3.6
14 เรตติ้ง (13 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 12:00
Sushi Ryu ราชพฤกษ์
Menu: Wagyu Beef
ซูชิริวเจ้าเดิมทองหล่อกับสาขาใหม่ย่านชานเมืองราชพฤกษ์ เด่นที่โรลชื่อแปลกหูหน้าตาแปลกตา ช่วงทดลองเปิดร้านลด 30%ใครที่ชอบทานซูชิและแวะคุ้นเคยกับย่านทองหล่อ ผมเชื่อว่าน่าจะรู้จักชื่อร้านซูชินี้ดีอยู่แล้วครับคือ Sushi Ryu “ซูชิริว” สาขาแรกอยู่ตรงริมถนนสุขุมวิทระหว่างปากซอย 36 กับ 38 ฝั่งตรงข้ามซอยทองหล่อเลย จุดขายอย่างหนึ่งของที่สาขาแรกคือเดินทางสะดวกเพราะอยู่ตรงทางลงสถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อเลยครับ ส่วนร้านที่ผมจะมารีวิวครั้งนี้เป็นสาขาที่ 2 ของเค้านะครับซึ่งมาเปิดย่านชานเมืองคือถนนราชพฤกษ์ บริเวณ ต.บางรักน้อย หรือใกล้จุดตัดกับถนนรัตนาธิเบศร์ **ตอนที่ผมไปทานทางร้านเค้าเรียกว่าช่วงทดสอบเปิดร้านหรือ Soft Opening ยังไม่เปิดเต็มตัว โดยมีโปรโมชั่นคือลด 30% ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม (แต่รับเงินสดอย่างเดียวเท่านั้นครับ) ถนนราชพฤกษ์ในตอนนี้เท่าที่ผมคุ้นเคยดีจะเห็นว่าเป็นมหาสมุทรแดงเดือด (ตลาดที่มีการแข่งขันสูง) ของร้านอาหารประเภทซูชิบาร์ไปแล้วครับ นับตั้งแต่ Crystal SB ราชพฤกษ์เกิดขึ้นมาซึ่งภายในมอลล์เดียวนี้ก็มีร้านซูชิก็ 4-5 ร้านได้แล้ว ไหนจะมี Sushi Hana ที่เพิ่งมาเปิดสาขาใหม่เลยไปอีกหน่อย สำหรับ Sushi Ryu ก็เป็นเจ้าใหม่ล่าสุดตอนที่ผมรีวิวนี้ซึ่งมีความพยายามที่จะมาเปิดในถนนเส้นสีแดงนี้ซึ่งอยู่นอกออกมาหน่อยจากกลุ่มก้อนที่เปิดติดๆใกล้ๆกัน ลูกค้าที่มาทานส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่อยู่ตามหมู่บ้านจัดสรรแถวๆนี้ที่เน้นความสะดวกไม่ต้องการไปแย่งกันหาที่จอดตรง Crystal ราชพฤกษ์ครับ [ที่ตั้งและการเดินทางมาร้าน:] • ถ้าวิ่งมาตามเส้นราชพฤกษ์เลยวงเวียนพระราม 5 มาให้ชิดซ้ายตรงร้าน Maria Pizzeria เพื่อเตรียมขึ้นสะพาน U-turn และชิดซ้ายทันทีเมื่อลงจากสะพาน • ถ้ามาจากเส้น 345 หรือถนนชัยพฤกษ์ ให้เลี้ยวซ้าย และ U-turn ตรงแยกไทรม้าแล้ววกกลับมาอีกทีเส้นราชพฤกษ์ เพราะถ้าตรงขึ้นสะพานจะเข้าร้านไม่ทัน สังเกตง่ายๆอีกอย่างคือร้านอยู่ติดกับร้านขายเฟอร์นิเจอร์กว้างๆริมถนนเลยครับ จอดรถสะดวกที่ด้านหน้าร้านแล้วลงเดินเข้าร้านได้เลยครับ [บรรยากาศร้าน:] การตกแต่งในร้านนี้เป็นสไตล์เรียบๆ ออกแนวสไตล์ญี่ปุ่นเลยครับ เน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ ที่นั่งมีทั้งตรงซูชิบาร์แบบที่นั่งยาวด้านหน้าร้าน มีแช่พวกวัตถุดิบสดต่างๆในตู้ซูชิ นั่งดูเชฟปั้นซูชิหรือโต๊ะแยกต่างหาก รองรับลูกค้าได้เยอะเหมือนกัน 20-40 ที่ ไม่มีที่นั่งข้างนอกร้านครับ [ข้อมูลร้านที่ควรรู้ก่อนมา:] • (ช่วงทดลอง) ร้านเปิดทุกวัน 14:00-22:00 ไม่มีแบ่งคั้นเป็น 2 ช่วงเวลา • ราคาอาหารและเครื่องดื่มในเมนู ยังไม่รวม SC & VAT ต้องมี ++ • (ช่วงทดลอง) รับเฉพาะเงินสดเท่านั้น แต่มีโปรโมชั่นลด 30% ทุกเมนู [เมนูอาหาร:] ของที่นี่ก็คล้ายๆกับร้านซูชิบาร์ระดับพรีเมี่ยมทั่วไป เท่าที่ผมดูๆเน้นออกไปทาง Fusion พวก Roll หน้าตาสวยๆชื่อแปลกๆหน่อย แต่ก็มีพวกซูชิแบบดั้งเดิมหรือ Traditional ปั้นสไตล์ Nigiri ปลาครบทุกตัวตามมาตรฐานร้านซูชิระดับนี้ควรจะมีครับ Otoro/Chutoro/Akami/Uni/Hamachi/Engawa ราคาต่อคำตามลำดับคือ 390/270/80/320/100/120 บาท ยังไม่รวม ++ ส่วนเมนู Roll & Maki ตัวที่เด่นๆน่าจะเป็น Signature ของทางร้านคือ Sexy Moon Roll 370 บาท และ Sushi Ryu Roll 470 บาท อื่นๆก็มี Orange Blossom Roll (370), Volcano Roll (350), Dancing Eel Roll (300), First Love Roll (290), Caterpillar Roll (350) [รายการอาหารที่เคยสั่ง:] เนื่องจากผมได้มาลองทานที่ร้าน 2 ครั้งแล้ว โดยแต่ละครั้งสั่งไม่เหมือนกัน ขอรวบยอดรีวิวตามรายการทีเดียวเลยครับมี • Sushi Salmon Akami (300 บาท) ตอนมาทานครั้งแรกช่วงเปิดร้านใหม่ๆเลย เป็น Sushi Set ทั้งหมด 6 คำที่ประกอบด้วย Salmon Nigiri 3 คำ Akami Nigiri 3 คำ ถ้าเทียบกับว่าสั่งมาเป็นคำๆแยกถือว่าประหยัดได้กว่าเยอะ Akami ปกติคำละ 80 บาท Salmon คำละ 60 บาท ชุดนี้คนที่ชอบทานแซลมอนและทูน่าเหมาะครับ เรื่องคุณภาพปลาครั้งนี้ผมถือว่าผ่านครับถ้าเทียบกับราคาขาย เกรดปลาที่ใช้ถือว่าระดับซูชิบาร์ สดระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับสุดยอด แต่มีจุดที่ขอคอมเมนท์เด่นๆสำหรับครั้งแรกเลยคือข้าวซูชิผสมหมักน้ำส้มมาเยอะไปหน่อย รสออกเปรี้ยวค่อนข้างเด่นไปเวลาทาน ซึ่งผมก็แจ้งทางร้านเค้าไปครับ แต่ส่วนที่ผมชอบและอยากชื่นชมคือหน้าตาซูชิที่ปั้นเสร็จมาให้ดูสวยงามได้สัดส่วนดี มีเทคนิคการแล่ชิ้นปลาที่ดูมืออาชีพโดยเฉพาะ Akami ทูน่าเนื้อแดงที่มีการบั้งเป็นแถวๆพอประมาณไม่แตกยุ่ย เพื่อให้รสชาติเด่นขึ้นเวลาเคี้ยวและไม่คาวเลย • Sexy Moon Roll (370 บาท) สำหรับตอนมาทานครั้งแรก ถือว่าเป็น Signature Roll ตัวนึงของร้านเค้า โรลตัวนี้มีส่วนผสมของวัตถุดิบหลายอย่างคือ ไข่กุ้ง ไข่กุ้งดำ ทูน่า ปลาไหล กุ้งทอด อาโวคาโด หน่อไม้ฝรั่ง แตงญี่ปุ่น สาหร่าย ครีมชีส ราดด้วยซอสเทริยากิรสเผ็ด และสิ่งหนึ่งที่ทำให้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของเมนูร้านนี้คือเกร็ดแป้งทอดเทมปุระสีชมพูกรอบๆ (น่าจะเป็นที่มาของชื่อเมนูนี้ครับคือคำว่า Sexy) ที่โรยมารอบๆจานนี้ครับ เนื่องจากเป็นเมนูประเภทฟิวชั่นดังนั้นจึงไม่ได้ดึงความสดของปลาที่พันมาในโรลออกมาเป็นจุดเด่นแต่ทูน่าในแต่ละคำถือว่าชิ้นใหญ่ได้น้ำได้เนื้อดี แต่ยังไงเมนูนี้ก็โดดเด่นตรงรสชาติของส่วนผสมทั้งหมดที่ใส่มาทำให้รสสัมผัสมันเคล้าผสมกลืนกันและได้เนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบจากเกร็ดแป้งและไข่กุ้งสองสีที่โรยมารอบๆ แต่ส่วนตัวผมขอบอกว่าถ้าสั่งมากินคนเดียวทั้งหมดอาจเลี่ยนได้ในคำหลังๆเพราะมีทั้งครีมชีสและซอสรดเผ็ดผสมกันทั้งมันและเผ็ดเข้ม ดังนั้นผมคิดว่าน่าจะเหมาะเป็นเมนู Sharing portion มากกว่าทานเดี่ยวๆเหมือนพวก Nigiri Sushi • Nigiri Sushi สำหรับตอนมาทานรอบที่ 2 ผมสั่งเฉพาะซูชิแบบเป็นคำอย่างที่ชอบทานมาลองดูครับ ที่สั่งมามี Otoro (390 บาท) โอโทโร่เนื้อสดฉ่ำดีแต่เกรดคุณภาพผมว่าไม่ถึงกับขั้นดีสุดขนาดละลายในปากครับ เคี้ยวแล้วรู้สึกติดเนื้อสากๆบ้างเล็กน้อย Chutoro (270 บาท) คุณภาพใกล้เคียงกับโอโทโร่ เคี้ยวแล้วผมว่าความรู้สึกหรือเนื้อสัมผัสไม่ต่างกันมากครับ ดูเหมือนสั่งชูโทโร่จะคุ้มกว่า Engawa (120 บาท) อร่อยใช้ได้ ย่างไฟมากำลังดีไม่มากจนแห้งไป เคี้ยวแล้วเลยนุ่มเด้งตอนแรกแต่มีความกรุบกรอบปนอยู่ มีแต้มวาซาบิขูดสดด้านบนด้วยเพิ่มรสชาติ Kohada (80 บาท) ปลาโคฮาดะเป็นปลาขนาดกลางๆที่ใช้ทำซูชิโดยใช้ส่วนชิ้นปลาที่ติดหนังสีเงิน เวลาปั้นเสร็จเลยดูสวยงามแวววาว ส่วนใหญ่จะสไลด์ชิ้นปลาเอาไปหมักกับน้ำส้มก่อนปั้นเป็นซูชิ คำนี้ผมว่าใช้ได้ Ika (40 บาท) ปลาหมึกขาวเนื้อเนียนดี ไม่คาวครับ Tamago (40 บาท) สั่งมาเพื่อกินล้างปากเป็นของหวานตบท้ายเฉยๆครับ ผมว่าราคาเทียบกับคุณภาพไม่ผ่านแพงไป ค่าเสียหายตอนที่ไปทาน หลังลด 30% และรวม ++ แล้ว ตกประมาณมื้อละ 600-800 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของปลาที่สั่งครับ ถ้าจะเอาเน้นอิ่มคงควรสั่งพวกโรลครับ [รีวิวตามความเห็นส่วนตัว:] • คุณภาพและความสดของปลาถือว่าพอใช้กลางๆครับ ดีตรงที่มีเมนูทุกอย่างสั่งได้ครบเลยไม่ขาด (ถึงแม้เป็นช่วงทดสอบรันระบบร้านใหม่ๆ) โดยเฉพาะ Nigiri หน้าต่างๆ น่าจะบริหารจัดการเรื่องสต๊อกวัตถุดิบได้ไม่ยากเพราะร้านยังมีสาขาแค่ 2 แห่งครับ • ข้าวซูชิเป็นข้าวญี่ปุ่นเม็ดป้อมๆเล็กๆ ครั้งแรกมาน่าจะใส่น้ำส้มสายชูมากไปหน่อยเลยออกเปรี้ยวไปหน่อย แต่มาครั้งหลังโอเคเลยไม่เปรี้ยวมากเกินน่าจะเอาไปปรับตามที่แนะนำ แต่รู้สึกว่าครั้งหลังจะปั้นข้าวค่อนข้างหลวมไปนิดเลยคลายตัวแตกออกมาเวลาคีบบ้างก่อนเข้าปากครับ • เทคนิคการปั้นซูชิแล่เนื้อปลาและรูปร่างซูชิที่เสร็จออกมา จุดนี้ผมขอยกเป็นสิ่งที่ผมประทับใจสุดทั้งสองครั้งที่มาทานครับ ปั้นมาแบบดูมืออาชีพดีไม่ใช่ขนาดขาดๆเกินๆไม่เท่ากัน ทำได้สม่ำเสมอดี ข้าวปั้นขนาดกำลังพอดีคำไม่เน้นคำใหญ่ ส่วนขนาดชิ้นปลาสอดคล้องกับขนาดข้าวปั้นด้านล่าง การเตรียมหรือปรุงปลาแบบต่างๆทั้งสดหรือหมักหรือย่างไฟดีแล้วครับ สุดท้ายเลยได้ซูชิที่ดูสมส่วนน่าทาน รสชาติของวัตถุดิบที่ใช้เลยดึงมาโดดเด่น จะเห็นว่าพวกเมนู Nigiri เค้าจะทำแบบ Traditional เท่านั้นคือใช้วัตถุดิบหลักหน้าซูชิอย่างเดียว ไม่มีแบบเอาหลายๆอย่างมาผสมปนกันจนรสเพี้ยนไปครับ • พวกเมนูโรลต่างๆ ดูแล้วมีหลายตัวเหมือนกัน แต่เท่าที่ผมสังเกตถึงแม้เมนูจะต่างกันแต่ก็วัตถุดิบต่างๆหลายตัวก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน ต่างกันจริงๆตรงซอสที่ราดหรือรูปแบบการนำเสนอครับ พวกเมนูที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า Sexy ก็จะมีเกร็ดแป้งทอดสีชมพูโรยเหมือนกัน ผมเห็นเค้าเตรียมใส่กล่องไว้เยอะเลย เวลาใช้ก็โรยบนจานโรลได้เลยครับ ส่วนเรื่องขนาดหรือปริมาณผมว่าเป็น Sharing portion ทานแบ่งกันน่าจะเหมาะกว่าเพราะแต่ละอย่างจะเน้นความมันจากครีมชีสและรสเข้มๆของซอสที่ราด ดังนั้นทานคนเดียวอาจเลี่ยนได้ครับ • ราคา ถ้าเป็นช่วงโปรตอนที่ผมไปลด 30% ก็ถือว่ามาตรฐานครับ ไม่แรงไป แต่ถ้าเป็นราคาปกติบางอย่างอาจสูงไปนิดครับ ผมคิดว่าเค้าคงมีโปรโมชั่นอยู่เป็นระยะหลังช่วงเปิดร้านจริงจังครับ • บริการ ช่วงเปิดร้านใหม่ๆยังไม่ค่อยเข้าที่มากสำหรับความพร้อมพนักงาน ดูยาวๆค่อยๆปรับกันไปครับ สรุปโดยรวมตามที่ผมรีวิวไปทั้งหมด ขอให้ 3 ดาวครับกลางๆ เมนูอาหารพวกโรลที่เค้าค่อนข้างดึงมาเป็นจุดเด่น สไตล์จะคล้ายกับร้านซูชิดังร้านหนึ่งในซอยสุขุมวิท 31 ซึ่งร้านนี้ถือว่าทำได้โอเคครับ ส่วนเมนูพวกซูชิปั้นเป็นคำๆตามความเห็นผมคิดว่าไม่ได้โดดเด่นมากระดับกลางๆครับ ร้านนี้ถือว่าเป็นซูชิเดิมในย่านทองหล่อที่เริ่มขยายสาขาออกมานอกเมืองเพื่อรองรับตลาดกลุ่มใหม่หรือลูกค้าหน้าเดิมที่ต้องการความสะดวกไม่ต้องเข้าไปในเมืองครับ... อ่านต่อ
21 Likes0 Comment
photo