1. Best of Wongnai 2015 ร้านบรรยากาศดี

Best of Wongnai 2015 ร้านบรรยากาศดี

อัพเดทเมื่อ 26 ม.ค. 2558
Best of Wongnai 2015 ร้านบรรยากาศดี
รวมร้านบรรยากาศดี ทั้งที่มีการตกแต่งภายในร้านสวยๆ เจ๋งๆ แบบนั่งชิลรับลมธรรมชาติ outdoor และร้านบน rooftop ยอดตึกวิวดีสุดโรแมนติก ลองมาดูกันว่าร้านบรรยากาศดีๆ ร้านไหน ที่ได้ตรา Best of Wongnai 2015 แล้วจะได้ไปชิลกัน !

ร้านทั้งหมด


เลี่อนลงเพื่อดูอีก 14 สถานที่
ร้านอยู่ไหน? ไปที่นี่ยังไง?
เราปักหมุดสถานที่ไว้ให้แล้ว แค่เปิดแผนที่ก็เจอทันที
สแกนเพื่อเปิด บนแอป Wongnai
เช็กอินร้านเปิดใหม่สุดเท่ย่านเจริญกรุง 28 “Irvin Brew & Beat” คาเฟ่ & ร้านอาหารไทยสไตล์ฟิวชัน ที่ผสมความวินเทจเข้ากับความอาร์ตได้อย่างลงตัว ภายในอาคารเก่าแก่ 100 ปี ที่ถูกตกแต่งใหม่ให้ดูอบอุ่นและสบายตา ยามเช้าเสิร์ฟกาแฟฟิวชันหอมกรุ่นอย่างกาแฟเพชรบุรี หอมตาลโตนดและกะทิ กลางวันเต็มอิ่มกับอาหารไทยฟิวชันรสจัดจ้านอย่างขนมจีนสูตรคุณย่า 50 ปี ยามเย็นสนุกสนานกับ Live DJ ทุกคืน ที่เดียวตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
“Audrey Cafe & Bistro” ตกแต่งด้วยสไตล์ เรียบง่ายแบบฝรั่งเศส แต่แฝงไว้ด้วยเสน่ห์เย้ายวนด้วยโทนสีขาว ชั้นแรกเป็นโซนไลฟ์สไตล์ สําหรับนั่งทานอาหาร ชั้นสองเป็น Private โซน ส่วนหน้าร้านจัดให้มีสวนเล็กๆ เป็นแบบ Open Air เหมาะแก่การมานั่งกินชิลล์ๆ รับลมหนาว เมนูที่มาแล้วไม่ควรพลาด คือ “ซูเฟล่ปู” เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสบรั่นดี “พิซซ่าหน้าต้มยำกุ้ง” ที่แป้งบางกรอบเหมือนแป้งโรตี, “Roti Tissue สังขยาชาไทย” แผ่นแป้งโรตีทอด ทานคู่กับสังขยาชาไทย เข้ากับไอศกรีมวานิลลาลูกเล็กๆ ที่มาด้วยกันในจานได้เป็นอย่างดี
คาเฟ่น้องใหม่มาแรง เอาใจคนรักน้องหมีด้วยของตกแต่งทุกอย่างเกี่ยวกับหมีตั้งแต่คุ้กกี้หมี พายหมี กระจกหมี ไปจนถึงก๊อกน้ำ รูปหมี ร้านนี้มีเมนูอาหารเช้า เครื่องดื่ม และเบเกอรี่โฮมเมดให้ได้เลือกอิ่มอร่อยกันแบบหลากหลาย เช่น Teddy Bear Pie พายเนยสดที่อัดแน่นไปด้วยความอร่อยของเนื้อไก่ที่ถูกปรุงรสไว้อย่างเข้มข้น รวมทั้งเครื่องเทศต่างๆ ที่ใส่ลงไปข้างใน
ภายในร้านมีบรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าร้าน ภายในจะมีโซนร้านหนังสือ คือ “ก็องดิด” ที่มีหนังสือให้เลือกซื้อเลือกอ่านมากมาย และโซนร้านกาแฟ คือ “Li-bra-ry”เป็นร้านในเครือเดียวกันกับร้านกาแฟชื่อดังย่านพระรามเก้า ที่มีเมนูซิกเนเจอร์อย่าง “Library Waffle” วาฟเฟิลสีเขียวรูปร่างคล้ายดอกบัว หากไปที่นี่ลองสั่งเอสเพรสโซ่ร้อนๆ มากินคู่กับ “Brownie Donut” โดนัทสีช็อกโกแลตอันเล็กๆ ที่มาในเข่งขนมจีบ และเสิร์ฟพร้อมซอสช็อกโกแลตที่จะจุ่มหรือจะราดก็ตามแต่ใจ มาร้านนี้กินไปอ่านหนังสือไป มองธรรมชาติสีเขียวโดยรอบไป สุขใจเสียจริง
"ท่ามกลางร้านอาหารมากมายใน “Asiatique The Riverfront” แหล่งช้อปปิงริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีร้านอาหารไทยฟิวชั่นคาแรคเตอร์ชัดเจนอย่าง ร้าน“Checkmate bar &Bistro” ที่ดีไซน์ร้านในโทนขาวดำลายตารางหมากรุก โดดเด่นด้วย บาร์ขนาดใหญ่ส่องแสงระยิบระยับ มีเสียงดนตรี จากนักร้องมีชื่อเสียงคอยขับกล่อม กับเมนูเด็ด ห้ามพลาดอย่าง “สเต็กไก่ย่างซอสมัสมั่นมูส” เนื้อนุ่มจากการสโลว์คุ้กกิ้งบวกมูสมันบดหอม ๆ หรือ“กุ้งภูเขาไฟ” และ “เส้นใหญ่ผัดฉ่ารุกฆาต” แค่น้ีก็สร้างความประทับใจให้ค่ำาคืนริมแม่น้ำา เจ้าพระยาที่แสนพิเศษของคุณได้แล้ว"

Gaggan

1.9k
ร้านอาหารอินเดียแนวใหม่สไตล์ “Molecular Gastronomy” ของเชฟ “Gaggan Anand” ที่ตกแต่งแบบเรียบง่ายโดยใช้สีขาวทั้งหมดจุดเด่น คือ อาหารสไตล์ “Molecular Gastronomy” ที่นําหลักการทางวิทยาศาสตร์มาสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับอาหาร อาทิ “Yoghurt Explosion” ที่ใช้ เทคนิค “Spherification” มาทําให้โยเกิร์ตเหลวๆ จับตัวเป็นก้อนดูเด้งดึ๋งพอเอาเข้าปากปั๊บ โยเกิร์ตก็จะแตกโพละในปาก หรือ เมนูสุดแปลกอย่าง “Viagra” ที่นําหอยนางรมสดกับไอศกรีม “Horse Radish” รสเผ็ดมาผสานกับแอปเปิ้ลหมักส้มยูสุและ เครื่องเทศ จนกลายเป็นความอร่อยที่ลงตัว
แฮงก์เอาท์อย่างมีระดับที่ “Hyde & Seek Gastro Bar” ในร้านบรรยากาศสุดแสนคลาสสิก แบบยุโรป ที่ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดี พร้อมลิ้มรสชาติ อาหารจากเชฟชื่อดังของเมืองไทยอร่อย กับสุดยอดเมนูจาก “เชฟเอียนกิตติชัย ” และ “เชฟปีเตอร์ พิทักษ์วงศ์” ที่ได้นับความนิยมสุดๆ เช่น Salad My Way, Atlantic Salmon at 48.8C, Wagyu Beef Yankee Burger,12 Hours Braised Pork Belly และยังมีค็อกเทลอร่อยๆ การันตี รางวัลที่ 1 ระดับประเทศ หรือพรีเมี่ยม เบียร์นําเข้าให้ดื่มด่ำอีกด้วย
4.0
105 รีวิว฿฿฿฿
เป็นร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในใจกลางพื้นที่ธุรกิจพลุกพล่าน แต่เมื่อเดินเข้าไปในร้านแล้ว เหมือนกับเวลาหยุดหมุน และย้อนกลับไปวันวาน เพราะแนวคิดสําคัญในการตกแต่งร้านคือ การนําภาพอดีตอันอบอุ่นแบบไทยจีน และโรงงานเย็บผ้ามาหลอมรวมเป็นร้านสไตล์วินเทจ รวมทั้งเมนูอาหาร และการตั้งชื่อก็มีกลิ่นอายวินเทจเช่นเดียวกัน อาทิ “A Can’t Resist Pancake” แพนเค้กกับเป็ดตุ๋นอบกรอบ และสลัดผักร็อกเก็ต “Graflax Salad” สลัดแซลมอน “Penne Beef Tongue Bordelais Sauce” ลิ้นวัวนุ่มลิ้น เคล้ากับซอสเข้มและไวน์รสหวาน
“La Ferme” ร้านยอดนิยมในพัทยา ที่ใครๆ ก็อยากมา อยากชิม ด้วยการตกแต่งภายในร้านที่สวยงาม ในสไตล์ Modern French ได้บรรยากาศโรแมนติก มีให้เลือกนั่งทั้งในห้องปรับอากาศ และด้านนอกให้รับลมชมวิวอีกด้วย ที่นี่มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ผสมผสานความเป็นฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และเอเชียเข้าไว้ด้วยกัน มีเมนูแนะนํา อาทิ“ไก่ลาเฟรม” ไก่อบสูตหมักเครื่องเทศรสจัด หนังด้านนอกกรอบแต่เนื้อข้างในชุ่มฉ่ำทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว รสชาติเด็ดเกินจะบรรยาย
“ขนมมาการอง” ของที่นี่ ต้องบอกว่าอร่อยไม่แพ้ใคร เพราะผิวนอกมีความกรอบแต่ก็ยังมีความนุ่มชุ่มฉ่ำอยู่ข้างใน บวกกับไส้รสชาติต่างๆ ที่ผ่านการคิดสร้างสรรค์มาแล้วเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ “มาการองรสค็อกเทล” ที่หยิบเอาเครื่องดื่มต่างๆ มาสร้างสรรค์ให้เป็นรสชาติของมาการอง มาการอง เช่น Mojito และ Baileys นอกจากน้ียังมีการจับคู่รสชาติ ต่างๆ เข้าด้วยกันออกมาเป็น รสชาติใหม่ๆ ที่ลงตัว เช่น "Mint and Chocolate Drop" และ "Rose and Vanilla" นอกจากจะมีขายที่ช็อปสาขาสยามพารากอนแล้ว ยังมีขายที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ อีกที่หนึ่งด้วย
ร้าน “Mekiki No Ginji” เป็นร้านที่มีที่มาดั้งเดิมจากโอกินาวาแท้ๆ เหมือนต้นตํารับเป๊ะๆ เช่น “มาสึซูชิ" ซูชิเนื้อญี่ปุ่นแท้ๆ ย่างไฟเล็กน้อย แล้วราดด้วยซอสญี่ปุ่นรสเข้มข้น หรือ “Salmon Oshi Sushi” ซูชิหน้าปลาแซลมอนอะบุริ ราดด้วยมายองเนสแล้วโรยหน้าด้วยต้นหอมซอย และซาชิมิสดๆ ที่มีของทะเลนําเข้าจากหลายถิ่นในญี่ปุ่นให้เลือกกมากมายหลายชนิด เช่น ล็อบสเตอร์, ปูขน, ไข่หอยเม่น, หอยเชลล์ฮอกไกโด และหอยนางรม
ร้านอาหารกึ่งบาร์ตอนสายๆ มีเมนูลันช์และ บรันช์อร่อยๆ ส่วนตอนกลางวันก็เสิร์ฟอาหาร อิตาเลียนสไตล์ฟิวชั่น เช่น “24 Hour Marinated BBQ Pork Spareribs” ซี่โครงหมูหมัก กับบาร์บีคิวซอสนาน 24 ชม. หรือ “Spicy Italian Sausage A.O.P Linguine” รสชาติเข้มข้น แล้วพอตกค่ำก็กลายเป็นบาร์เก๋ๆ ให้นั่งดริงค์กันชิลล์ๆ พร้อมเมนูอาหาร เช่น “Grilled Vegetable and Spicy Almond Dip” ผักย่างนานาชนิดกินกับอัลมอนด์ดิปแกล้มกับ “Jelly Sparking Sake” พร้อมฟังเพลงเพราะๆ Jazz, Funk, Soul, Old School, Freestyle พร้อม Live DJ Everyday ในช่วง 3 ทุ่ม – ตี 1
4.2
113 รีวิว฿฿฿฿฿
ร้านอาหารที่นําเอาเอกลักษณ์ จุดเด่นของอาหารแต่ละสัญชาติมามิกซ์ ผสมผสานรวมกันได้อย่างลงตัว จนก่อให้เกิดอาหารที่มีความยูนีคไม่ซ้ำแบบใคร ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่ว่า “ไม่ใช่แค่อาหาร แต่ทุกคําคือประสบการณ์” หนึ่งในเมนูเด็ดของร้าน คือ “เนื้อเซอร์ลอยน์ย่างราดซอสซอสพะแนงที่ผสมผสานระหว่างอาหารยุโรปและอาหารไทย โดยนํา เนื้อเซอร์ลอยน์ออสเตรเลียนเกรดเอที่ย่างสุกกําลังดีจนได้เนื้อนุ่มๆ ทานกับซอสพะแนงแบบไทยๆ ที่มีความอร่อยกลมกล่อมแบบครบเครื่อง
4.4
111 รีวิว฿฿฿฿฿
รู้จักกันดีว่าเป็นร้านอาหารที่เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ “น้ำแร่ ” เพราะเป็นที่รวบรวมนําน้ำแร่ทั่วทุกมุมโลกกว่า 30 ยี่ห้อ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่190-300บาท โดยขวดน้ำแร่จะวางเรียงรายอยู่บนชั้นสูงหลังเคาน์เตอร์บาร์ ส่วนเมนูอาหารก็เป็นการผสมผสานของอาหารตะวันออกและตะวันตกที่เข้ากันอย่างลงตัว เช่น เต้าหู้ซอสฟัวกราส์ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน หรือไข่ออนเซ็นกับบอสตันล็อบสเตอร์และหอยเชลล์แคนาเดียนกับเเจแปนนิส คิง แครบนอกจากนี้ยังมีไวน์ชั้นเลิศ และเครื่องดื่มสีสันสวยสดใสนานาชนิดให้เลือกดื่มอีกด้วย
จากแนวคิด Dinging in the Park พื้นที่กว้างกว่า 16 ไร่บนถนนเกษตร - นวมินทร์จึงถูกเนรมิตให้กลายเป็น “Chocolate Ville” เมืองที่อิงรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก ให้ความรู้สึกเหมือนมาเดินเล่นในหมู่บ้านน่ารักๆ แห่งหนึ่งในยุโรป ส่วนเมนูอาหารนั้นค่อนข้างหลากหลายและผสมผสานกันหลายแบบทั้งอาหารไทย, จีน, ยุโรป หรือแม้แต่อาหารฟิวชั่นก็มากันครบ ไปถึงแล้วห้ามพลาด “Original Spare Ribs” ซี่โครงหมู คุโรบูตะเนื้อนุ่มหรือจะลองสั่งเป็น“เมี่ยงหอยแครงหมี่ม้วน” ก็เคี้ยวหนึบหนับเพลินเจริญใจเป็นที่สุด
ร้านอาหารสีขาวสะอาด เป็นเรือนกระจกใสแจ๋วที่ตกแต่งแบบ EnglishCountry ผสมผสานสไตล์ Vintage ท่ามกลางป่าสน ริมทะเลสีครามแสนสวย ซึ่งเมื่อมาถึง “Glass House” ทั้งทีต้องไม่พลาดเมนูฮอตฮิตที่ไม่ว่าโต๊ะไหนๆ ก็สั่งอย่าง “หอยตลับ ผัดซอสโหระพา” ที่นําหอยตลับสดๆ ตัวใหญ่มาผัดกับโหระพา เวลากินจะได้กลิ่นหอมของใบโหระพากับเนื้อของหอยตลับที่มีซอสรสกลมกล่อมซึมซับอยู่ด้านใน และ “ปลาหมึกทอดกระเทียม” ที่ใช้ปลาหมึกไข่สด ตัวใหญ่ มาทอดให้มีความกรอบนิดๆ กินกับกระเทียมและข้าวสวยร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใคร
ร้านอาหารสไตล์ คอมเทมโพรารี รีสอร์ทที่มีบึงน้้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบ บนพื้นที่กว่า 15 ไร่ พร้อมห้องคาราโอเกะกลางน้ำ 12 ห้อง จุคนได้ 10 - 40 คน ซึ่งแต่ละห้องจะตกแต่งในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป และทุกห้องจะมีจอพลาสม่ากับเครื่องเสียง JBL ให้ร้องเพลงจัดเต็มกันได้อย่างจุใจ ส่วนอาหารก็มีทั้งอาหารไทยแท้และอาหารนานาชาติหลากหลายเมนูให้เลือก เช่น แกงส้มชะอมไข่, กุ้งแช่น้ำปลา, ห่อหมก, ลาบทอด, ขาหมูเยอรมัน และหอยเชลล์อบเนย เป็นร้านอาหารบรรยากาศดีที่เหมาะแก่การมานั่งรับลม และสังสรรค์กับเพื่อนๆ
ร้านอาหารนานาชาติที่เนรมิตพื้นที่กว่า 22 ไร่ ริมถนนอุทยาน ให้กลายเป็นบ้านสไตล์ยูโรเปียนคันทรีงดงามหยดย้อย ทําให้มีมุมไว้ให้เก็บภาพความประทับใจเพียบ แถมในโซนเอาท์ดอร์ยังแบ่งพื้นที่สัตว์เลี้ยงเอาไว้ให้เด็กๆ ได้ชมกันเพลินๆ อีกต่างหาก สวนเมนูแนะนํา ที่ห้ามพลาด คือ “ขาหมูเยอรมัน” ที่คัดแต่เนื้อแน่นๆ มาทอดจนกรอบนอกนุ่มใน เด็ดจนสั่งกันแทบทุกโต๊ะ หรือจะลองเมนู “ยํากุ้งฟู” ที่ใช้กุ้งก้ามกรามเนื้อเด้ง ๆ ราดด้วยน้ำยํามะม่วงรสจัดจ้านถึงใจ ส่วนใครที่ชอบชีสๆเนยๆ ไม่ต้องน้อยใจ เพราะลาซานญ่าผักโขมร้านนี้ก็อร่อยไม่แพ้ใครเช่นกัน
ตัวร้านมีทั้งโซนเอาท์ดอร์ที่มีหลังคา และโซนเอาท์ดอร์ที่เปิดโล่ง อาหารของที่นี่เป็นอาหารเปรูผสมญี่ปุ่นที่เรียกว่า "นิเคอิ" ที่รับรองได้ว่าหลายๆ คนต้องไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน เช่น “Causa Kani” มันฝรั่งบดผสมซอสพริกเหลือง ท้อปปิ้งด้วย เนื้อปูกับอโวคาโดและไข่นกกระทา ราดด้วยซอส “Huancaina” สูตรเปรู หรือ “Acebichado Roll” ซูชิโรลไส้ปูอัด และอโวคาโดม้วนด้วยปลากะพงสด แล้วท้อปปิ้งด้วยคาลามารี กินคู่กับยำหอมแดง รสจัดสไตล์เปรูที่เสิร์ฟมาคู่กัน ซึ่งถือว่าเป็นทีเด็ดของจานนี้เลยทีเดียว
ดินเนอร์สุดหรู ท่ามกลางบรรยากาศชิลลๆ ที่สามารถนั่งได้ทั้ง indoor และ outdoor เมนูเด็ดที่อยากจะนําเสนอก็คือ “King Crab Salad” ที่แค่เคี้ยวก็จะได้สัมผัสกับเนื้อปูที่อัดแน่น ยิ่งทาน แกล้มกับสลัดผักด้วยแล้วยิ่งฟินสุดๆ “Wagyu Beef Tenderloin Rossini” เนื้อสันในวากิวย่าง ที่เข้ากับซอสได้อย่างลงตัว และ “Surf & Turf Tower” ทาวเวอร์ที่ด้านบนจะเป็นซีฟู้ด เช่น ล็อบสเตอร์ กุ้ง ก้ามปูอลาสก้า และหอยเชลล์สดๆ ส่วนด้านล่างจะเป็นเนื้อวากิวริบอาย และ ซี่โครงแกะออสเตรเลียน พร้อมผักเครื่องเคียง และมันฝรั่งอบยัดไส้ ขอบอกว่าอร่อยเกินคุ้ม
ร้านนี้อยู่สูงถึงชั้นที่ 63 ของโรงแรมเลอบัว เห็นวิวกรุงเทพฯ แบบไกลสุดลูกหูลูกตา ขึ้นชื่อในเรื่องบรรยากาศสุดโรแมนติก แต่ที่ “Sirocco” นอกจากขึ้นชื่อเรื่องความสูงแล้ว เรื่องราคาก็สูงขึ้นชื่อไม่แพ้กัน เบียร์และเครื่องดื่มต่างๆ เริ่มที่ 300 บาท ไปจนถึงเกือบๆ500 บาท ส่วนอาหารที่ถูกสุดคือสลัดจานละประมาณ 500 บาท นอกนั้นอาหารจานละเกิน500-1,000 บาท แทบทั้งสิ้น แต่อาหาร บริการและวิวทิวทัศน์ก็ดีเลิศสมกับราคาที่จ่ายไป ถ้างบน้อยและแค่อยากขึ้นไปชมวิว เท่านั้น ก็เลือกไปที่บาร์สั่งแค่เครื่องดื่มมาดื่ม ชมวิวเพลินๆ ค่าเสียหายไม่เกิน500-1,000 บาท