4.0
75 เรตติ้ง (55 รีวิว)
อาหารไทย฿฿฿฿฿
ปิดอยู่จะเปิดในวันศุกร์ เวลา 12:00
เมนูของร้าน PASTE Bangkok Gaysorn Village
เสพย์อาหารดุจงานศิลป์- หลอมรวมตำรับไทยโบราณจากต้นกรุงรัตนโกสินทร์กับความสร้างสรรค์แบบ East meets WestPaste – ร้านอาหารไทยจากฝีมือการรังสรรค์ของเชฟบี – บงกช สระทองอุ่น และเชฟ Jason Bailey คู่สามีภรรยาชาวไทย-ออสเตรเลีย นี้มี Concept โดดเด่นที่การนำตำรับอาหารไทยโบราณจากช่วงปี ค.ศ. 1870 – 1930 มาศึกษาตีความ แล้วปรุงขึ้นใหม่ด้วยเทคนิคนำสมัย พลิกแพลงใช้วัตถุดิบชั้นเลิศที่หาได้ทั้งจากในไทยและต่างประเทศ ผสมผสานรสชาติอาหารไทยเข้ากับอาหารตะวันตกได้อย่างกลมกลืน ซึ่งทำให้อาหารของ Paste มีรสชาติอันละเอียดอ่อนซับซ้อนหลากมิติ ผนวกกับการตกแต่งจานที่งดงามดุจดั่งผลงานจากปลายพู่กันของจิตรกร จึงไม่น่าแปลกใจที่ Paste จะได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆมาแล้วมากมาย รวมไปถึงได้ 1 Michelin Star ของปี 2018 นี้ด้วยค่ะ ****-ทำเลที่ตั้ง / บรรยากาศ-**** ร้านตั้งอยู่ชั้น 3 ของ Gaysorn Plaza ตกแต่งแบบร่วมสมัย เน้นโทนสีขาวสว่างตา แม้ด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่ซึ่งอยู่ในตัวห้าง ทำให้ไม่สามารถสรรค์สร้างในเรื่องของบรรยากาศให้โดดเด่นได้เต็มที่ แต่ก็ชดเชยในแง่ของทำเลที่เดินทางสะดวก และเพิ่มความเก๋ไก๋ด้วยต้นไม้และของประดับแบบเรียบเท่ดีทีเดียว ****-การบริการ-**** ร้านเปิดทุกวัน แบ่งช่วงเวลาให้บริการเป็นอาหารมื้อกลางวัน (12.00 -14.00 น.) และมื้อเย็น (18.30 -23.00 น.) โดยมีให้บริการทั้ง Lunch Set และ Dinner Tasting Menu โดยอาหารในเซ็ทจะเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆตามฤดูกาล และในแต่ละเซ็ทจะมีการกำหนดจำนวนคนที่จะสั่งได้ เท่าที่เห็นก็จะ 2-4 คนขึ้นไป ในกรณีที่จำนวนคนไม่ครบที่จะสั่งอาหารเป็นเซ็ท ทางร้านก็มีเมนู A la carte ให้สั่งค่ะ ****- Lunch Tasting Menu-**** ครั้งนี้ลองเป็นชุดอาหารกลางวันราคา 1,850++ บาท / คน ต้องสั่งขั้นต่ำอย่างน้อย 2 คนขึ้นไปนะคะ [Welcome Drink] เป็นน้ำใบเตยผสมมะตูม แต่งกลิ่นรสด้วย Elder Flower Syrup และเพิ่มความซาบซ่าด้วยโซดา มีดอกบานไม่รู้โรยลอยมาเก๋ๆ ทั้งความหอมและระดับความหวานคือเป๊ะเว่อร์ จิบเพลินชื่นใจดีเลยค่ะ [Amuse Bouche] เนื้ออกเป็ดรมควันวางมาบนใบ Cashew ปรุงรสด้วยซอสข่าและมะดัน ท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ เป็นของว่างชิ้นเล็กๆที่อัดแน่นไปด้วยรายละเอียด ถือว่าเริ่มต้นมื้อนี้ได้อย่างน่าสนใจดีทีเดียว [Course I] ● ปลาแซลมอนสมุนไพรและแตงโม (Watermelon, ground salmon with fried shallots and roasted galangal powder) “แตงโมปลาแห้ง” นั้นจัดว่าเป็นอาหารไทยโบร่ำโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และในงานสมโภชวัดพระศรีรัตนศาสดารามสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อปีพ.ศ. 2325 ก็มีหลักฐานบันทึกไว้ว่าแตงโมปลาแห้งนี้เป็นหนึ่งในอาหารคาวหวานที่มีการจัดเลี้ยงพระสงฆ์ถึง 2,000 รูป – เชฟบีจึงได้นำเมนูนี้มาตีความและปรุงขึ้นใหม่อย่างประณีต เนื้อแตงโมควักมาเป็นก้อนกลมพอดีคำ โรยมาแบบท่วมท้นด้วยด้วยปลาแซลมอนบดแห้ง หอมเจียว ผักชีป่า และผงข่า แต่งกลิ่นหอมด้วยใบโหระพา แล้วท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอนพูนๆ โดยไม่ลืมตกแต่งให้ดูงามตาด้วยดอกหางนกยูงสีส้มสดใส รสชาตินี่คือสดชื่น อร่อยลงตัว เข้ากันดีเหมาะเจาะทุกองค์ประกอบ ถูกใจมากมายค่ะ ● หน้าตั้งแขก (Roasted duck, nutmeg & sawtooth coriander on rice crackers) เป็น Finger Food ที่ประกอบด้วยแผ่นข้าวตังทอด โรยหน้าด้วยเนื้อเป็ดฉีก เคล้ากับผักชีฝรั่ง แต่งรสด้วยจันทน์เทศและ Curry Paste จัดว่าทานได้พอเพลินๆนะ ● สาคูไส้ปลาเทร้าต์จากโครงการหลวง (Tapioca dumplings of Royal Project smoked trout, toasted peanuts, Thai mustard leaf & wild sesame) สาคูไส้ปลาเทร้าต์เสิร์ฟอุ่นๆมาบนจานที่โรยด้วยเม็ดมะกล่ำตาแดงสีสดใส ตัดกับสีเขียวของ Thai mustard leaf ที่วางรองสาคูมาได้เหมาะเจาะ โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวและงา ท็อปด้วยพริกขี้หนูเขียว 1 เม็ดเต็ม ชิมแล้วแป้งสาคูนุ่มดีแต่ค่อนข้างหนาไปนิด ส่วนไส้นั้นรสอ่อนกว่าสาคูไส้หมูที่เราคุ้นเคยทั่วไป เลยยังไม่โดนใจเท่าไหร่ แต่ก็จัดมาได้สวยงามน่าทานดีทีเดียว [Course II] ● ต้มยำเม็ดขนุนและขาหมูโบราณใส่หอมแดงเผา(Old style hot and sour soup of crisp pork leg, roasted tomatoes and fried garlic in a smoky chicken broth) เป็นต้มยำที่ปรุงได้จี๊ดถึงใจเราสุดๆ เปรี้ยวนำแบบไม่หวงมะนาว ไฮไลท์ของชามนี้คือขาหมูที่ตุ๋นนุ่มจนมันหมูด้านในแทบละลายในปากแต่ผิวนอกทอดจนกรอบหอม ทานกับหอมเผา มะเขือเทศ และเม็ดขนุนที่ใส่มาในน้ำแกงก็อร่อยค่ะ ● ยำส้มโอ, ใบชะพลู, กุ้งสีแดงจากสเปน, ส้มแก้ว, น้ำพริกเผาสูตรทางร้านและกะปิเคย (Pomelo salad of char-grilled Scarlet prawns, Asian citron, chili jam and gapikhoei plankton paste) เป็นเมนูที่ทั้งสวยงามและดูอลังการที่สุดในบรรดาทุกจานในมื้อนี้ก็ว่าได้ กุ้งสเปนตัวใหญ่ เนื้อแน่น ลายสวย ส้มโอชิ้นโตๆ วางมาบนน้ำยำสีส้มที่มีรสจัดจ้านจากความเปรี้ยวแบบยำบวกกับความเค็ม-มัน-เผ็ดนิดๆจากน้ำพริกเผาและกะปิ เป็นรสชาติที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนยำส้มโอที่เคยได้ลองที่ไหนทั้งนั้น ชิมแล้วรสชาติค่อนข้างหนัก ไม่เหมาะจะเอามาทานเล่นเปล่าๆแบบยำส้มโอทั่วไป ต้องทานกับข้าวถึงจะลงตัวค่ะ ● ฉู่ฉี่ปลาเทร้าต์ออสเตรเลีย (Choochee curry of Australian ocean trout, green peppercorn, lesser ginger, kaffir lime & roasted young galangal) เป็นจานที่ปลื้มปริ่มที่สุดในมื้อนี้เลย ปลาเทร้าต์ออสเตรเลียเนื้อเนียนนุ่มลื่นละมุนลิ้น เข้ากับรสของเครื่องแกงฉู่ฉี่ที่ปรุงมาได้พอดิบพอดี ทั้งหอมทั้งกลมกล่อม อร่อยระเบิดระเบ้อ... [Course III] ● Dessert เป็นของหวานที่ประยุกต์ขนมไทยๆเข้ากับความเป็นตะวันตกได้ลงตัว presentation ก็สวยประณีตละเมียดละไม น่าประทับใจมากเลยล่ะค่ะ ...มูสชาไทยเนื้อเนียนนุ่มหอมกลิ่นชาไทยชัดเจน ทานกับ Chocolate crumble, Butter crumble ทองม้วน ขนมผิง และกลีบลำดวน ดีงามจนไม่อยากจะให้หมดเลยล่ะ ● Petit Four ฟินกันจนถึงจานสุดท้าย กับ Petit Four ที่เป็น Dark Chocolate อย่างดีจาก Valrhona ระดับความหวานกำลังดี ไม่ขมมาก และหอมอวลทีเดียว มีใส่เหล้ามาเบาๆ (ไม่แน่ใจว่าเป็นรัมรึเปล่านะคะ) เป็นอันจบมื้อนี้ลงได้อย่างน่ารื่นรมย์ที่สุดค่ะ ****-The Verdict-**** อาหารที่ได้ลองนั้นต้องบอกว่าแต่ละจานโชว์ความซับซ้อนละเมียดละไมและความคิดสร้างสรรค์ได้น่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว วัตถุดิบคุณภาพดี Concept น่าสนใจ แม้ราคาจะดูว่าสูงอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี น่าหาโอกาสไปลองดูนะคะ Special Thanks : Chang Sensory Trails 2018 และ Wongnai... อ่านต่อ
63 Likes0 Comment
photo