- หน้าแรก
/
- รูป วัดเจ้าจันทร์

5.0

โบราณสถานสมัยก่อนสุโขทัยน่าเที่ยวชมวัดเจ้าจันทร์ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ศรีสัชนาลัย สุโขทัย เป็นโบราณสถานที่อยู่ภายนอกกำแพงเมืองศรีสัชนาลัย ค่อนมาทางวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ศรีสัชนาลัย ห่างจาก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ศรีสัชนาลัย 400 เมตร สามารถเดินเที่ยวชมจากวัดชมชื่น (ในบล็อกที่แล้ว) มาถึงวัดเจ้าจันทร์ ได้เลยครับ
อย่างที่ได้เคยเล่าให้ฟังในบล็อกเที่ยวทั่วไทย 2 บล็อก ก่อนหน้านี้ว่า พื้นที่ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุศรีสัชนาลัย วัดชมชื่น และ วัดเจ้าจันทร์ เป็นพื้นที่ที่มีการใช้งานมาก่อนยุคสุโขทัย ยิ่งกว่านั้นก่อนที่จะเป็นเมืองเชลียงซะอีกครับ
จากการศึกษาขุดค้นบริเวณชั้นดินซึ่งแสดงถึงชั้นวัฒนธรรมที่มาก่อนเมืองเชลียง ย้อนไปถึงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายประมาณพุทธศตวรรษที่ 9 พบหลักฐานโครงกระดูกมนุษย์ 12 โครง และจากแบบแผนการฝังศพที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมทวาราวดี กำหนดอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 10 – 11 และจากการขุดค้นของกรมศิลปากรในการสำรวจตลิ่งแม่น้ำยมเมื่อเดือน ก.ค. 2536 พบกลุ่มโบราณสถาน เศษถ่าน ดินเผาหนาแน่นอยู่ลึกลงจากผิวดินประมาณ 5-6 เมตร และพบโถเคลือบสีขาวคล้ายเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ซ่ง สันนิษฐานว่ามีอายุในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 - 15
และอย่างที่เล่าให้ฟังเมื่อตอนต้นแล้วว่า วัดเจ้าจันทร์ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เป็นโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่กว่าสมัยสุโขทัย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด ตัวโบราณสถานโดยฉพาะตัวปราสาทกำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 18 ร่วมสมัยกับศิลปะขอมแบบบายน คาดว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในยุคที่ขอมยังมีอำนาจเหนือดินแดนแถบนี้อยู่ (ก่อนที่จะมาถึงสมัยสุโขทัย)
ชื่อของ วัดเจ้าจันทร์ ยังปรากฏในหนังสือพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว “เที่ยวเมืองพระร่วง” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเชื่อว่าเป็นเทวสถานหรือศาสนสถานในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เพราะมีปรางค์ทำนองเดียวกับวัดศรีสวายและวัดพระพายหลวงของเมืองสุโขทัย และพบเศียรพระศิวะทำจากศิลาและมีอุณาโลมด้วย
ผังของ วัดเจ้าจันทร์ วางตัวตามแนวแกนทิศตะวันออก – ตะวันตก โดยมีปราสาทเป็นประธานของวัด
ด้านหน้าสุดจะเป็น วิหาร จากการขุดค้นแล้วพบว่าสร้างภายหลังปราสาท โดยการถมอัดลูกรังบริเวณรอบๆปราสาทแล้วสร้างวิหาร จึงทำให้ฐานชุดบัวคว่ำ - บัวหงายของปราสาทจมอยู่ใต้ดิน
วิหารก่อด้วยศิลาแลงในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 7 ห้อง มีมุขโถงยื่นไปทางด้านหน้า มีบันไดทางเข้า – ออก ตรงที่ติดกับมุขกลางทั้งสองข้าง
เสาวิหารทำจากศิลาแลงตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมวางซ้อนสลับกัน
ด้านในเป็นฐานชุกชีสูง อยู่ในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าย่อมุม พบโกลนพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ
ด้านหลังวิหารมีปราสาทที่มีอายุเก่าแก่กว่า
ตัวปราสาทอยู่ในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นปราสาททรงจัตุรมุข (รูปทรงคล้ายๆเครื่องหมายบวก) ฐานปราสาทเป็นฐานหน้ากระดานหรือฐานเขียง (ฐานรูปสี่เหลี่ยมเรียบๆ) สันนิษฐานว่าอาจจจะมีฐานบัวคว่ำ – บัวหงาย รองรับอีกชั้นหนึ่งอยู่ใต้ผิวดิน เนื่องจากพบระเบียบของฐานลูกบัวรอง 1 ชั้น รองรับอยู่ – คล้ายๆกับที่ปราสาทตาผาแดง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=chubbylawyer&month=11-2016&date=24&group=44&gblog=17 )
ถัดขึ้นไปจากชั้นฐานเป็นชั้นเรือนธาตุ (ตัวปราสาท) ก่อด้วยศิลาแลง อยู่ในผังย่อมุมไม้ยี่สิบ ยังคงหลงเหลือร่องรอยปูนปั้นประดับตกแต่งนิดหน่อยตรงใกล้ๆฐาน
เรือนธาตุทำเป็นมุขยื่นออกมาเล็กน้อยเพื่อทำเป็นซุ้มประตูทั้ง 4 ด้าน (จัตุรมุข) แต่จะมีทางเข้าจริงเพียงด้านเดียวคือด้านตะวันออก ที่เหลือทั้ง 3 ด้านเป็นประตูหลอก (แต่จะเป็นมากกว่าประตูหลอกคือทำเป็นซุ้มเว้าเข้าไปเพื่อประดิษฐานรูปเคารพ โดยพบฐานสี่เหลี่ยมจตุรัสติดกับกำแพงด้านใน)
ซุ้มประตูก่อแบบลดหลั่น เหลื่อมกันเป็นซุ้มโค้ง
หน้าบันเหนือกรอบประตูมี 2 ชั้น ชั้นแรกจะยื่นออกมารับกับมุขของเรือนธาตุ ส่วนหน้าบันชั้นบนจะถดเข้าไปเล็กน้อย
ถัดขึ้นไปเป็นชั้นรัดประคด หรือ ชั้นวิมาน มี 3 ชั้น ลดหลั่นกันขึ้นไป แต่ละชั้นมีซุ้มช่องบัญชรเป็นลักษณะเสาตั้งคานทับขนาดเล็ก (ลักษณะคล้ายๆประตูปราสาท) มีปีกนกและกลีบขนุนประดับตกแต่งทั้ง 3 ชั้น
ด้านบนสุดเป็นชั้นบัวกลุ่มยอดปราสาท และกลศ
ด้านในห้องครรคฤหะพบฐานชุกชีและโกลนพระพุทธรูป
ด้านเหนือติดๆกันกับปราสาทมี มณฑป สร้างด้วยศิลาแลง ก่อผนังสูงทึบ 3 ด้าน เว้นด้านทิศเหนือเพื่อเป็นทางเข้า ด้านในพบโกลนพระพุทธรูปยืนพระหัตถ์แนบพระองค์ 1 องค์ (พระอัฐารส) หลังคาสันนิษฐานว่าเป็นเครื่องไม้ มุงด้วยกระเบื้อง เพราะพบกระเบื้องหลังคาแตกกระจายอยู่ทั่วไป
มีข้อสันนิษฐานหลายทางว่า ปราสาทวัดเจ้าจันทร์ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาเป็นศาสนสถานในศาสนาพุทธเป็นอะไรกันแน่
ศาสตราจารย์ฌอง บวสเซอริเยร์ (Jean Boisselier) นายเอ บี กริสโวลด์ และศาสตราจารย์หม่อมเจ้าศุภัทรดิส ดิสกุล สันนิษฐานว่าเป็นธรรมศาลา หรือที่พักคนเดินทาง ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เนื่องจากอาคารรูปแบบนี้เป็นที่นิยมในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
อาจารย์พิริยะ ไกรฤกษ์ มีความเห็นว่า ปราสาทวัดเจ้าจันทร์ไม่น่าจะเป็นธรรมศาลาดังที่ปรากฎในหลักศิลาจารึกปราสาทพระขรรค์ เนื่องจากผังของธรรมศาลาในทุกๆที่ที่พบจะมีผังที่เหมือนกัน แต่ผังของปราสาทวัดเจ้าจันทร์กลับแตกต่างออกไป เช่น ผังของปราสาทเป็นสี่เหลี่ยมย่อมุม แต่น่าจะเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นไล่เลี่ยกับพระศรีรัตนมหาธาตุชเลียง
ล่าสุด อาจารย์วรนัย พงศาชลากร นักค้นคว้าด้านโบราณคดีมีความเห็นว่า ปราสาทวัดเจ้าจันทร์ น่าจะสร้างขึ้นภายหลังรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ประมาณต้นพุทธสตวรรษที่ 19
โดย อจาราย์ฉันทัศ เพียรธรรม สรุปข้อแตกต่างจากการสร้างปราสาทในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 3 ประการคือ
1. ไม่มีประตูหลอก แต่จะทำเป็นช่องเว้าหรือซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปหรือรูปเคารพ
2. ปกติปราสาทประธานของขอมจะมีชั้นซ้อน 4 ชั้น รวมกับชั้นหลักเป็น 5 ชั้น แต่ปราสาทวัดเจ้าจันทร์มีชั้นซ้อน 3 ชั้น
3. ปราสาทขอมจะมีบรรณแถลงทั้ง 4 ทิศ และนาคปักที่มุมทั้ง 4 แต่ปราสาทวัดเจ้าจันทร์ไม่มีบรรณแถลง จะมีแต่ส่วนหน้าบัณที่ยืดสูงขึ้นไป
อาจารย์วรนัย พงศาชลากร ยังกล่าวอีกว่า ในศิลาจารึกหลักที่ 2 บรรทัดที่ 39 มีข้อความปรากฏว่า
“พ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราดนั้น ให้สร้างเจดีย์มีคุณแก่ท้าวพระยา เป็นอาจารย์พระนธิบาลแก่ฝูงกษัตราธิราชทั้งหลาย มาสถิตอยู่ในศรีเสชนาไล”
เพราะฉะนั้นปราสาทวัดเจ้าจันทร์ก็อาจจะสร้างโดยพ่อขุนผาเมือง หลังจากสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยมีรูปแบบ “คล้ายๆ” กับปราสาทในศิลปะบายนก็ได้
0 Like0 Comment


