ทฤษฎีเห็ดหลอน ซานต้า อลิซ มาริโอ เชื่อมโยงกับอาหารที่เรียกว่าเห็ด
  1. ทฤษฎีเห็ดหลอน ซานต้า อลิซ มาริโอ เชื่อมโยงกับอาหารที่เรียกว่าเห็ด

ทฤษฎีเห็ดหลอน ซานต้า อลิซ มาริโอ เชื่อมโยงกับอาหารที่เรียกว่าเห็ด

เห็ดเป็นหนึ่งในอาหารที่เก่าแก่ที่สุดที่มนุษย์กิน เรานำมาใช้กินเป็นอาหาร ไปจนถึงการใช้ในพิธีกรรม Wongnai Story เราจะพาไปสำรวจโลกของเห็ดกัน
writerProfile
12 พ.ย. 2024 · โดย

ในดินแดนมหัศจรรย์นั้นมีเรื่องราวลึกลับซ่อนอยู่เสมอ อิฐและท่อประปาสีเขียวกับช่างประปาหนุ่มใส่ชุดเอี๊ยมสีน้ำเงินกับหมวกแดง หรือแม้กระทั่งลุงหนวดใจดีในชุดสีแดงผู้ขี่กวางเรนเดียร์ลองลอยไปในอากาศพร้อมถุงที่บรรจุของขวัญ ต่างมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเห็ด!? ในมุมของช่างประปาในเกมสุดคลาสสิก เห็ดไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมพลังให้พวกเขาตัวใหญ่ขึ้น แต่ยังเพิ่มพลังให้เขาอีกด้วย แล้วลุงซานต้าครอสหน้าตาใจดีคนนี้ล่ะ เกี่ยวอะไรกับเห็ดกันนะ วันนี้ Wongnai Story เราจะพาไปสำรวจโลกของเห็ดกัน

เห็ดเป็นหนึ่งในอาหารที่เก่าแก่ที่สุดที่มนุษย์กิน เรานำมาใช้กินเป็นอาหาร ไปจนถึงการใช้ในพิธีกรรม ที่น่าสนใจคือ ความหลากหลายของเห็ดตั้งแต่ที่หาได้ทั่วไป ถ้าแถวบ้านเราก็ เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง ฯลฯ ใส่ในแกงหรือผัดต่าง ๆ ยาวไปจนถึงเห็ดมูลค่าเหยียบแสนจากทั่วทุกมุมโลก อย่างเช่น ทรัฟเฟิล

กระโดดออกไปจากโลกของอาหารเห็ดยังมีคุณสมบัติทางยาอีกด้วย เช่น เห็ดหลินจือและเห็ดถั่งเช่าที่เราเคยได้ยินกัน และหลายคนก็คงพอจะรู้ว่าในโลกของเห็ด ยังมีเห็ดอีกกลุ่มหนึ่งที่สร้างความตื่นเต้นและความท้าทายในด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ นั่นคือ เห็ดเมา หรือ เห็ดไซโลไซบิน (Psilocybin mushrooms) อีกด้วย

เรากินเห็ดกันมาตั้งแต่โบราณ

หากมองย้อนกลับไป การกินนั้นเห็ดมีหลักฐานยืนยันที่เก่าแก่ย้อนไปถึงช่วง ประมาณ 13,000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งนักโบราณคดีได้พบภาพวาดบนผนังถ้ำในสเปนที่แสดงให้เห็นถึงการใช้เห็ดในพิธีกรรมและการบริโภค และในอียิปต์โบราณ ช่วง ประมาณ 4,600 ปีก่อนคริสตกาล

มีบันทึกว่าฟาโรห์เชื่อว่าเห็ดเป็นอาหารศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าและถือเป็นสิ่งที่สงวนไว้เฉพาะกษัตริย์และชนชั้นสูง ส่วนในอารยธรรมโรมัน มีหลักฐานว่าในช่วง ประมาณศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล ชาวโรมันนิยมกินเห็ดในงานเลี้ยงหรูหรา และเชื่อว่ามันเป็น "อาหารของเหล่าทวยเทพ" และสำหรับในเอเชียบ้านเรา โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่น มีการบันทึกการใช้เห็ดหลินจือและเห็ดชิตาเกะในการรักษาโรคและบำรุงสุขภาพมาตั้งแต่ ประมาณ 2,000-3,000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งทำให้เห็นว่าเห็ดมีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตและความเชื่อของมนุษย์มาอย่างยาวนาน

เห็ดในมุมมองของพิธีกรรมและความเชื่อ

การใช้เห็ดในรูปแบบพิธีกรรมก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้การกิน เห็ดเมาในวัฒนธรรมมนุษย์มีร่องรอยที่ย้อนไปได้นับพันปี หลักฐานทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่าชนเผ่าพื้นเมืองในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ใช้เห็ดเมาในพิธีกรรมทางศาสนา เห็ดเมามีบทบาทสำคัญในพิธีกรรมของชนเผ่าแอซเท็ก ซึ่งเรียกเห็ดนี้ว่า “เตโอนานาคาเทิล” (Teonanácatl) ซึ่งแปลว่า “เนื้อแห่งพระเจ้า” โดยเชื่อว่าเห็ดเมาช่วยเปิดประตูสู่โลกวิญญาณและให้ผู้ใช้เข้าถึงความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์

นอกจากชาวแอซเท็กแล้ว ชนเผ่ามายาและชนเผ่าพื้นเมืองอื่น ๆ ในทวีปอเมริกาก็มีการใช้เห็ดเมาในพิธีกรรมที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและการเชื่อมต่อกับจักรวาลเช่นกัน

เห็ดเมามีบทบาททางศาสนาและตำนานมากมาย ในตำนานของชาวไซบีเรีย เห็ด อะมานิตา มัสคาเรีย (Amanita muscaria) ซึ่งมีลักษณะเด่นเป็นหมวกสีแดงและจุดขาว ถูกใช้ในพิธีกรรมเพื่อกระตุ้นการเข้าถึงโลกแห่งจิตวิญญาณ นักบวชชาวไซบีเรียเชื่อว่าเห็ดนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถสื่อสารกับเทพเจ้าและได้รับความรู้สึกที่ลึกซึ้งจากโลกที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ฟังดูคุ้น ๆ ไมครับ เห็ดหมวกสีแดงและขุดขาว…ใช่แล้ว! นี่มันเห็ดที่อยู่ในเกมมาริโอนี่หว่า !!

หรือมาริโอจะหลอนเห็ด

มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับเห็ดที่มาริโอกิน แต่ทฤษฎีที่น่าจะเป็นไปได้อย่างแรกเลยก็คือการที่ใช้เห็ดในแง่ของการเข้าถึงพลังเหนือจินตนาการ ซึ่งเป็นไปได้ว่า คุณ Miyamoto ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่อง Alice's Adventures in Wonderland ในนิยายเรื่องนี้ อลิซกินเห็ดเพื่อเปลี่ยนขนาดตัวเช่นกัน

หากเราย้อนไปดูถึงเรื่อง Alice's Adventures in Wonderland เห็ดมีบทบาทสำคัญมากในการผจญภัยของอลิซ หลังจากเธอกินเห็ดเข้าไป ขนาดตัวก็เปลี่ยนไป ทำให้สามารถเข้าถึงดินแดนใหม่ ๆ ในแดนมหัศจรรย์ได้ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเห็ดในพิธีกรรม ซึ่งถูกนำมาใช้ในยาแผนโบราณและการปฏิบัติทางจิตวิญญาณที่มีมาหลายศตวรรษ ที่บอกว่าเห็ดเป็นตัวแทนของการเดินทางสำรวจภายใน ซึ่งอลิซสามารถสลัดตัวตนเก่าของเธอและเปิดรับความเป็นไปได้ใหม่ ๆ

ถึงแม้จะไม่มีคำตอบอย่างเป็นทางการจาก Nintendo แต่ทฤษฎีที่โดดเด่นในที่สุดในหมู่แฟนเกมสายบันเทิงบอกว่า มาริโอ้กินเห็ด Amanita ซึ่งเป็นเห็ดที่ตรงกับรูปลักษณ์ในเกม เห็ดชนิดนี้มีลักษณะเด่นคือ หมวกสีแดงสดมีจุดสีขาว และเห็ด Amanita muscaria มีสาร psychoactive ที่ทำให้เกิดอาการหลอนประสาท ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับความสามารถของมาริโอ้ในการเติบโตและหดตัวได้

ทฤษฎีสุดกาว เห็ดเมากับซานต้าครอส

นอกเหนือจากช่างประปาหนุ่มและหญิงสาวในโลกแฟนตาซี มีทฤษฎีสุดกาวเกี่ยวกับตำนานของซานต้าครอส ว่ามีต้นกำเนิดมาจากเห็ด Amanita muscaria (อีกแล้ว) ตำนานกล่าวไว้ว่า มีหมอผีชาว ซามี (Sámi) ซึ่งชาวซามีที่ว่านี้อยู่แถบ ๆ ทางตอนเหนือของแถบสแกนดิเนเวียน เขาเป็นชนพื้นเมืองของซัปมี (Sápmi หรือคนทั่วไปรู้จักกันในชื่อแลปแลนด์) ตำนานบอกว่าหมอผีชาวซามีคนนี เขาได้เก็บเห็ด Amanita muscaria ขึ้นมาแล้ว มอบให้เป็นของขวัญแก่ชาวบ้านผ่านเพดอนกระท่อมในวันเหมายัน ซึ่งเมื่อชาวบ้านได้กินเห็ดเข้าไปก็เกิดอาการหลอนเห็นกวางเรนเดียร์ที่เลี้ยงอยู่นั้นบินได้

กลายเป็นภาพลักษณ์ของการที่หมอผีเดินทางไปทำภารกิจโดยมีกวางเรนเดียร์เป็นผู้นำทางไปซะอย่างนั้น นอกจากนี้ยังมีบางทฤษฎีบอกว่าหมอผีจะสวมชุดสีแดง และห่อของขวัญ (เห็ด) ด้วยสีแดงขาว พร้อมกับวางไว้ใต้ต้นคริสต์มาส เพื่อเลียนแบบเห็ดที่เติบโตใต้ต้นไม้

เมื่อความจริงต้องถูกพิสูจน์ ทิม แฟรนดี (Tim Frandy) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านนอร์ดิก จากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย และยังเป็นหนึ่งในสมาชิกชุมชนที่สืบเชื้อสายซามี เขาบอกว่า “ทฤษฎีนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากชาวซามีด้วยกันเอง ละบอกว่ามันเป็นการมองวัฒนธรรมซามีที่เกิดขึ้นแบบเหมารวม” เขาจึงย้อนไปดูประเพณีของชาวซามีในช่วงหน้าหนาวก็พบว่าชาวนอร์ดิกส่วนใหญ่ทุกคนรวมถึงเด็ก ๆ จะอยู่กันอย่างเงียบและเรียบร้อยแตกต่างจากเรื่องราวของซานต้า

เขาบอกอีกด้วยว่า เห็ด อะมานิตามัสคาเรียนี้ ถูกใช้ส่วนใหญ่ในไซบีเรีย และไม่มีหลักฐานว่าหมอผีชาวซามีใช้เห็ดชนิดนี้จริง ๆ โดยส่วนใหญ่แล้วหมอผีมักใช้ดนตรี เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า การขาดหลักฐานสนับสนุนของทฤษฎีสุดบันเทิงนี้ ทำให้เรื่องราวซานต้าแอนด์เห็ดเมาเหล่านี้ค่อย ๆ จางหายไปจากระแสหลัก

จากอาหารสู่ดนตรีและวัฒนธรรมยุคใหม่

การใช้เห็ดเมาไม่ได้หยุดอยู่ที่พิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น ในยุค 1960 วัฒนธรรมและการเคลื่อนไหวของฮิปปี้ เห็ดเมาและสารหลอนประสาทอื่น ๆ กลายมาเป็นส่วนสำคัญในการค้นหาความหมายในชีวิต ดนตรีในยุคนั้นมีบทบาทสำคัญในการสะท้อนประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเห็ดเมาและการพูดถึงเรื่องจิตวิญญาณ วงดนตรีเช่น The Beatles และ The Doors ก็มักมีเนื้อหาเพลงที่เชื่อมโยงกับการเดินทางทางจิตใจและความท้าทายทางความคิด

ตัวอย่างเพลง “Tomorrow Never Knows” ของ The Beatles ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือ The Psychedelic Experience โดย Timothy Leary ที่อ้างอิงจาก The Tibetan Book of the Dead เพลงนี้เต็มไปด้วยทำนองที่แปลกใหม่และเนื้อเพลงที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจจากการใช้เห็ดเมา (หรือ LSD)

ผิดกฎหมายนะจ๊ะ

ในประเทศไทย เห็ดเมา เช่น เห็ดขี้ควาย (Psilocybe cubensis) ถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย ผู้ฝ่าฝืนอาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 บาท

นอกจากนี้ สารไซโลไซบิน (psilocybin) และไซโลซิน (psilocin) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ในเห็ดเมา ถูกควบคุมเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567 มีการปรับปรุงกฎหมายให้สามารถใช้ยาเสพติดประเภท 5 ในตำรับยาที่มีส่วนผสมของฝิ่นหรือเห็ดขี้ควาย เพื่อการรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้

ดังนั้น การใช้หรือครอบครองเห็ดเมาในประเทศไทยยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวด และการใช้เพื่อการรักษาหรือวิจัยต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมาย

#Wongnai #เห็ด #ซานต้าครอส #มาริโอ #อลิซ