- หน้าแรก
/
- รูป เสวย ท่ามหาราช


แกงส้มไข่ชะอมกุ้งสด
อาหารไทยประวัติกว่า 40 ปี รีแบรนด์ขยายสาขาขึ้นมอลล์ ตามการเปลี่ยนถ่ายสู่ผู้บริหารรุ่นใหม่ ~สาขานี้จุดขายคือ Riverfront“เสวย Since 1972” เป็น Marcom (Marketing Communication) ที่เค้าใช้สื่อสารให้ลูกค้าทั่วไปทราบเกี่ยวกับร้าน ดังนั้นสิ่งที่ทางเค้าต้องการเน้นสื่อจริงๆคือความเป็นตำนานหรือเปิดมาได้ยาวนานจนถึงปัจจุบัน เพื่อสร้าง TRUST ให้กับคนที่จะมาใช้บริการนั่นเองครับ ดังนั้นผมเชื่อว่าเราจะน่าเคยคุ้นหูกับชื่อร้านนี้อยู่ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะคน Gen-X หรือ Gen-Y ส่วนเด็กรุ่นใหม่ๆอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้เท่าไหร่เพราะปัจจุบันเทรนด์ร้านอาหารในไทยเริ่มเปลี่ยนไปเป็นแนวอาหารสัญชาติอื่นและมีการแข่งขันที่สูงมากโดยการโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ทำให้แบรนด์ร้านอาหารไทยยุคเก่าเริ่มเจือจางไปบ้างสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ครับ
สำหรับแบรนด์ร้านอาหารเสวยเองก็ปัจจุบันตอนที่รีวิวอยู่นี้ก็อายุมากกว่า 40 ปีแล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนถ่ายการบริหารสู่คนรุ่นใหม่ก็เป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นเพื่อให้แบรนด์ดูทันสมัยขึ้นตามยุคเวลา ทางเค้าก็ต้องมีการ Re-branding ร้านใหม่เช่นกันอย่างเช่น โลโก้ ข้อความสื่อสารการตลาด รูปภาพต่างๆที่ใช้ หรือช่องทางการสื่อสาร (ที่เห็นเด่นทันสมัยเลยคือ Line @) แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นได้ชัดเกี่ยวกับแบรนด์นี้คือการเปิดขยายสาขาของร้านตามห้างใหญ่หรือมอลล์ใจกลางเมืองครับ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไปนั่นเองครับ นั่นคือไม่ใช่ร้านอาหารมาทานเป็นแนวครอบครัวเพียงอย่างเดียวแล้ว
ส่วนสาขาที่ผมจะรีวิวนี้คิดว่ายังคงเป็นร้านอาหารไทยสำหรับแนวครอบครัวเช่นเดิมครับ เพราะตั้งอยู่ใน Community Mall บรรยากาศแบบริมน้ำหรือ Riverfront ที่ชื่อว่า “Tha Maharaj” หรือ “ท่ามหาราช”
[ที่ตั้งร้าน:]
ส่วนของมอลล์นี้เองผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากครับ เพราะน่าจะรู้จักกันดีมากันถูกอยู่แล้วครับ จะพูดถึงตำแหน่งร้านเสวยในนี้เลย ตั้งอยู่ชั้น 2 ของตึกปีกฝั่งขวาสุดของมอลล์ท่ามหาราชนี้ครับ (คือบริเวณท่าเรือที่จะข้ามไปวังหลัง-ศิริราช) ตรงที่ด้านล่างเป็นร้านส้มตำ มีลิฟท์ขึ้นมาถึงหน้าร้านเลยครับ ส่วนชั้นบนจะเป็นสตูดิโอมวยไทย
[บรรยากาศร้าน:]
จุดเด่นหรือจุดขายของที่ร้านเสวยสาขานี้เลยคือบรรยากาศด้านนอกร้านตรงระเบียงริมน้ำที่เป็นแบบ Riverfront ติดริมน้ำเลย ลมพัดเย็นสบายช่วงเย็นๆหัวค่ำ ถ้ามีฝนระเบียงในส่วนนี้เค้าสามารถดึงกันสาดมาบังกันฝนให้ลูกค้าได้ครับ ส่วนในร้านก็ตกแต่งให้ความรู้สึกเป็นไทยๆแบบร่วมสมัยด้วยของตกแต่งต่างๆ ผมรู้สึกว่าสาขานี้ที่นั่งด้านนอกจะดูกว้างขวางนั่งสบายกว่าด้านในมากครับ แต่เหมาะมานั่งช่วงหัวค่ำเป็นต้นไป
[อาหารที่สั่ง:]
ครั้งนี้ที่ผมมาเป็นกลุ่มใหญ่เป็นครอบครัว ทั้งหมดผู้ใหญ่ 4 คน เด็กเล็ก 1 คน
• ห่อหมกทะเลทอด หน้าตาคล้ายๆทอดมันเลย แต่กัดไปจะรู้ว่าเครื่องแกงคนละอย่างกันเป็นห่อหมกครับปั้นเป็นก้อนคล้ายๆกับลูกชิ้นแล้วเอาไปทอดให้กรอบ กินกับอาจาดเหมือนทอดมันปลากรายเลย ส่วนตัวผมว่าเครื่องแกงอร่อยแต่ทอดอมน้ำมันไปหน่อย ปริมาณค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับราคา 100+ บาท
• หอยนางรมสด 4 ตัวพร้อมเครื่องเคียง เห็นพนักงานบอกว่าส่งมาจากฟาร์มที่สุราษฎร์ครับซึ่งเป็นแหล่งที่หลายๆร้านอาหารในกทม.สั่งเข้ามาประกอบอาหารขายเหมือนกัน ที่นี่เค้าขายตัวละ 80 บาท ขนาดหอยนางรมผมว่าเคยเจอใหญ่กว่านี้นะสำหรับที่มาจากสุราษฏร์ แต่ก็โอเค แช่มาสดๆในจานพร้อมน้ำแข็ง และเครื่องเคียงต่างๆที่ขาดไม่ได้อย่างน้ำพริกเผา น้ำจิ้มซีฟูด หอมทอด มะนาวไว้บีบ และกระถินไว้ดับกลิ่น สิ่งสำคัญของจานนี้เมนูนี้เลยคือความสดของหอยและความสะอาด ซึ่งผมให้ผ่านครับ แต่ว่าอาจแพงไปหน่อย (ต้องสั่งอย่างน้อย 2 ตัวครับ)
• ข้าวอบสัปปะรด เมนู Signature เด่นของทางร้านนี้และเมนูแนะนำ ไม่พลาดลองสั่งมาดู presentation อลังการเสิร์ฟมาในผลสับปะรดทั้งลูกผ่าครึ่ง ตัวข้าวอบสีเหลืองอ่อนๆได้กลิ่นหอมของสับปะรด โรยด้านบนด้วยเนื้อปูฉีก (สดสะอาดดี) และหมูหยองแบบนุ่มๆ ถ้าทานเผ็ดหรือเค็มก็เติมน้ำปลาพริกที่เค้าเตรียมไว้ให้ ส่วนตัวผมว่าข้าวอบทำมาดีได้กลิ่นหอมและสีสันสวยใช้ได้ รสชาติเสริมหวานๆจากเนื้อปูและหมูหยองได้เนื้อสัมผัสที่เคี้ยวมันๆ ราคาถ้าผมจำไม่ผิด 220+ บาท สรุปว่าเป็นเมนูที่โดนใจในบรรดาที่สั่งตอนนี้ครับ แนะนำ
• สลัดครีมกุ้งทอด รองมาสวยงามด้วยกระทงเผือกทอดกับผัดกาดหอมกรอบๆ เมนูนี้ผมได้ลองนิดหน่อย เห็นเค้าว่าอร่อยใช้ได้ ตัวครีมสลัดออกเปรี้ยวๆหน่อยและหอมด้วยงาดำที่โรยมา ส่วนกุ้งทอดกรอบดีไม่แข็ง
• แกงส้มไข่ชะอมกุ้งสด อีกหนึ่งเมนูที่ทางบ้านลงความเห็นกันว่าอร่อยดี ชอบ ให้ผ่านเหมือนกับเมนูข้าวอบสัปปะรด เครื่องแกงเข้มข้นมากซดเปล่าๆรสจัด ควรกินกับข้าวสวย ไข่ชะอมไม่เละ กุ้งสดตัวกลางๆ
• ปลากะพงทอดน้ำปลา ลงความเห็นกันว่าไม่โดน ของร้านแหลมเจริญอร่อยกว่า ปลาตัวที่ได้ผมว่าทอดมาแข็งไปหน่อยไม่กรอบนอกที่หนังและนุ่มใน ส่วนน้ำปลาปรุงรสปกติ ส่วนราคาปลาตัวนี้ 400+ ขึ้นผมว่าถ้าเทียบกับขนาดปลาที่ได้แพงไปหน่อยครับ
• ยอดมะระผัดน้ำมันหอย เมนูนี้โอเคให้ผ่านแต่ไม่ถึงกับเยี่ยมมาก ได้ส่วนที่เป็นก้านมาเยอะเลยเคี้ยวยากไปนิดแข็งๆติดไย ผัดใส่พริกกับกระเทียมจีน หอมและเผ็ดหน่อยๆ ไม่มันชุ่มมาดครับ
ราคาทั้งหมดอาหารและเครื่องดื่ม ยังไม่รวม SC 10% & VAT ค่าเสียหายทั้งหมดมื้อนี้รวมข้าวสวยและน้ำดื่มอยู่ที่ประมาณ 2,100-2,300 บาทครับ ประมาณนี้ จัดมื้อใหญ่เพื่อฉลองช่วงหยุดยาวพาทั้งครอบครัวมานั่งบรรยากาศดีๆพูดคุยกันครับ
---------------------------
ผมขอแยกรีวิวและให้คะแนนแต่ละองค์ประกอบของร้านดังนี้ครับ
• คุณภาพอาหารและวัตถุดิบ + ความสะอาด: (4/5) อยู่ในเกณฑ์ผ่านถึงค่อนข้างดี แสดงว่ามีการคัดสรรเลือกวัตถุดิบที่ดีระดับหนึ่งครับ
• รสชาติ: (3/5) คหสต.ผมว่าบางเมนูอร่อยพวกที่เป็น Signature รวมๆไม่ได้เลิศเลอ
• ราคา: (2/5) เมื่อเทียบกับรสชาติและปริมาณ ผมจัดว่าสูงไปไม่ค่อยคุ้มค่า
• บรรยากาศร้าน: (4.5/5) ถือว่าเป็นจุดขายของทางร้านสาขานี้เลยก็ว่าได้ นั่งทานข้าวแบบริมน้ำเจ้าพระยามองพระอาทิตย์ตกจนหัวค่ำ รับลมธรรมชาติ ขอหักนิดนึงตรงที่ว่าโต๊ะที่นั่งจัด layout ค่อนข้างติดกัน ดังนั้นอาจไม่ค่อย private เท่าไหร่ คงต้องการเน้นรองรับปริมาณลูกค้าให้ได้มากๆต่อ turnover เพราะส่วนใหญ่ร้านประเภทนี้ลูกค้ามานั่งกันยาวๆแน่นอนครับ
• บริการ: (2/5) พนักงานดูไม่เพียงพอช่วงเทศกาล เมื่อเทียบกับขนาดร้าน เรียกเก็บเงินมาค่อนข้างช้ามาก ส่วนอาหารมาเสิร์ฟค่อนข้างไวระดับหนึ่ง แต่มีขาดช่วงบางเมนูอย่างปลากะพงทอดน้ำปลาที่หายไปนานเลย คงต้องหาทางปรับปรุงเรื่องนี้เฉพาะช่วง peak time เท่านั้นครับ เวลาปกติหรือวันธรรมดาผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหา
สรุปโดยรวมจากที่ผม rate ให้คะแนนแต่ละส่วน เฉลี่ยรวมกันเท่ากับ 3.1 ขอปัดให้ 3 ดาวครับ ยังไงผมก็ยังให้ความคิดเห็นว่าร้านนี้ประทับใจเรื่องบรรยากาศมากกว่ารสชาติอาหารครับ แนะนำว่าถ้าต้องการความสบายใจในเรื่องการบริการหรือความเป็นส่วนตัวไม่ควรมานั่งช่วงเทศกาลหรือหยุดยาวครับ
28 Likes0 Comment
