Food or drink of Party House One Siam@Siam Design Hotel & Spa
อาหารไทยฟิวชั่นสไตล์ฝรั่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมงาน Wongnai Testing ณ ห้องอาหาร “Party House 1” ณ โรงแรม Siam@siam สามารถนั่ง BTS มาลงได้ที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาตินั่นเอง ปกติที่ห้องอาหารนี้จะมีบุฟเฟ่ด้วยนะครับ แต่ว่าจะเป็นช่วงกลางวัน ในสำหรับช่วงเย็นนี้ทางร้านจะแนะนำเป็น a la carte เป็นแนวอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่น โดยรสชาติของอาหารจะไม่เน้นหนักเครื่องเทศหรือพริกเพื่อความแซ่บ แต่จะเน้นรสชาติที่กลางๆ เพื่อที่ชาวต่างชาติจะสามารถรับประทานได้นั่นเอง และวันนี้เราก็ได้รับเกียรติจากเชฟมือหลักของร้านอย่างเชฟ “เทพ” มาเนรมิตอาหารเพื่อสำหรับงานนี้โดยเฉพาะนั่นเอง จะมีอะไรบ้างนั้น ผมจะขอแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ออเดิร์ฟ เมนูหลัก และของหวาน เรามาดูกันดีกว่าครับ - ออเดิร์ฟ 1. ลาบปีกไก่ทอด: หอมเครื่องเทศที่นำไปคลุกเคล้า ส่วนไก่ก็นุ่มและกรอบนิดๆ เมนูนี้ไม่เหมาะกับคนใส่เหล็กดัดฟัน ซึ่งถ้าจะทานควรจะใช้ส้อมและช้อนด้วยครับ เสียดายที่ทำทิ้งไว้สักพักนึง ถ้าทานตอนร้อนๆจะอร่อยมาก 2. คอหมูย่าง: เนื้อที่ใช้จะเป็นส่วนคอ นำไปหมักและนำไปย่าง รสชาติค่อนข้างใช้ได้ครับ แต่ยังไม่ถึงขั้นว่าเด็ดครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะว่าย่างทิ้งไว้แล้วค่อยนำมาเสิร์ฟครับ ทานคู่กับผักสดและจิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วสูตรประจำร้าน ที่มีรสชาติของซอสมะขามหน่อยๆ กลมกล่อมและช่วยให้เนื้ออร่อยขึ้นครับ 3. ลาบคั่ว: เมนูออเดิร์ฟสุดพีค เนื่องจากใช้พริกลาบของภาคเหนือ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องเทศเกือบ 10 ชนิด ให้ความอร่อยที่แปลกไปกว่าปกติ ทั้งกลิ่นของเครื่องเทศ ความเผ็ดที่ออกร้อนมากกว่าแสบ และความกลมกล่อมที่ลงตัว การันตีได้เลยว่าเมนูนี้ไม่ควรพลาดครับ 4. ส้มตำถาด: ถ้าหากทานอาหารแนวนี้แล้ว ยังไงก็ต้องมีส้มตำนั่นเอง จะประกอบด้วยส้มตำ ลาบปีกไก่ทอด หมูยอหั่นบาง แคปหมู และไข่ต้ม โดยรวมแล้วถือว่ารสชาติใช้ได้เลยครับ ตัวส้มตำค่อนข้างจะนัวแต่ยังไม่สุด เพราะจะออกไปทางเผ็ดมากกว่า 5. ต้มมะดัน: เป็นเมนูอีกอันนึงที่เสียดายมากๆ เพราะว่าตอนนำมาเสิร์ฟเย็นแล้ว ถ้าทานตอนร้อนๆจะอร่อยมากครับ ประกอบด้วยมะดันและเครื่องต้มยำ นำมาต้มคล้ายๆกับอ่อม แต่รสชาติจะอ่อนกว่า และใส่หมึกยัดไส้โดยในที่นี้จะเป็นหมูสับ ตัวปลาหมึกนิ่มมากๆเลยครับ น้ำซุปจะออกเปรี้ยวๆหวานๆ ไม่กระโดดไปเลยเหมือนมะนาวครับ โดยรวมแล้วถือว่าดีครับ ถ้าร้อนกว่านี้ เมนูนี้อาจจะเป็น Signature ของร้านได้เลย 6. Thai delicatessence: ออเดิร์ฟปิดท้ายก่อนขึ้นเมนูหลัก ประกอบด้วย แหมปั่นเป็นก้อนๆ ที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติเครื่องเทศ หมูยอรสชาติใช้ได้ ไส้อั่วรสชาติออกหนักเครื่องเทศ และไส้กรอกข้าวที่ออกเปรี้ยวๆหน่อยๆ โดยรวมแล้วถือว่าใช้ได้ครับ เสียอย่างเดียว ไม่ร้อนครับ T_T - เมนูหลัก 1. พิซซ่าลาบเนื้อ: เมนูหลักสุดแซ่บที่มาร้านนี้แล้วไม่ควรพลาด เนื่องด้วยเมนูนี้อาจจะรสชาติค่อนข้างจัดอย่างที่ได้เกริ่นไปในข้างต้น เพราะว่าลาบนี้ใช้เครื่องเทศชุดเดียวกันกับลาบคั่ว แต่จัดหนัก จัดเต็ม ทั้งเผ็ดร้อนและเผ็ดแซ่บไปทั่วทั้งปาก ตัวแป้งพิซซ่าค่อนข้างกรอบไม่เหนียวทานง่าย ชีสใส่แบบจัดหนักจัดเต็ม ยืดได้ยืดดีครับ และส่วนเนื้อวัวจะนำมาสับเป็นเนื้อสับ ซึ่งไม่เหนียวและทานง่ายมากๆครับ และไม่จำเป็นต้องราดซอสหรืออะไรเพิ่มเลย เนื่องจากเมนูนี้ลงตัวตั้งแต่ทำเสร็จแล้วครับ ความกรอบ กลมกล่อม เผ็ด ครบครับ 2. ฉู่ฉี่แซลมอน: ฉู่ฉี่แซ่บๆ กลมกล่อมกับกะทิสดๆ เข้ากับตัวปลาแซลมอนที่ทำสุกแล้ว รสชาติเข้มข้นด้วยเครื่องเทศหอมๆ ทานกับข้าวสวยแล้วฟินมากๆครับ 3. มัสมั่นแกะ: เมนูสัตว์ใหญ่อีกอย่าง ที่นำขาแกะไปต้มในน้ำมัสมั่น รสชาติความเข้มข้นของมัสมั่นที่หวานและกลมกล่อม สามารถฟิวชั่นรวมกับรสชาติแบบนมๆจากเนื้อแกะ ทำให้เมนูนี้มีความครบถ้วนทั้งหอมหวานและมันครับ 4. กุ้งอบวุ้นเส้น: กุ้งอบในหม้อดินพร้อมกับวุ้นเส้น รสชาติจะกลางๆ ไม่ได้เด่นไปทางไหน แต่ที่เด็ดคงจะเป็นความนุ่มของวุ้นเส้นและรสชาติที่เค็มกลางๆไม่หนักเกินไป สามารถเข้ากันได้ดีครับ 5. Siam capellini: หรืออีกชื่อนึงคงจะเป็นหมี่ซั่วผัดนั่นเอง รสชาติจะไม่ได้ออกเค็ม จะออกหอมและมันๆ ผสมกับเครื่องเทศของไทย ใบกะเพรา เป็นเมนูฟิวชั่นที่แปลกและอร่อยดีครับ 6. ข้าวผัดหยางโจว: ปิดท้ายเมนูหลักกับข้าวผัดหอมๆ ที่จัดหนักทั้งรสชาติที่ให้ความหอมแบบไม่ต้องปรุงแต่ง กับกุ้งสดที่นำไปหมักในแป้งเพื่อให้กุ้งตัวใสและกรอบๆขณะทาน นอกจากนี้ยังมีหมูแดงรสชาติดีโรยอยู่ด้านบนด้วยครับ เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยครับ - ของหวาน 1. ข้าวเหนียวมะม่วง: มะม่วงน้ำดอกไม้ที่ไม่ได้หวานเพียงอย่างเดียว จะออกเปรี้ยวๆนิดๆ ทานกับข้าวเหนียวที่ราดด้วยน้ำกะทิสดแล้วฟินมากๆ เข้ากับอากาศร้อนๆ ณ ขนาดนี้ครับ เสียดายที่ให้น้ำกะทิน้อยไปหน่อยครับ 2. ทับทิมกรอบไอศกรีมกะทิ: ทับทิมกรอบที่ให้ความกรอบที่กำลังดี ราดด้วยน้ำกะทิสด จะได้ความหอมจากน้ำกะทิและความหวานจากน้ำเชื่อม ทานคู่กับไอศกรีมกะทิรสชาติกลมกล่อม ไม่มีเมนูไหนแย่งซีนกันเองครับ 3. กะลอจี๊: และเมนูของหวานอย่างสุดท้ายกับขนมจากประเทศจีนอย่างกะลอจี๊ ที่ปกติตัวแป้งจะนุ่มและเหนียวๆหนึดๆ โรยด้วยน้ำตาล งาดำ ถั่วลิสง แต่ที่นี่เหมือนตัวแป้งจะยัดไส้อะไรสักอย่าง ทำให้มันออกแข็งๆไปครับ และมีไอศกรีมชอกโกแลต ซึ่งพอทานแล้วไม่เข้ากันเลยครับ และยังมีกะทิผสมกับงาดำ ซึ่งทางร้านให้ราดลงบนกะลอจี๊ รสชาติยิ่งไม่อร่อยไปกันใหญ่เลยครับ T_T และมาถึงช่วงเวลาให้คะแนนกัน สำหรับร้านนี้ผมให้ 4 ดาวเพราะว่ารสชาติอาหารบางอย่างรสชาติยังไม่สุดและเรื่องของการทำอาหารทิ้งไว้แล้วค่อยน้ำมาเสิร์ฟ สำหรับผมแล้ว ผมค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้มากๆครับ ส่วนการบริการถือว่ายอดเยี่ยมครับ เติมน้ำ เปลี่ยนจานช้อนส้อมมีดตลอดที่เปลี่ยนช่วงครับ นอกจากนี้แล้ว ทางร้านยังมีพวกค็อกเทลและน้ำต่างๆให้ได้ลองชิมกัน และวันนี้ทางร้านก็จัดค็อกเทล “สวัสดี” Signature ประจำร้านให้กับแขกที่มาวันนี้ทุกท่าน เป็นค็อกเทลที่ประกอบด้วยแอลกอฮอล์ 5 ชนิด(รัม ยิน เตกีล่า วอดก้า สไปร์) ไปปั่นๆ และใส่ Passion Fruit ที่ให้สีออกไปทางชมพู ทานคำแรกจะยังไม่รู้สึก แต่พอไหลลงคอแล้ว ความร้อนรุ่มจะมาเยือนทันที เพียงถุงเดียวก็มีสิทธิ์น็อกได้ครับ ถ้ามาร้านนี้แล้วอย่าลืมลองสั่งกันนะครับ สำหรับวันนี้ Pednoii AhHa ขอขอบคุณพี่ๆวงในที่ได้ให้โอกาสไปลองชิมร้านอาหารใหม่ๆ และขอบคุณ user ท่านอื่นๆที่ได้มาทานอาหารร่วมกันครับ ได้ความรู้และเรื่องราวใหม่ๆของวงการอาหารเพิ่มเติมอีกเยอะเลยครับ และถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากมีโอกาสไปงาน Wongnai Testing นี้ เขียนรีวิวให้ดี แล้วมาเจอกันครับ :)... See more
31 Likes0 Comment
photo