1. ร้านเด็ด Best of Wongnai 2015 ร้าน Fine Dining

ร้านเด็ด Best of Wongnai 2015 ร้าน Fine Dining

อัพเดทเมื่อ 26 ม.ค. 2558
ร้านเด็ด Best of Wongnai 2015 ร้าน Fine Dining
สำหรับวันดีๆ โอกาสพิเศษๆ ร้านอาหารที่คู่ควรสำหรับ fine dining ก็ต้องคัดเลือกกันเสียหน่อย บรรยากาศต้องดี อาหารต้องได้ มีร้านไหนกันบ้างที่ เป็นร้านเด็ด Best of Wongnai 2015 หมวด Fine Dining ลองไปดูกัน

ร้านทั้งหมด


เลี่อนลงเพื่อดูอีก 7 สถานที่
ร้านอยู่ไหน? ไปที่นี่ยังไง?
เราปักหมุดสถานที่ไว้ให้แล้ว แค่เปิดแผนที่ก็เจอทันที
สแกนเพื่อเปิด บนแอป Wongnai
ดินเนอร์สุดหรู ท่ามกลางบรรยากาศชิลลๆ ที่สามารถนั่งได้ทั้ง indoor และ outdoor เมนูเด็ดที่อยากจะนําเสนอก็คือ “King Crab Salad” ที่แค่เคี้ยวก็จะได้สัมผัสกับเนื้อปูที่อัดแน่น ยิ่งทาน แกล้มกับสลัดผักด้วยแล้วยิ่งฟินสุดๆ “Wagyu Beef Tenderloin Rossini” เนื้อสันในวากิวย่าง ที่เข้ากับซอสได้อย่างลงตัว และ “Surf & Turf Tower” ทาวเวอร์ที่ด้านบนจะเป็นซีฟู้ด เช่น ล็อบสเตอร์ กุ้ง ก้ามปูอลาสก้า และหอยเชลล์สดๆ ส่วนด้านล่างจะเป็นเนื้อวากิวริบอาย และ ซี่โครงแกะออสเตรเลียน พร้อมผักเครื่องเคียง และมันฝรั่งอบยัดไส้ ขอบอกว่าอร่อยเกินคุ้ม
ตัวร้านมีทั้งโซนเอาท์ดอร์ที่มีหลังคา และโซนเอาท์ดอร์ที่เปิดโล่ง อาหารของที่นี่เป็นอาหารเปรูผสมญี่ปุ่นที่เรียกว่า "นิเคอิ" ที่รับรองได้ว่าหลายๆ คนต้องไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน เช่น “Causa Kani” มันฝรั่งบดผสมซอสพริกเหลือง ท้อปปิ้งด้วย เนื้อปูกับอโวคาโดและไข่นกกระทา ราดด้วยซอส “Huancaina” สูตรเปรู หรือ “Acebichado Roll” ซูชิโรลไส้ปูอัด และอโวคาโดม้วนด้วยปลากะพงสด แล้วท้อปปิ้งด้วยคาลามารี กินคู่กับยำหอมแดง รสจัดสไตล์เปรูที่เสิร์ฟมาคู่กัน ซึ่งถือว่าเป็นทีเด็ดของจานนี้เลยทีเดียว
ร้านอาหารกึ่งบาร์ตอนสายๆ มีเมนูลันช์และ บรันช์อร่อยๆ ส่วนตอนกลางวันก็เสิร์ฟอาหาร อิตาเลียนสไตล์ฟิวชั่น เช่น “24 Hour Marinated BBQ Pork Spareribs” ซี่โครงหมูหมัก กับบาร์บีคิวซอสนาน 24 ชม. หรือ “Spicy Italian Sausage A.O.P Linguine” รสชาติเข้มข้น แล้วพอตกค่ำก็กลายเป็นบาร์เก๋ๆ ให้นั่งดริงค์กันชิลล์ๆ พร้อมเมนูอาหาร เช่น “Grilled Vegetable and Spicy Almond Dip” ผักย่างนานาชนิดกินกับอัลมอนด์ดิปแกล้มกับ “Jelly Sparking Sake” พร้อมฟังเพลงเพราะๆ Jazz, Funk, Soul, Old School, Freestyle พร้อม Live DJ Everyday ในช่วง 3 ทุ่ม – ตี 1
ร้านนี้อยู่สูงถึงชั้นที่ 63 ของโรงแรมเลอบัว เห็นวิวกรุงเทพฯ แบบไกลสุดลูกหูลูกตา ขึ้นชื่อในเรื่องบรรยากาศสุดโรแมนติก แต่ที่ “Sirocco” นอกจากขึ้นชื่อเรื่องความสูงแล้ว เรื่องราคาก็สูงขึ้นชื่อไม่แพ้กัน เบียร์และเครื่องดื่มต่างๆ เริ่มที่ 300 บาท ไปจนถึงเกือบๆ500 บาท ส่วนอาหารที่ถูกสุดคือสลัดจานละประมาณ 500 บาท นอกนั้นอาหารจานละเกิน500-1,000 บาท แทบทั้งสิ้น แต่อาหาร บริการและวิวทิวทัศน์ก็ดีเลิศสมกับราคาที่จ่ายไป ถ้างบน้อยและแค่อยากขึ้นไปชมวิว เท่านั้น ก็เลือกไปที่บาร์สั่งแค่เครื่องดื่มมาดื่ม ชมวิวเพลินๆ ค่าเสียหายไม่เกิน500-1,000 บาท
“The Rain Tree Cafe” เป็นห้องอาหารของโรงแรม Plaza Athenee ที่นี่ให้บริการอาหาร แบบบุฟเฟต์ มีอาหารให้เลือกทานหลากหลายแนว ทั้งอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น อาหารตะวันออก อาหารตะวันตก อาหารตามสั่งแบบ นานาชาติ และอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศ จากประเทศต่างๆ ส่งตรงจากแหล่ง จึงมีเมนูอร่อยให้เลือกทานมากมาย เมนูที่ไม่ควรพลาดแน่ๆ ทุกครั้งที่ไป คือ ฟัวกราส์ และ ช็อกโกแลตฟองดูว์ รวมถึง ปลาคอดแบบซิซิลี, เนื้อในซอสไวน์ และบาร์บีคิวกุ้งมังกร
อีกหนึ่งบุฟเฟต์ที่อยู่ในใจของใครหลายๆ คน เพราะประทับใจในเรื่องความสดของอาหาร ทะเลที่นี่ปลาแซลมอน ปลาโอ ปลาหมึกยักษ์ ปลาซาบะดอง ปลาไหล และสารพัดกุ้งไซส์ต่างๆ รวมทั้งหอยเชลล์ตัวยักษ์ และหอยนางรมสด ที่สําคัญมีฟัวกราส์แบบไม่อั้นไว้ให้คนไม่กลัวอ้วน ได้ลิ้มลองด้วยความคุ้มค่าของการมากินบุฟเฟต์ ที่นี่คือการที่ได้สนุกกับไลน์อาหารนานาชนิด ทั้งร้อน และเย็น ทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารทะเล อาหารปิ้งย่าง สเต็ก พาสต้า สลัด ซุป ขนมปังหลากหลายแบบ และคาราวานของหวานที่คนรักขนมน่าจะถูกใจ
หากจะพูดถึงร้านบุฟเฟต์ที่ให้ความรู้สึกว่า “Work by heart” ต้องที่นี่เลย เพราะพนักงานบริการยอดเยี่ยม บรรยากาศก็หรูหรา ไลนอ์าหารของที่นี่เป็น International Buffet ซึ่งมีไลน์ อาหารต่างๆ ให้เลือกมากมาย อาทิ อาหารญี่ปุ่น, มุมสลัดบาร์, มุมซีฟู้ด , มุมขนมเค้ก เบเกอรี่ และ โฮมเมด พระเอกของที่นี่ต้องยกให้ “Oyster on Ice” หอยนางรมสดๆ ตัวใหญ่ น้้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ ส่วน “Foie Gras” ก็ทอดออกมาแบบข้างนอก กรอบ แต่เวลาเคี้ยวแล้วละลายในปากเลยทีเดียว สําาหรับเครื่องดื่ม มี Cocktail 3 ชนิดให้เลือก คือ Fruit Punch, Peach และ Blue Sky
เป็นร้านที่คนชอบสเต็กเนื้อไม่ควรพลาด เพราะเนื้อที่นี่จัดมาแบบหนาๆ ชิ้นโตๆ และมีให้ เลือกทั้ง USDA Prime, Black Angus Beef และ USDA Choice สําหรับคนไม่กินเนื้อก็มีปลา, ไก่ และหมูให้เลือก ส่วนเมนูเด่นของร้าน ที่ไม่ควรพลาด คือ “USA Black Angus Ribeye (350 g.) & USA Black Angus New York Strip Loin (300 g.)” สเต็กที่นําเนื้อไปย่างกําลังดีจนกรอบนอกนุ่มใน หรือ “Warm Goat Cheese Salad” ที่ใช้ชีสนมแพะนุ่มๆ มาจับคู่กับสลัดออกเปรี้ยวและ “Caramel Vodka” ที่เอาคาราเมลไปเคี่ยวแล้วราดด้วยวอดก้าเย็นๆ ส่งกลิ่นหอม
4.0
105 รีวิว฿฿฿฿
ร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในใจกลางพื้นที่ธุรกิจพลุกพล่าน แต่เมื่อเดินเข้าไปในร้านแล้ว เหมือนกับเวลาหยุดหมุน และย้อนกลับไปวันวาน เพราะแนวคิดสําคัญในการตกแต่งร้านคือ การนําภาพอดีตอันอบอุ่นแบบไทยจีน และโรงงานเย็บผ้ามาหลอมรวมเป็นร้านสไตล์วินเทจ รวมทั้งเมนูอาหาร และการตั้งชื่อก็มีกลิ่นอายวินเทจเช่นเดียวกัน อาทิ “A Can’t Resist Pancake” แพนเค้กกับเป็ดตุ๋นอบกรอบ และสลัดผักร็อกเก็ต “Graflax Salad” สลัดแซลมอน “Penne Beef Tongue Bordelais Sauce” ลิ้นวัวนุ่มลิ้น เคล้ากับซอสเข้มและไวน์รสหวาน
4.4
111 รีวิว฿฿฿฿฿
รู้จักกันดีว่าเป็นร้านอาหารที่เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ “น้ำแร่ ” เพราะเป็นที่รวบรวมนําน้ำแร่ทั่วทุกมุมโลกกว่า 30 ยี่ห้อ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่190-300บาท โดยขวดน้ำแร่จะวางเรียงรายอยู่บนชั้นสูงหลังเคาน์เตอร์บาร์ ส่วนเมนูอาหารก็เป็นการผสมผสานของอาหารตะวันออกและตะวันตกที่เข้ากันอย่างลงตัว เช่น เต้าหู้ซอสฟัวกราส์ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน หรือไข่ออนเซ็นกับบอสตันล็อบสเตอร์และหอยเชลล์แคนาเดียนกับเเจแปนนิส คิง แครบนอกจากนี้ยังมีไวน์ชั้นเลิศ และเครื่องดื่มสีสันสวยสดใสนานาชนิดให้เลือกดื่มอีกด้วย
“La Ferme” ร้านยอดนิยมในพัทยา ที่ใครๆ ก็อยากมา อยากชิม ด้วยการตกแต่งภายในร้านที่สวยงาม ในสไตล์ Modern French ได้บรรยากาศโรแมนติก มีให้เลือกนั่งทั้งในห้องปรับอากาศ และด้านนอกให้รับลมชมวิวอีกด้วย ที่นี่มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ผสมผสานความเป็นฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และเอเชียเข้าไว้ด้วยกัน มีเมนูแนะนํา อาทิ“ไก่ลาเฟรม” ไก่อบสูตหมักเครื่องเทศรสจัด หนังด้านนอกกรอบแต่เนื้อข้างในชุ่มฉ่ำทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว รสชาติเด็ดเกินจะบรรยาย
3.7
1754 รีวิว฿฿
อร่อยกับทั้งอาหารไทยและอาหารอิตาเลียนในคราวเดียวกัน อาทิ“Look-in Pizza” พิซซ่าที่ท้อปปิ้งด้วยเปปเปอโรนีเห็ด แฮมและผักโขมและ หน้า “Hawaiian” ที่ท้อปปิ้งด้วย แฮม กุ้งสับปะรด และพริกระฆังเหลืองแดง ซึ่งลูกค้าสามารถสั่งพิซซ่าหน้าเดียว หรือจะผสมกัน2-4หน้าก็ได้แล้วยังมีทีเด็ดประจํา ร้าน ที่ร้านอื่นไม่มีนั่นคือ “พิซซ่าหน้ากล้วย” ใช้กล้วยหอมท้อปปิ้งหน้าพิซซ่าแล้วโรยด้วยถั่วทอง ให้อารมณ์เหมือนของหวานตามด้วยเมนูอาหารไทย เช่นลาบหมูข้าวผัดลูกอิน แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดวุ้นเส้นเมี่ยงลูกอิน และต้มข่าไก่
4.0
319 รีวิว฿฿฿฿
ร้านพิซซ่าสไตล์อิตาเลียนที่ใช้แป้งพิซซ่าบางกรอบอบด้วยเตาถ่านแบบอิตาเลียนแท้ๆ พร้อมหน้าพิซซ่าสไตล์อิตาเลียนหลากหลายชนิด อาทิแซลมอน, กัลโซเน่เบคอน & ชีสรมควัน, โฟร์ซีซั่น 4 หน้าในหนึ่งเดียว, คลาสสิคสุพรีม, พาร์มาแฮม & ร็อคเก็ตนอกจากนี้ยังมีเมนูเสต็ก พาสต้า และอาหารฝรั่งให้เลือกอีกมากมาย ใครที่ชอบอาหารไทย - จีน เวียดนาม และเบเกอรี่อร่อยๆ ที่นี่ก็มีให้เป็นร้านที่สามารถพาครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนฝูงมากินเลี้ยงได้อย่างสบายๆ เพราะบรรยากาศของร้านกว้างขวางเป็นกันเอง และมีมุมของเล่นสําหรับเด็กๆ โดยเฉพาะด้วย

Gaggan

1.9k
ร้านอาหารอินเดียแนวใหม่สไตล์ “Molecular Gastronomy” ของเชฟ “Gaggan Anand” ที่ตกแต่งแบบเรียบง่ายโดยใช้สีขาวทั้งหมดจุดเด่น คือ อาหารสไตล์ “Molecular Gastronomy” ที่นําหลักการทางวิทยาศาสตร์มาสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับอาหาร อาทิ “Yoghurt Explosion” ที่ใช้ เทคนิค “Spherification” มาทําให้โยเกิร์ตเหลวๆ จับตัวเป็นก้อนดูเด้งดึ๋งพอเอาเข้าปากปั๊บ โยเกิร์ตก็จะแตกโพละในปาก หรือ เมนูสุดแปลกอย่าง “Viagra” ที่นําหอยนางรมสดกับไอศกรีม “Horse Radish” รสเผ็ดมาผสานกับแอปเปิ้ลหมักส้มยูสุและ เครื่องเทศ จนกลายเป็นความอร่อยที่ลงตัว