4.7
6 เรตติ้ง (6 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 23:00
เมนูของร้าน Irish The Drunken Leprechaun Bangkok
สัมผัสบรรยากาศแบบ Irish Pub - เฮฮากับเหล่า Leprechaun ตัวจิ๋ว-แล้วตามล่าขุมทรัพย์ความอร่อยที่สุดปลายสายรุ้ง!ถ้าพูดถึงร้านสไตล์ Irish Pub – หลายๆคนก็คงนึกภาพถึงบรรยากาศเฮฮาสนุกสนาน การตกแต่งแบบอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบย้อนยุคนิดๆ เมนูเบียร์สุดหลากหลาย และเมนูอาหารสไตล์ Irish Pub Food ที่จริงจังไม่แพ้เครื่องดื่ม ซึ่ง The Drunken Leprechaun ก็จัดเป็น Irish Pub ขนานแท้ที่มีภาพลักษณ์ตามที่ว่ามาเป๊ะเลยล่ะค่ะ สำหรับครั้งนี้ในกลุ่มที่ไปกันไม่มีใครเป็นสายดริ๊งค์ แต่มุ่งหมายอยากจะไปลองอาหารสัญชาติไอริชแท้ๆดูบ้าง ซึ่งที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว กับรีวิวนี้เลยขอเน้นเรื่องอาหารเป็นหลักนะคะ ****- Profile-**** กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีภูตแคระ (Leprechaun) อยู่ตนหนึ่งซึ่งมีนามว่า Paddy - ในเวลากลางวัน Paddy จะทำงานเป็นช่างตัดรองเท้า เช่นเดียวกับ Leprechaun ตนอื่นๆ ส่วนในยามค่ำคืนนั้นก็ชื่นชอบการดื่มเบียร์ไอริชเป็นที่สุด ซึ่งก็เหมือน Leprechaun ทั่วๆไปอีกนั่นแหละ.. อยู่มาวันหนึ่ง หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน Paddy ได้มานั่งดื่มเบียร์อยู่ในผับโปรดแก้วแล้วแก้วเล่าจนเมามาย จากนั้นเที่ยวเล่นแกล้งผู้คนจนถูกโยนออกจากผับ Paddy เดินโซเซเข้าไปในป่าเพื่อหาทางกลับบ้าน แต่ก็เมามายจนผล็อยหลับไปเสียก่อนที่ข้างถนนนั่นเอง เมื่อฟื้นตื่นขึ้นมา Paddy พบว่าตัวเองถูกมัดไว้โดยมีผู้หญิง 3 นางล้อมอยู่ – ซึ่งตามธรรมเนียมของไอร์แลนด์นั้น หากใครจับ Leprechaun ไว้ได้ ก็จะสามารถต่อรองขอพร 3 ข้อจาก Leprechaun เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวเป็นอิสระได้ ซึ่งหญิงทั้ง 3 นางก็ขอพรคนละข้อดังนี้ค่ะ หญิงคนแรก : ข้าต้องการ Light Irish Ale, Heavy Irish Ale และ Irish Dry Stout ชนิดที่ดีที่สุด เอาแบบมากมายจนดื่มเท่าไหร่ก็ไม่หมด หญิงคนที่สอง : ข้าขอเป็นไส้กรอก corned beef และมันบดที่อร่อยที่สุด ให้มากมายจนกินไม่มีวันหมด หญิงคนที่สาม : ข้าอยากได้ Irish Pub ชั้นเลิศ ที่มีดนตรีสดเล่นทุกค่ำคืน ในดินแดนที่อบอุ่นด้วยแสงอาทิตย์ เจ้า Paddy ได้ยินดังนั้นก็บอกว่า “ข้าขอให้พรเจ้าทั้ง 3 ข้อ โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามปล่อยข้าเป็นอิสระ แต่ต้องพาข้าไปกับพวกเจ้าด้วย!” …..และแล้ว ร้าน The Drunken Leprechaun ก็ถือกำเนิดขึ้น! ...ก็เป็นนิทานน่ารักๆที่บอกเล่าถึง concept ของร้านได้ดีทีเดียว ใครอยากอ่านฉบับเต็มก็อ่านได้จากบนหน้าเมนูเลยนะคะ ส่วนเรื่องจริงก็คือ The Drunken Leprechaun นั้นเป็น Irish Pub ที่มีสาขาที่ภูเก็ต และกรุงเทพฯ ส่วนเร็วๆนี้ก็กำลังจะไปเปิดที่สมุยด้วยอีกที่หนึ่งค่ะ นอกจากจะจัดเต็มทั้งเรื่องดื่มและเรื่องกินตามสไตล์ Irish Pub ทั่วไปแล้ว เรื่อง entertain ก็ไม่น้อยหน้าใคร โดยทุกวันอังคาร-เสาร์ จะมี Live Band สลับสับเปลี่ยนกันมาเล่น (เริ่มต้น 20.00 น.) / วันอาทิตย์จัดเป็น Sports Sunday ส่วนทีวีจอใหญ่ถ่ายทอดกีฬาก็ต้องมีตลอด มีจัด events ไม่เว้นแต่ละเดือน โดยในบางครั้งก็มีให้เล่นเกมส์ชิงรางวัลกันด้วย (Leprechauns ร้านนี้ไม่ได้แจกทองจากไหที่ฝังไว้ปลายสายรุ้ง แต่อาจแจกเป็นเบียร์นอกซักลังใหญ่ๆมากกว่านะคะ 555) บางครั้งก็มี comedian shows บ้างอะไรบ้าง สำหรับหนุ่มๆก็น่าจะถูกใจเหล่าพนักงานสาวสวยตามสไตล์ผับทั่วไป แต่ที่น่ารักคือเหล่า “wee-folks” ตัวเล็กๆที่ออกมาต้อนรับลูกค้ากันทุกค่ำคืนนี่ล่ะ (หนึ่งในนั้นอาจจะเป็นเจ้า Paddy ก็ได้นะ) ผนวกกับ story ที่ทางร้านแอบเติมความเป็นเทพนิยายลงไปนิดๆด้วยแล้ว ทำให้เป็นจุดเด่นที่สาวๆหลายคนก็น่าจะถูกใจเช่นกันล่ะค่ะ ****-ทำเลที่ตั้ง / บรรยากาศ-**** สำหรับ The Drunken Leprechaun สาขาที่กรุงเทพฯนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของโรงแรม Four Points by Sheraton ในซอยสุขุมวิท 15 ค่ะ ถ้าใครเอารถไปก็จอดในที่จอดรถของโรงแรมได้เลย ส่วนใครคิดจะไปแบบ “เมาไม่ขับ” ก็ไปทางรถไฟฟ้า BTS (สถานีอโศก – ทางออกฝั่งเดียวกับ Terminal 21 และโรงแรม The Westin Grande Sukhumvit) หรือ MRT (สถานีสุขุมวิท) ได้ค่ะ เดินเข้าซอยมานิดเดียวก็เห็นร้านอยู่ทางขวามือแล้ว ตัวร้านจะอยู่ด้านหน้าของโรงแรม ติดกับถนนและที่จอดรถค่ะ ร้านแบ่งเป็นทั้งส่วน outdoor ด้านหน้าสำหรับลูกค้าที่ชอบนั่งชิลล์มองผู้คนและรถราที่ผ่านไปมา - ที่นั่งติดแอร์ภายในร้านที่มี drink bar เป็นจุดเด่นเหมาะกับคนขี้ร้อนหรือสายเฮฮา - และที่นั่งในสวนด้านหลังที่จะสงบและเป็นส่วนตัวกว่าบริเวณอื่นๆ เหมาะกับคนที่ต้องการมาพูดคุยกันแบบไม่อึกทึกค่ะ ความที่ครั้งนี้ตั้งใจมากินกันมากกว่าจะมาดื่ม ก็เลยเลือกมาตอนกลางวันของวันอาทิตย์ซึ่งเป็นช่วงที่ค่อนข้างเงียบๆ (จะว่าเป็นช่วง off peak ก็ได้) ทำให้อดเห็นเหล่า Leprechaun ชุดเขียวที่ปกติคงออกมาเฉพาะช่วงเย็นๆที่ลูกค้าเยอะๆ- และไม่ได้สัมผัสกับความครื้นเครงจาก entertainments ต่างๆที่ทางร้านจัดขึ้น - แต่ความที่ตัวร้านเป็นไม้ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หนังดูอบอุ่น สไตล์ย้อนยุคนิดๆ ก็เลยทำให้ได้บรรยากาศที่ดู cozy น่านั่งชิลล์กันไปยาวๆ มีเสน่ห์ไปอีกแบบนะคะ ****-เมนูที่สั่ง-**** ดูเมนูแล้วอาหารที่นี่มีให้เลือกหลากหลายทั้งของคาวของหวาน โดยนอกจากอาหารไอริชและอาหารฝรั่งทั่วๆไปแล้ว ยังมีอาหารไทยให้เลือกสั่งด้วยค่ะ ส่วนราคาที่แสดงในเมนูนั้นเป็นราคา net แล้ว ไม่มี++ ..เราสั่งมาลองกันตามนี้เลย [อาหาร] ●Mixed Snack Platter (ราคา 370 บาท) – จัดมาเป็นจานใหญ่ให้แชร์กันทานในโต๊ะได้ราว 4-5 คน ในจานประกอบไปด้วย Onion Ring, Chicken Tenders, Fish Fingers และที่แปลกหน่อยคือ Breaded Mushrooms หรือเห็ด Champignon ชุบเกล็ดขนมปังทอด – ชิมดูแล้วในภาพรวมจัดว่าดีใช้ได้ ไก่เนื้อนุ่ม เนื้อปลาไม่มีคาว ทอดมามีอมน้ำมันบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับเยิ้มเลี่ยน และเจ้า Breaded Mushrooms นั้นออกมารสดีกว่าที่คาดไว้ ทานเพลินๆดีค่ะ ●Irish Smoked Salmon with Brown Bread (ราคา 290 บาท)– แซลมอนรมควันนั้นจัดเป็นของขึ้นชื่อของไอร์แลนด์ และจานนี้ที่สั่งมาลองก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แซลมอนหั่นมาหนา เนื้อนุ่ม-แน่น รสชาติกำลังอร่อยเป๊ะพอดิบพอดีสุดๆ เสิร์ฟมาบน Brown Bread กรอบๆที่ป้าย Cream Cheese มาบางๆ มี capers โรยท็อปมาด้านบน บีบเลมอนนิดนึง ทานด้วยกันนี่อย่างฟินเลย ดีงามระดับสิบค่ะ ●Dublin Coddle (ราคา 350 บาท) – เป็นไส้กรอกไอริชผัดมากับเบคอน หอมใหญ่ มันฝรั่ง โรยด้วยผง Parsley แต่งกลิ่นมาบางๆ ชิมดูแล้วไส้กรอกที่ใช้นั้นเนื้อดีเคี้ยวสนุกทีเดียว รสชาติก็ปรุงมาใช้ได้ แต่ทานมากเข้าก็มีแอบเลี่ยนเล็กน้อยตามประสาของผัดกับน้ำมันนั่นล่ะนะ ●Paddy’s Irish Stew (ราคา 360 บาท) – ตั้งใจมาลองอาหารไอริชทั้งที จะไม่สั่ง Irish Stew ก็คงจะรู้สึกพลาดแน่ๆ ...และสตูว์แกะจานนี้ก็ทำออกมาได้ดีดั่งใจหวังค่ะ ชิมแล้วให้ความรู้สึกแบบอาหารสไตล์ Homemade คือเนื้อแกะไม่ได้นุ่มมากจนเปื่อยละลายในปาก แต่ก็เคี่ยวมากำลังดีไม่ได้สุกจนเนื้อเหนียวเกินงาม ไม่มีกลิ่นสาบที่ไม่พึงประสงค์ และที่สำคัญรสชาตินี่ปรุงมาได้ลงตัวสุดๆ น้ำสตูว์เข้มข้นขลุกขลิกเคี่ยวจนซึมซาบเข้าเนื้อ อร่อยจนทานเนื้อแกะหมดแล้วก็ยังต้องขอเอาเจ้า Complimentary Bread ที่ทางร้านเสิร์ฟให้มาปาดก้นจานจนเกลี้ยงกันเลยเชียว ●Grilled Half Chicken (ราคา 370 บาท) – มาลองเมนูเบสิคที่เห็นได้ทั่วไปกันบ้าง ไก่ที่ใช้ย่างมาดีค่ะ เนื้อนุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นย่างกรุ่น ทานกับมันบด ถั่ว และมะเขือเทศที่เคียงมาก็เข้ากันดี จะมีข้อติอยู่บ้างก็คือเจ้า Mushroom Sauce ที่ราดมาค่อนข้างเค็มไปนิดเท่านั้นเอง เราขอเติมขนมปังเพื่อเอามาทานแกล้มลดเค็ม ทางร้านก็เอามาให้อีกแบบไม่ชาร์จเพิ่มนะคะ [ของหวาน] ●Granny Leprechaun’s Bread Pudding (ราคา 160 บาท) – จานนี้เป็น Bread Pudding ที่เสิร์ฟมาพร้อม Hazelnut Ice cream มีซอสราดที่รสคล้ายๆ Irish Coffee โรยด้วยเม็ดวอลนัทใหม่ๆกรอบกริ๊บ อร่อยใช้ได้เลย ●Irish Apple Cake (ราคา 160 บาท) – เนื้อเค้กของเมนูนี้จะค่อนข้างแห้งๆแข็งๆสไตล์ฝรั่ง แต่ไม่ได้กระด้างฝืดคอ ส่วนตัวเราว่าอร่อยทานเพลินแบบมีอะไรให้เคี้ยวดี รสชาติก็เข้มข้น หอมกลิ่น cinnamon ชัดเจนถูกใจ ทานกับไอศกรีมวานิลลาที่เสิร์ฟมาด้วยกันก็เข้ากันดี เราชอบมากกว่าเมนูที่แล้วอีกค่ะ แต่ต้องเตือนก่อนว่าอาจไม่ถูกใจคนที่ชอบเค้กแบบนุ๊มนุ่ม-หอมเนย อะไรแบบนั้นนะ [เครื่องดื่ม] แน่นอนว่าเบียร์ต้องเป็นพระเอกสำหรับที่นี่ โดยมีทั้ง Draught Beers (8 ชนิด) และ Bottled Beers หลากหลายสัญชาติ ไปจนถึง cocktails ที่ผสมเบียร์ นอกจากนั้นก็ยังมี Alcoholic drinks ชนิดอื่นๆให้สั่งครบครัน แต่กับคนที่ไม่สันทัดแอลกอฮอล์อย่างเราก็มีตัวเลือกอื่นๆให้ค่ะ เราสั่งไปเป็น.. ● Ginger Ale (ราคา 90 บาท) – ก็ของ Schweppes แหละ เป็นอันว่าไม่ต้องเม้นต์เนอะ ● Lemon Soda (ราคา 90 บาท) – เปรี้ยวซ่าสดชื่นดีค่ะ ● Hot Americano (ราคา 100 บาท) – เสิร์ฟมาในแก้วเบียร์ มองเผินๆเหมือนเบียร์ดำเลย เก๋เชียว กาแฟไม่ได้หอมมาก แต่ก็ชุ่มคอดี ไม่ขม ไม่เปรี้ยว ทานแกล้มขนมได้เพลินๆล่ะ ****-Promotions-**** ● Weekly Food Specials – เมนูราคาพิเศษประจำแต่ละวันที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกอาทิตย์ อยากลองเมนูไหนลองเช็คกับหน้า facebook หรือ website ของทางร้านดูก่อนนะคะ ● Happy Hour – เครื่องดื่มราคาพิเศษทุกวัน 16.00-20.00 น. หมายเหตุ : เฉพาะช่วงนี้จนถึง 31 สิงหาคม 2560 มีโปรโมชั่น Irish Summer Special ยืดเวลา Happy Hour เป็น 12.00-20.00 น. ค่ะ ● Happy Thursday – ทุกวันพฤหัส ขยายเวลา Happy Hour เป็น 12.00-24.00 น. กันไปเลย ****-The Verdict-**** ปกติแล้วกับร้านสไตล์ผับ เรามักไม่คาดหวังกับรสชาติอาหารเท่าไหร่ เพราะหลายๆที่จะทำออกมาแค่กลางๆพอทานได้ เน้นเรื่องดื่มเป็นหลัก ถ้าเป็นพวกร้านวิวดีบนตึกสูงก็บวกค่าวิวเข้าไปอีก ...แต่สำหรับที่นี่ทั้งรสชาติและคุณภาพอาหารจัดว่าดีงามกว่าที่คิด เรียกได้ว่าไม่แพ้ร้านอาหารฝรั่งร้านไหนๆ แถมดีไม่ดียังอาจจะอร่อยกว่าร้านดังตามห้างอีกหลายร้าน ส่วนราคาถ้าเทียบกับวัตถุดิบและปริมาณก็ถือว่ากลางๆ ไม่ได้แพงเว่อร์วังมาก และแม้จะไม่มีวิวระฟ้าสวยๆ แต่ก็สรรค์สร้างบรรยากาศได้น่าสบาย มีการสร้างเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ เรียกได้ว่าดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์....เหลื๊อเกิน ขอให้ไว้ที่ 4.5 ดาว ปัดเป็น 5 ดาวนะคะ... อ่านต่อ
77 Likes0 Comment
photo