3.8
24 เรตติ้ง (24 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 14:00
Honmono Sushi Bar Seen Space ทองหล่อ 13
ซูชิ 3 คำ สั่งแยก
Honmono Sushi (本物すし) @ Seen Space ทองหล่อ 13: สาขานี้เน้นซูชิบาร์ หลากหลายด้วย Sushi แนว Creative & Fusion ราคาไม่แรงมากรีวิวนี้จะเป็นตอนที่ 3 ของซีรี่ย์ร้าน Premium Sushi Bar ที่ผมจะทำรีวิวรวบรวมเปรียบเทียบไว้ (ไม่ใช่ซีรี่ย์คุณชายจุฑาเทพนะครับ ^^) สามารถย้อนกลับไปอ่านรีวิวของผมก่อนหน้านี้ 2 ตอนที่ร้าน Sushi Masa ราชเทวี กับ Seiryu Sushi Café ศาลาแดง ได้เลยตามลิ้งค์ด้านล่างครับ Sushi Masa: http://www.wongnai.com/restaurants/10183QW-sushi-masa-%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5 Seiryu Sushi: http://www.wongnai.com/restaurants/121971Kj-sei-ryu-sushi สาขานี้ตั้งอยู่ใน strategic location ใจกลางทองหล่อ ย่านที่ชาวญี่ปุ่นอยู่อาศัยกันเยอะ ร้านอาหารประเภทนี้มีอยู่มากมาย ดังนั้นการแข่งขันในย่านนี้ดุเดือดไปด้วยหรือเรียกว่า red ocean ดังนั้นถ้า brand ไม่แข็งพอ กลยุทธ์การตลาดไม่ดีพอ ผมว่าคงอยู่ได้ยากเหมือนกันครับ จริงๆแล้วร้าน Honmono Sushi มีอยู่แล้วสาขาแรกที่ทองหล่อซ.23 ดั้งเดิม เค้าเพิ่งมาเปิดใหม่ได้ไม่นานที่ Community Mall เล็กๆ ชื่อ Seen Space แถวๆต้นซอยทองหล่อ 13 อยู่ชั้น 2 โดยที่สาขานี้จะเน้นเป็นสไตล์ Sushi Bar ดังนั้นเมนูอาหารจึงมีหลากหลายน้อยกว่าที่สาขาอื่นและราคาเท่าที่ผมดูก็ถูกกว่าด้วย เรียกได้ว่าเหมือนเป็น Sub-brand ของ Honmono ครับ Honmono (本物) ชื่อร้านภาษาญี่ปุ่นเขียนด้วยตัวคันจิ 2 ตัว ความหมายคือ “ของแท้ ของจริง” หรือ “Authentic” ถ้าพูดถึงร้านนี้ก็คงนึกถึงเชฟบุญธรรมซึ่งเป็นเชฟกะทะเหล็กอาหารญี่ปุ่นของประเทศไทยหลายสมัยและเป็นหุ้นส่วนเจ้าของร้านกับหัวหน้าทีมเชฟของร้าน ดังนั้นผมว่าร้านเค้าจึงมี brand identity ที่แข็งแรงคือตัวเชฟบุญธรรมนี่เองที่สั่งสมชื่อเสียงและประสบการณ์มายาวนานครับ เมนูอาหารของที่นี่ก็เหมือนร้านซูชิบาร์ระดับ premium โดยทั่วไปคือ Sashimi set ต่างๆ, Sushi ทั้งเป็นคำและเซต, Donburi & Chirashizushi ที่นี่จะเรียกว่า mini don ขนาดจะย่อมลงมากว่าสาขาอื่น, Maki & Roll, Salad ต่างๆ, Side Dishes, Dessert ไอศครีมชาเขียว พุตดิ้ง สิ่งที่ควรรู้เมื่อมาร้านนี้ • ที่จอดรถของ Seen Space เองมีไม่เยอะประมาณ 20 คันได้ มาถึงคุณอาจจะต้องใช้บริการ valet parking คือฝากกุญแจรถไว้ที่พนักงานให้เค้าเลื่อนรถถ้ามีคนออก จะมีบัตรฝากกุญแจไว้ให้ ในช่วงคนเบาบางไม่น่าเป็นปัญหา ถ้าจะมา BTS ลงสถานีทองหล่อก็ค่อนข้างไกลนะครับจากปากซอยฝั่งสุขุมวิท ดังนั้นผมว่าถ้าเป็นช่วงที่ลูกค้าเยอะการเดินทางมาที่นี่หรือหาที่จอดเป็นอุปสรรคเหมือนกันครับ • เปิดทุกวัน แบ่ง 2 ช่วง มื้อเที่ยง 11:30 -14:00 มื้อเย็น 17:00 – 23:00 • ราคาอาหารทั้งหมดในเมนู เป็นราคาที่ต้อง +sc 10% และ + vat 7% เพิ่ม รวมเป็น +17% • ซูชิของที่นี่จะมี 2 รูปแบบ เรียกว่า New Style Sushi กับ Old Style Sushi อันแรก New Style จะเป็นซูชิแนว creative หรือ fusion ตามคำจำกัดความของเค้า ซึ่งผมว่านี่เป็นจุดแตกต่างหรืออาจจะเป็นจุดขายของเค้าที่สาขานี้ครับ มันคือการนำวัตถุดิบมากกว่าหนึ่งอย่างมา mix-and-match และสร้างสรรค์เป็นเมนูที่แปลกตาและตั้งชื่อให้ดูแล้วน่าสนใจทีเดียว ตัวอย่างเช่น: ** Cloud 9: Nigiri Sushi ที่ประกอบด้วยพุงปลาทูน่า เอาไป sear ทั้งชิ้น วางด้านบนด้วยไช่หอยเม่น (Uni) ปรุงด้วย rice miso [420 บาท] ** Half Sun / Half Moon: Nigiri Sushi ที่ประกอบด้วยพุงปลาทูน่า เอาไป sear ฝั่งหนึ่งให้สุกหน่อย ส่วนอีกฝั่งยังดิบอยู่ โรยด้านบนด้วยไช่ปลาบิน [280 บาท] ** Black Snow: Nigiri Sushi ที่ประกอบด้วยปลาหิมะเอาไป sear โรยด้านบนด้วยไข่ปลาคลาเวียร์ ปรุงด้วยซอสสูตรพิเศษ [180 บาท] ** Hamachi Foie Gras: Nigiri Sushi ที่ประกอบด้วยปลาฮามาจิ sear โรยด้านบนด้วยฟัวร์การ์บดและไข่ปลาบิน [150 บาท] ** The 3 Musketeers (3 ทหารเสือ): Nigiri Sushi ที่ประกอบด้วยปลา Yellow Jack แต่งด้วยอาโวคาโด โรยด้านบนด้วยไข่ปลาแซลมอน [150 บาท] ** The Pirate (โจรสลัด): Nigiri Sushi ที่ประกอบด้วย Engawa วางด้านบนด้วยตับปลาและโปะด้านบนอีกทีด้วยพุงปลาทูน่าสับ [200 บาท] ** Salmon Nuclear: Nigiri Sushi ที่มี Salmon, Cheese & grated fish flake [130 บาท] ** La Vita Loca: ซูชิสไตล์ Gunkanmaki ที่มีพุงปลาแซลมอนสับ, ไข่แดงนกกระทาดิบ, ไข่หอยเม่น [360 บาท] • *** อันนี้เป็นคำแนะนำสำหรับผมนะครับ พวกซูชิแบบ new style หรือ fusion สามารถกินทั้งคำได้เลยไม่ต้องจิ้มวาซาบิเพราะเค้าจะมีการปรุงรสด้วยซอสสูตรเฉพาะของเค้าอยู่แล้ว อร่อยแบบมีสไตล์ อาหารที่สั่งครั้งแรกที่มา: • Sushi Set B (650 บาท) เป็นแบบ old style sushi ไม่ใช่แบบหรูราคาแพงครับ ประกอบด้วยซูชิแบบ nigiri 6 คำ เช่น Salmon/Akami/หอยปีกนก/Ebi , ไข่หวาน 2 คำ, Gunkanmaki 1 คำเป็นไข่ปลาบิน, ซูชิแบบ maki 3 คำ โดยรวมผมว่าคุณภาพวัตถุดิบเค้าดีจริงๆครับ สดดี ปลาชิ้นใหญ่มิดตัวข้าวปั้น ที่สำคัญ presentation ของซูชิทั้งหมดบนจานอาหารสวยงามมาก จัดวางตำแหน่งของซูชิเป็นหมวดหมู่และมีศิลปะดี ชวนทานเป็นที่สุดครับ • ซูชิที่สั่งแยกเป็นคำ สั่งมาทั้งหมด 3 คำมีดังนี้ Cloud 9 (420 บาท/คำ) คำนี้ราคาแพงสุดในมื้อ ลองสั่งมาสัมผัสดู เป็นแบบ new style sushi ครับ ประกอบด้วยอะไรบ้างลองอ่านคำอธิบายด้านบนอันแรกเลย ขอบอกเลยว่าคำนี้ฟินมากๆครับ หอม มัน ได้ใจจริงๆ พุงปลาทูน่ากับไข่หอยเม่นและซอสที่ปรุงมาเข้ากันจริงๆ เวลาคีบเข้าปากไม่ต้องจิ้มอะไรทั้งสิ้น ยกนิ้วให้เลย, Engawa Aburi Sushi (120 บาท/คำ) ครีบปลาตาเดียวเอาไป sear ตกแต่งด้วยหอมซอยญี่ปุ่นและปรุงรสด้วยซอส คำนี้กรุบกรอบ ฟินรองลงมา, Ama Ebi Sushi (120 บาท/คำ) กุ้งหวาน หน้าตาคล้ายๆกุ้งโบตัน แต่ไม่ใช่นะครับ ตัวจะเล็กกว่า กุ้งเนื้อหวานดี ข้างในเนื้อกุ้งยังเป็นแบบดิบเลยได้รสหวาน มาเสริ์ฟพร้อมหัวกุ้ง ดูสวยงามครับ • ชาเขียวร้อน (40 บาท) เติมได้ตลอด ปกติถ้ามากินซูชิผมจะสั่งแต่แบบร้อนเพื่อแก้เลี่ยน เนื่องจากผมมาช่วงที่เค้าเพิ่งเปิดร้านใหม่ๆ หลายเดือนแล้ว (ผมเพิ่งมีโอกาสกลับมารีวิวเพราะอยากรวบรวมเป็นซีรี่ย์พร้อมกับร้านซูชิอื่นๆครับ) ช่วงนั้นยังมีโปรสะท้านใจคือ ลด 50% ทุกเมนูสำหรับอาหารอยู่ มื้อนี้ค่าเสียหายแบบเต็มๆก่อน ++ คือ 1,350 บาท ลด 50% เหลือ 695 บาท รวม +sc +vat ค่าเสียหายรวมทั้งสิ้น 818.02 บาท อิ่มแบบหายอยากไปเลยครับ ^^ ตามความเห็นผมสำหรับการทานซูชิที่ร้านต่างๆ ผมจะแยกดูส่วนประกอบ 2 อย่างครับ คือ อย่างที่ 1: ตัวเนื้อปลาหรือวัตถุดิบอื่นๆที่ทำหน้าซูชิว่ามันมีความสดมากน้อยเพียงใด (โดยเฉพาะเนื้อปลาและไข่หอยเม่น) เตรียมหรือปรุงมาดีขนาดไหน ผมสรุปว่าของที่ Honmono สาขานี้ ปลาสดอยู่ในเกณฑ์ดีมาก มาตรฐานเยี่ยมสมราคา ส่วนขนาดชิ้นปลาที่นี่จะให้ชิ้นใหญ่เมื่อเทียบกับข้าวที่ปั้นคำเล็กๆตามแบบฉบับดั้งเดิม มีลูกเล่นการจัดตกแต่งซูชิสมฝีมือเชฟใหญ่ อย่างที่ 2: ข้าวญี่ปุ่นที่ใช้ทำซูชิ ปกติจะต้องมีผสมน้ำส้มสายชูลงไปและมีความแฉะเล็กน้อย เหนียวจับเป็นก้อน ผมสรุปว่าของที่ Honmono สาขานี้ ตัวข้าวญี่ปุ่นอร่อยดีครับแบบแท้ๆ แฉะกำลังดี เกาะกันแน่นดี ขนาดพอดีคำ คุณผู้หญิงคีบเข้าปากได้สบายๆครับไม่ต้องอาย :) ตามความเห็นส่วนตัวผม ขอสรุปว่า ข้อดี: • คุณภาพวัตถุดิบดี ปลาสด • ลูกเล่นการตกแต่งอาหารสวยงาม การจัดวางมีศิลปะ สำคัญที่ผมชอบและน่าจะเป็นจุดขายคือ new style sushi • ราคาของที่สาขานี้ถือว่าไม่แรงมาก ตัวอย่างเช่น O-Toro sushi คำละ 380 บาท รวม++ แล้วประมาณ 445 บาท ถือว่าราคาเกณฑ์ทั่วไป ข้อเสีย: • การบริการในช่วงโปรโมชั่นหรือลูกค้าเยอะถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานร้านระดับนี้มากครับ เช่น ตอนผมไปไม่ได้ของทานเล่นอะไรซักอย่าง ซุปก็ไม่ได้ด้วย ผมไม่อยากทวงเห็นวุ่นวายมากกลัวเสียอารมณ์เรียกแล้วไม่ได้ นอกช่วงน่าจะดีขึ้น ผมว่าตัวแปรนี้สามารถควบคุมได้ครับแต่อาจยากหน่อย • จากที่อ่่าน comment หลายๆคน เรื่องที่ต้องดูแลสำคัญมากคือ มาตรฐานการเตรียมและทำซูชิ มันต้องคงที่คงวาแม้ว่าเชฟคนละคนกันทำหรือคนละวันกัน ฝีมือเชฟบุญธรรมเชื่อมั่นได้อยู่แล้วแต่ทีมงานหละ เห็นได้ว่าช่วงแรกๆที่เปิดสาขาใหม่เชฟใหญ่ต้องมาคุมเองครับ การขยายสาขาเร็วเกินไปมองว่าอาจเป็นจุดดีได้ขยายฐานตลาดก่อนแต่มันอาจเป็นจุดบอดตามหลังมาคือเรื่องความประณีตหรือมาตรฐานการทำซูชิ • ช่องทางการให้ข้อมูลหรือ pr ของทางร้าน เท่าที่ผมเห็นมีแต่ FB page ทางการของเค้า ผมว่ามันดูไม่ pro เทียบกับร้านหรูระดับนี้ ควรเปิดเป็น website ของร้านเองเลย เค้าอาจกำลังทำอยู่ก็ได้ครับ โดยรวมผมก็ถือว่าแบรนด์ Honmono ก็ยังมีความเข้มแข็งในเรื่อง คุณภาพวัตถุดิบ รูปลักษณ์และไอเดียดี และที่สำคัญคือชื่อเสียงของเชฟบุญธรรม ที่เป็น core competency ยากที่ใครจะมาแข่งขันได้ แต่ก็มีภาพลบจากการบริหารจัดการเรื่องการให้บริการจากการที่ขยายช่องทางหน้าร้านมากขึ้น คิดไปคิดมาผมให้ 4 ดาวนะครับ ยากที่จะให้ 3 ดาว แต่จะให้ 5 ดาวก็ต่อเมื่อเค้าปรับปรุงเรื่องที่ผมบอกไปได้ดีขึ้นครับ... อ่านต่อ
7 Likes0 Comment
photo