“ซูชิ” นั้นเป็นอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ มีร้านซูชิเปิดมากมายแต่เคยเป็นไหม ที่นึกภาพออกแต่ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร อุตส่าห์ไปถึงร้านขั้นเทพ ก็ได้แต่ชี้ ๆ ตามภาพที่เห็น
วันนี้ Wongnai เลยขออาสามาเผยความลับของเหล่าซูชิคลาสสิกต้นตำรับหรือแบบ “เอโดะมาเอะ” ที่จะทำให้คุณไม่พลาดโป๊ะแตกในการสั่งซูชิครั้งต่อไป ใช้ได้จริงในทุก ๆ ร้านอาหารญี่ปุ่นทุกที่บนโลกใบนี้! อย่ารอช้า เราไปดูกันเลย!
จุดเริ่มต้นของซูชิ

แต่กว่าจะมาเป็นซูชิหน้าปลาดิบที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้ ต้นกำเนิดของซูชินั้นเกิดขึ้นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้วเลยทีเดียวเชียว เริ่มต้นด้วยการนำเอาเนื้อปลามาวางบนข้าวรสเปรี้ยวตามแบบฉบับของชาวจีนที่ถูกนำเข้ามาทำในญี่ปุ่น และแพร่หลายมาในช่วงเวลานั้น ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการเก็บรักษาปลาไว้ในข้าวหมัก แต่จะกินแต่เนื้อปลาเท่านั้นเรียกว่า 'นาเระ ซูชิ' แถมใช้เวลาหมักยาวนานถึง 1 ปีเลยทีเดียว ในยุคต่อมามีการลดเวลาการหมักให้น้อยลง จากปีเป็นเดือน ข้าวที่ได้ก็จะมีรสเปรี้ยวแค่เพียงเล็กน้อย จึงเริ่มกินข้าวที่ใช้หมักนั้นไปด้วย เรียกว่า 'ฮานนาเระ ซูชิ' เป็นที่นิยมเรื่อยมาจนมาถึงช่วงก่อนศตวรรษที่ 18 'ฮายะ นาเระ ซูชิ' ก็ถูกพัฒนาขึ้น จากเดิมที่ข้าวต้องใช้การหมัก ในยุคนี้ใช้ตัวช่วยอย่างน้ำส้มสายชูที่รสชาติใกล้เคียงกันแถมประหยัดเวลามากขึ้น และแล้วการเดินทางของซูชิก็มาพามาถึงยุคเอโดะที่ผู้คนใช้ชีวิตเร่งรีบ จะใช้วิธีการเตรียมซูชิแบบเดิม ย่อมไม่ได้ ฉะนั้นซูชิแบบ 'เอโดะมาเอะ ซูชิ' หรือซูชิแบบต้นตำรับจึงถูกพัฒนาขึ้นให้สมกับยุคเอโดะที่ถูกกล่าวถึงว่า 'fast and easy' นั่นเอง
ประเภทของซูชิแบบดั้งเดิม (เอโดะมาเอะ ซูชิ)

วิธีสั่งซูชิ 5 แบบที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ จะเป็นซูชิคลาสสิก ที่เป็นแบบดั้งเดิมที่ชาวญี่ปุ่นคุ้นเคยกัน ซึ่งจะเรียกว่า เอโดะมาเอะซูชิ โดยในอดีต หากกล่าวถึง เอโดะมาเอะซูชิแล้ว จะหมายถึงซูชิแบบที่ชาวเมืองเอโดะกินกัน แต่ในปัจจุบัน ความหมายได้เปลี่ยนไป หมายถึง ซูชิที่มีคุณภาพสูงแทน เราไปดูว่าทั้ง 5 แบบเป็นอย่างไรกันบ้างดีกว่า
1Nigiri Sushi นิงิริซูชิ
แหม ก็คือที่เราเรียกกันติดปากว่าข้าวปั้นนั่นแหละ นิงิริซูชิใช้เรียกซูชิที่ถูกปรุงด้วยวิธีการกดของนิ้วลงบนวัตถุดิบกับฝ่ามืออีกข้าง (นิงิรุ/นิงิริ แปลว่าการกำ) มีซูชิที่อยู่ในหมวดนี้หลัก ๆ อยู่ 2 ประเภท ไปดูกันเลยดีกว่าว่าซูชิหน้าแซลมอนเอย ไข่หวานเอย จะจัดอยู่ในประเภทไหนกันแน่นะ

แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
- นิงิริซูชิ 握り寿司
- กุงคังซูชิ 軍艦寿司

Note : ข้าวปั้นสามเหลี่ยมหรือโอนิกิรินั้นไม่ถูกจัดอยู่ใน “ซูชิ”

Note : ชื่อกุงกังนั้นได้มาจากรูปทรงที่เหมือนเรือรบนั่นเอง
2Makizushi มากิซูชิ
Makizushi มากิซูชิ คือซูชิที่มีรูปทรงกระบอก มักใช้ผืนไม้ไผ่ที่เรียกว่า มากิสุ ในการม้วนสร้างสรรค์ซูชิประเภทนี้ โดยมีเอกลักษณ์คือ การใช้สาหร่ายแผ่นใหญ่ และชั้นของข้าวซูชิ ไว้ห่อไส้หลากหลายต่าง ๆ ไว้ตรงกลาง จนออกมาเป็นข้าวห่อสาหร่ายที่ถูกใจพวกเรานั่นเอง!

แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
- ฟุโตะมากิ 太巻き
- โฮโซะมากิ 細巻き
- เทะมากิ 手巻き

2.1 Futomaki ฟุโตะมากิ
คือซูชิม้วนที่มีขนาดใหญ่ สังเกตุได้ว่ามักจะมีไส้หลายไส้อยู่ใน 1 คำ มักจะจัดเสิร์ฟมาเป็นเซ็ตละหลาย ๆ คำ ถือเป็นซูชิที่คุ้มค่าในการกินมาก
Tip : ฟุโตะมากิสามารถใส่ไส้ได้หลากหลาย จึงมีฟุโตมากิสำหรับชาวมังสวิรัติด้วย

2.2 Hosomaki โฮโซะมากิ
คือซูชิม้วนขนาดเล็ก ขนาดพอดีคำ ลักษณะตรงกันข้ามกับ ฟุโตะมากิ คือ มักจะมีเพียงไส้เดียว เหมาะสำหรับคุณผู้หญิง เนื่องจากขนาดที่เล็กและปริมาณไม่เยอะเกิน
Tip : จากการที่ตัวกัปปะชอบกินแตงกวา จึงเป็นที่มาของโฮโซะมากิ ไส้แตงกวาชื่อ “กัปปะมากิ"

2.3 Temaki เทะมากิ
คือซูชิม้วนรูปทรงกรวยขนาดใหญ่ ที่ใส่ไส้อย่างหลากหลายไว้ข้างใน แม้ว่าจะใช้มือในการม้วน แต่ก็ถูกจัดอยู่ในหมวด มากิซูชิ
Tip : แนะนำให้รีบกินหลังจากจัดเสิร์ฟ เพื่อความกรอบของสาหร่ายที่ห่อ
3Inarisushi อินาริซูชิ
Inari Sushi อินาริซูชิ คือซูชิห่อเต้าหูทอด โดยเต้าหู้นั้นจะมีรสหวาน ส่วนตัวข้าวข้างใน มักจะ เป็นข้าวซูชิเปล่า ๆ แต่ในบางสูตรก็อาจมีการผสมไส้อื่น ๆ เพิ่ม เช่น แครอท เห็ด หรือ งา แอบบอกเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ จริง ๆ แล้ว “อินาริ” เป็นชื่อเทพเจ้าของศาสนาชินโตที่มีสุนัขจิ้งจอกเป็นผู้ส่งสาร รูปทรงของเต้าหู้ที่ห่อตรงปลายจึงมีลักษณะคล้ายหูสุนัขจิ้งจอกล่ะ

4Oshisushi โอชิซูชิ
Oshisushi โอชิซูชิ คือซูชิที่ถูกปรุงด้วยการกด ข้าวและหน้าของซูชิ ให้แน่นด้วยกล่องไม้ เป็นซูชิที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในแถบคันไซของญี่ปุ่น (โอซาก้า, นารา, เกียวโต ฯลฯ) โดยถ้าเป็นสูตรต้นตำรับในแถบคันไซ มักใช้วัตถุดิบที่ปรุงสุกแล้ว ถ้าใครเจอแบบนี้ก็ไม่ต้องตกใจไป ขอให้รู้ไว้ว่านี่แหละของแท้แบบดั้งเดิม!

5Chirashisushi จิราชิซูชิ
Chirashisushi จิราชิซูชิ คือซูชิที่จัดเสิร์ฟวัตถุดิบต่างๆ เช่น เนื้อปลา หรือ กุ้ง ลงบนข้าวซูชิ โดยมีทั้งแบบที่จัดวางให้สวยงาม หรือจะหั่นเป็นเต๋าก็ได้ เป็นซูชิที่สั่งครั้งเดียวแต่ได้กินหลายรสชาติ โดยวิธีเรียกจะเปลี่ยนไปตามลักษณะการจัดวางของปลาและข้าวในชาม
แบ่งเป็น 3 แบบใหญ่ ๆ คือ
- บาระซูชิ (หั่นเต๋า)
- จิราชิซูชิ (วางเรียง)
- โกโมคุซูชิ (คลุกเคล้า)

ซูชิที่ยกมาพูดถึงนั้นเป็นแบบเอโดะมาเอะ หรือแบบดั้งเดิม แต่ในปัจจุบันซูชินั้นได้รับการพัฒนาไปอย่างไม่มีขีดจำกัด มีหลากหลายรูปแบบและใช้วัตถุดิบที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสไตล์อเมริกา เช่น California Maki หรือ จะซูชิที่มีส่วนผสมของอโวคาโด แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของซูชิจะเปลี่ยนไป ซูชิก็ยังเป็นอาหารที่ครองใจคนทั่วโลกอยู่ไม่เปลี่ยน
แถมตอนนี้มีข่าวดี! ใครกำลังจะจับจองประสบการณ์มื้ออาหารญี่ปุ่น เปิดจองแล้ว Wongnai Bangkok Restaurant Week 2021 รอบแรกของปีกับร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำที่เข้าร่วมกว่า 40 ร้าน รวบรวมเอา 97 ดีลจากร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่เราคัดสรรอย่างตั้งใจ ให้นักกินได้สัมผัสประสบการณ์การกินอาหารญี่ปุ่นในราคาที่จับต้องได้ในรูปแบบ Full Course Menu 3 ราคา 799 บาท / 1,499 บาท / 2,299 บาท Net ไม่มีบวกเพิ่ม ! แน่นอนว่าเราเตรียมประสบการณ์ที่ดีที่สุดเอาไว้แล้ว ทั้งโอมากาเสะ เทปปันยากิ และซูชิ ในราคาที่ดีที่สุด รับประกันว่าทุกคนจะได้พบกับร้านเด็ด ๆ ดัง ๆ แน่นอน!!

สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าบัตรเครดิต JCB ลดทันที 15% สูงสุด 300 บาท เมื่อซื้อดีล BRW ด้วยบัตรเครดิต JCB (จำกัด 1 สิทธิ์ / 1 บัญชี 1,000 สิทธิ์ ตลอดแคมเปญ และไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชันอื่น ๆ ได้)
ซื้อดีลได้ที่นี่เลย : https://wongnai.app.link/v5PBvX0K4eb
ข้อมูลอ้างอิง
Food Worth Writing For. (2018). "The History of Sushi: From Origins of Necessity to Beloved Dish" [Online]. เข้าถึงได้จาก : https://foodworthwritingfor.com/2018/08/28/the-ascent-of-sushi/ สืบค้นเมื่อ 11 เมษายน 2564
Washoku Clip. (n.d.). "Fermented Sushi, the origin of Sushi" [Online]. เข้าถึงได้จาก : https://www.washokuclip.com/en-product-hayanaresushi/ สืบค้นเมื่อ 11 เมษายน 2564


