่อน ๆ เหมือนกันนะ เรียกว่าเป็นความรู้ฉบับ Lite ก็พอจะได้ใช่ไหม
Reference
พระอภิธรรมปิฎก: ธัมมสังคณี ว่าด้วยเวทนา
Epicurus, Letter to Menoeceus (341–270 BCE)
Camus, Albert. The Myth of Sisyphus (1942)
Sartre, Jean-Paul. Existentialism is a Humanism (1946)