หลายต่อหลายคน ล้วนคิดว่าการย่างเนื้อให้ได้ความสุกที่พอเหมาะ ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ชั้นปรมาจารย์ ต้องผ่านร้อนผ่านหนาว เรียนจบจากกอร์ดองเบลอ บลาๆๆ… ขอบอกเลยครับว่า ผิด! ทุกๆคนสามารถย่างสเต๊กได้อย่างง่ายดาย เพียงทำตามสเต็ปเหล่านี้ คุณเองก็สามารถที่จะย่างสเต๊กแบบ Like a Boss สามารถคุมความสุกได้อยู่หมัด! แต่ก่อนที่เราจะเริ่ม Cooking การเลือกเนื้อส่วนที่เหมาะสมสำหรับการทำสเต๊กถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปอ่านได้ตาม Link บทความคู่มือสั่งสเต๊ก //www.wongnai.com/food-tips/how-to-order-steak
ทำไมต้องคุมความสุก ?
คนไทยส่วนใหญ่มักจะชินกับการรับประทานของที่สุกแบบทั่วถึง แต่หารู้ไม่ว่าความสุกนั้นมีผลต่อรสชาติ และสัมผัสของเนื้อสเต๊กเป็นอย่างมาก! สำหรับใครที่เป็น Beef Lover ตัวจริงก็ย่อมรู้ดีว่าความสุกระดับ Medium Rare คือความสุกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเนื้อสเต๊ก! ด้วยอุณหภูมิและความสุกในระดับนี้เซลล์ของเนื้อจะคลายน้ำออกมาในปริมาณที่เหมาะสม จึงทำให้เนื้อสเต๊กของเรา นุ่มชุ่มฉ่ำ ยิ่งกินยิ่งได้อรรถรส! แต่จะว่าไปแต่ละคนก็ย่อมมีความชอบและรสนิยมที่แตกต่างกัน ฉะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะลองระดับความสุกหลายๆแบบ แล้วดูซิว่าเราชอบแบบไหนมากที่สุด

ความสุกแบ่งเป็น 6 ระดับ คือ
- บลูแรร์ (Blue Rare) : สุกแค่ผิวเนื้อด้านนอก ด้านในยังดิบ << รสชาติ: อารมณ์เดียวกับกินเนื้อดิบ ได้รสธรรมชาติแบบแท้จริงของเนื้อ (จืดๆ คาวๆ หน่อย ขึ้นกับคุณภาพของเนื้อ) เนื้อจะเหนียวสู้ฟันนิดหน่อย
- แรร์ (Rare) : (48.8° C) ย่างแบบเนื้อด้านนอกสุกพอประมาณ (เป็นสีน้ำตาลอมเทา) ส่วนด้านในยังเป็นเนื้อแดง 75% ส่วนมากจะใช้เวลาย่างประมาณ 1 นาที << รสชาติ: รสชาติของเนื้อและความชุ่มฉ่ำจะเข้มข้นมากขึ้น ถ้าเทียบกับเนื้อดิบ
- มีเดียม แรร์ (Medium Rare) : (54.4° C) เนื้อกึ่งสุกกึ่งดิบ ด้านในยังเป็นเนื้อแดงประมาณ 50% << รสชาติ:ความสุกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเนื้อสเต๊ก! สเต๊กของเรา นุ่มชุ่มฉ่ำ ยิ่งกินยิ่งได้อรรถรส!
- มีเดียม (Medium) : (60° C)ย่างให้สุกขึ้นมาอีกนิด เนื้อด้านในอมชมพู << รสชาติ: นี่คือความสุกในระดับที่พอรับได้ของ Beef Lover! เนื้อจะฉ่ำอยู่รสชาติยังเข้มข้นอยู่แต่เนื้อก็จะเริ่มแข็งขึ้นตามอุณหภูมิที่เพิ่มมากขึ้น…(Tips) เป็นอุณหภูมิที่ค่อนข้างเหมาะสำหรับเนื้อวากิวระดับ A4 ขึ้นไป เพราะไขมันทั้งหมดจะละลายได้ที่ ได้รสสัมผัสเหมือนกับเนื้อละลายในปากจริงๆ
- ดัน (Done) : (65.5° C) ย่างแบบให้เนื้อสุกทั่วถึงกัน แต่ยังคงหลงเหลือเนื้อสีชมพูเล็กน้อย << รสชาติ: รสชาติเข้มขึ้นแต่ก็จะมีรสสัมผัสที่ค่อนข้างสากลิ้นเพราะเซลล์เนื้อคลายน้ำออกมามากเกินไป เริ่มไม่ไหวแล้วนะ!
- เวล ดัน (Well Done) : เนื้อสุกทั่วถึงกันทุกส่วน เทาเหมือนในรูป << รสชาติ: เนื้อจะแห้งเพราะไม่เหลือความชุ่มชื้นอีกแล้ว ไปซื้อเนื้อแดดเดียวมารับประทานดีกว่า

ขั้นตอนการย่างสเต๊ก

วัตถุดิบ/เครื่องปรุง :
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
สเต๊กสันนอก 250g
เกลือ 2.5-5g ต่อ 1 ด้านของเนื้อ (อันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบ และ ชนิดของเนยที่ใช้)
พริกไทย 1/2 ของเกลือ
เนย 15g (จืดก็ได้ เค็มก็ดี)
กระเทียม 2 กลีบ (ทุบ)
ใบไทม์สด 4-5 ก้าน
พริกไทย
Let’s Get Cooking!


(Tip) เวลาโรยเกลือและพริกไทย โรยให้สูงหน่อยเพื่อความทั่วถึง
(Tip) เกลือที่ใช้ควรเป็นเกลือทะเลบริสุทธิ์ หรือถ้าใช้ Fleur de Sel (ดอกเกลือ) ได้ยิ่งดี!

(Tip) การนวดจะทำให้เครื่องปรุงไม่หลุดออกจากเนื้อแถมยังช่วยเพิ่มความกรอบและสีที่สวยงามให้กับตัวเนื้อด้านนอกหลังทอดเสร็จ)

(Tip) เวลาวางเนื้อควรจะมีเสียง ซ่า~~~ ถ้าไม่มีให้รีบเอาขึ้นก่อน
(Tip) เวลาวางเนื้อให้วางเนื้อไปในทางที่ออกจากตัวเพื่อไม่ให้น้ำมันกระเด็นใส่


(Tips) การวัดที่ง่ายและแม่นยำที่สุดก็คือการใช้ Thermometer ซึ่งมีขายทั่วๆไปตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ แค่เสียบ Thermometer ไปตรงส่วนกลางของเนื้อไม่ให้ทะลุ ทิ้งไว้สัก 5-10 วินาที และก็ดูอุณหภูมิเอา


(Tip) Basting เป็นเทคนิคสไตล์ฝรั่งเศสที่ช่วยเพิ่มกลิ่นและความฟูกรอบให้กับเนื้อสัตว์ทุกชนิด
(Tip)ให้สังเกตุผ่านกลิ่นถ้ากลิ่นเนยไทม์และกระเทียมอบอวลได้ที่ก็แปลว่า ผ่าน!

(Tips) นี่เป็นขั้นตอนที่คนมองข้ามมากสุด แต่เรียกได้ว่าสำคัญการพักเนื้อจะช่วยทำให้เนื้อมีความชุ่มฉ่ำยิ่งขึ้น

เพียงเท่านี้ก็สามารถที่จะย่าง สเต๊ก Like a Boss! อย่างง่ายดายแล้วครับ ลองเอาไปใช้ดูนะครับ!




กฤตธี วิศิษฐ์กิจการ หรือ บูม นักร้องวง The Ginkz
บัณฑิตวิทยาลัยดุสิตธานี สาขาการจัดการครัวและภัตตาคาร หลักสูตร Le Cordon Bleu รหัส 49 เคยผ่านครัวระดับนานาชาติอย่าง ร้าน Zuma โรงแรม St. Regis และ โรงแรม Ritz-Carlton New Orleans ปัจจุบันเป็น Content Editor ที่ wongnai.com ทำทุกอย่างเกี่ยวกับอาหาร ตั้งแต่ชิม เขียนบทความ ยันคิดสูตรอาหาร