3.7
55 เรตติ้ง (39 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 11:00
เมนูของร้าน watashi sushi สาขา maxvalu ลาดปลาดุก
ร้านซูชิระดับกลางย่านบางบัวทอง มี Engawa กับ Hotate @ด้านหน้า MaxValu ซอยวัดลาดปลาดุก## ข้อมูลที่ควรรู้ก่อน: จากรีวิวแรกที่ผมเขียนไป ปัจจุบันร้านนี้ได้ย้ายไปอยู่บริเวณด้านหน้าของ MaxValu @ซอยวัดลาดปลาดุกแล้ว (เลยเข้าไปจากร้านตอนแรกอีกนิดหน่อย ดูตำแหน่งบนแผนที่จากใน App ได้เลยครับ เพราะผมเป็นคนอัพเดทตำแหน่งเองตอนนั่งอยู่ที่ร้านเลย) ตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.2559 ร้านมีพื้นที่กว้างและดูดีขึ้นกว่าแต่ที่เดิมแล้ว รองรับลูกค้าได้มากขึ้นและนั่งสบายไม่แออัดเหมือนร้านที่แรก เมนูทุกอย่างไม่เปลี่ยน แต่ราคาอัพขึ้นตามพื้นที่ร้าน ## นิยามของร้านซูชิระดับกลาง (หรือ mid-end) ตามความคิดผมคือ เป็นร้านที่มีซูชิบาร์ให้นั่งเหมือนกัน แต่อาจมีวัตถุดิบแบบดีๆไม่เท่ากับร้านพรีเมี่ยม (ไม่มีพวก Otoro/Chutoro/Uni/Foie Gras) โลเคชั่นร้านส่วนใหญ่จะไม่ได้อยู่ตามห้างหรือมอลล์แต่จะตั้งเป็นแบบเดี่ยวๆ (standalone) ในแหล่งชุมชน ราคาก็ย่อมเยากว่าลงมากว่าร้านแบบพรีเมี่ยมค่อนข้างเยอะ (ไม่เจอค่าเช่าที่มหาโหดเหมือนตามห้างหรือมอลล์ รวมถึงส่วนใหญ่เจ้าของอาจเป็นคนเตรียมและทำซูชิเองดังนั้นจึงลดต้นทุนเรื่องพนักงานบริการลงไป) ส่วนใหญ่ร้านพวกนี้จะรู้จักกันก็แบบวิธีปากต่อปากสำหรับคนในพื้นที่ (หรือผ่าน social network) ซูชิบาร์แบบนี้เตรียมและปั้นซูชิสดๆตามออเดอร์ลูกค้าครับ [ข้อมูลควรรู้ก่อนมาร้าน:] • ร้านเปิดตั้งแต่ 15:00 เป็นต้นไปจนถึงประมาณ 5 ทุ่มหรือเที่ยงคืน ตามความเหมาะสมว่ายังมีลูกค้านั่งอยู่หรือเปล่า (MaxValu ที่อยู่ด้านในเปิดตลอด 24 ชม.) • บรรยากาศร้านจะเป็นซูชิบาร์เล็กๆในร้านที่เป็นห้องแอร์ด้านใน นั่งตรงบาร์ได้ประมาณ 6-7 คน รวมถึงด้านในร้านยังมีโต๊ะแยกนั่งต่างหากอีกประมาณ 4 ตัว (4 ที่ต่อโต๊ะ) ส่วนข้างนอกร้านจะเป็นโต๊ะไม้ตั้งวางนั่งรับลมมีอยู่ประมาณ 5-6 ตัว นั่งได้โต๊ะละ 4 คน ผมว่าอารมณ์การนั่งทานต่างจากร้านแรกที่ดูสบายๆกันเองกว่าตรงนี้ครับ เจ้าของร้านซึ่งน่าจะเป็นเชฟที่ปั้นซูชิหลักด้วยรวมถึงจัดการในร้านและจัดหาวัตถุดิบเอง มีเด็กๆคอยช่วยเสิร์ฟอาหารบ้าง ดังนั้นอย่าไปคาดหวังเรื่องบริการว่าต้องเป๊ะๆเหมือนนั่งซูชิบาร์หรูๆระดับพรีเมี่ยมครับ • สำหรับคนที่อยู่แถวนี้ถ้าไม่อยากนั่งทานที่ร้านก็ซื้อใส่กล่องเอากลับไปที่บ้านได้ เห็นลูกค้าหลายคนก็แวะซื้อเอากลับบ้านทานกัน • ราคาทุกอย่างในเมนูคือ net แล้ว ไม่มี ++เพิ่ม • เนื่องจากเป็นร้านระดับกลาง ดังนั้นพวกวัตถุดิบราคาสูงอย่าง Otoro/Chutoro/Foie Gras/Uni ไม่มีนะครับ แต่ที่ร้านก็มีวัตถุดิบดีบางตัวขายเหมือนกันอย่าง Engawa (ครีบปลาตาเดียว), Hotate (หอยเชลล์), Hokkigai (หอยปีกนก) **สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นจากการมาทานล่าสุดคือการสต๊อกวัตถุดิบพวกที่ราคาสูงหน่อยอย่าง Engawa เค้าทำได้ดีขึ้นกว่าตอนแรกๆที่ผมมาทานช่วงเปิดร้านใหม่ๆ ตอนนั้นสั่งไปไม่เคยได้ทาน Engawa ร้านนี้เลยครับ แต่ตอนนี้มีพร้อมอยู่ตลอดแล้ว ลูกค้าน่าจะเยอะขึ้นเลยบริหารเรื่องนี้ได้ดีขึ้นครับ • เมนูก็มีทั้งเป็น Nigiri Sushi สั่งเป็นคำๆ (รูปในเมนูจะเป็นคู่และเป็นราคาสำหรับ 2 คำ สามารถแยกสั่งเป็นคำเดียวได้และราคาครึ่งหนึ่ง) ราคาก็เริ่มตั้งแต่แซลมอนคำละ 25 บาท พวกของดีหน่อยอย่าง Engawa/Hotate/Hokkigai คำละ 40 บาท หรือจะสั่งเป็นพวก Sashimi มีท้องแซลมอนด้วย หรือจะเป็นพวกโรลรู้สึกจะมี 2 เมนูคือ โรลหน้าทูน่าสับซอสเมนไต กับ โรลแซลมอนย่างไฟ ราคา 150 บาทเท่ากัน หรือจะสั่งเป็นพวกข้าวหน้าปลาดิบแบบต่างๆหรือ Don เสิร์ฟพร้อมซุปมิโซะ ราคา 150-160 บาท สุดท้ายก็เป็นพวกของทานเล่นอย่าง Takoyaki, Tempura, Katsu Don ก็มีครับ • เครื่องดื่มจะเป็นพวกน้ำใส่ขวดสำเร็จรูปอย่างชาเขียวใส่ขวดหาซื้อได้ทั่วไปหรือน้ำเปล่า ไม่ได้มีชาเขียวร้อน/เย็นเหมือนซูชิบาร์ระดับบนครับ [อาหารที่สั่งมา:] (สำหรับช่วงนี้) • Engawa Don (270 บาท) แต่เดิมที่ตรงแรก 250 บาท อัพขึ้นมา 20 บาท เพิ่งมีโอกาสได้ทานเมนูนี้ของร้านนี้เป็นครั้งแรกครับ หรือเมนูข้าวหน้าเอ็นกาวะนั่นเองครับ ปริมาณขนาดเท่าชามมาตรฐานตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป ไม่ใช่ Mini Don (ขนาดชามข้าวต้ม) เอ็นกาวะให้มาเยอะดีหลายชิ้น ย่างไฟมากำลังดีหอมๆพร้อมราดซอสรสออกหวานๆนิดหน่อย เนื้อเอ็นกาวะเคี้ยวแล้วกรุบกรอบ เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ใช่เป็นแผ่นบางๆยุ่ย โรยด้านหน้าบนข้าวด้วยไข่กุ้งสีส้มกับหอมซอยทั่วๆเลย รองด้านล่างเอ็นกาวะด้วยไข่หวานซอยเป็นริ้วๆทั่วชามบนข้าวเลย ตามความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า เอ็นกาวะเตรียมมาได้ค่อนข้างดีแล้ว ตัวซอสผมว่าราดมาเยอะไปหน่อยรสเลยออกหวานแต่พอรับได้ แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุดคือการที่เค้าใส่ไข่หวานมาด้วยในชาม ผมคิดว่ามันไม่เข้ากับตัวเอ็นกาวะเลย ไข่หวานเป็นของหวานไม่ควรทานคู่พร้อมกันกับวัตถุดิบที่เป็นของคาว แถมมีราดซอสมาด้วยอีกผมว่ามันเลยออกเลี่ยนไปถ้าทานเข้าไปหลายคำ สิ่งที่ดีของชามนี้ผมว่าคือสีสันหน้าตาชวนทานดี มีทั้งสีขาวของเอ็นกาวะ สีเหลืองของไข่หวาน สีส้มไข่กุ้ง สีเขียวของหอมซอย • Negi Toro (ตอนไปทานที่ร้านตรงแรก 100 บาท) หรือข้าวห่อสาหร่ายหน้าโทโร่สับกับหอมซอย ตามความเห็นผมถือว่าราคาไม่สูงดี ส่วนตัวโทโร่สับหรือทูน่าสับละเอียดนั่นเองดีตรงที่เนื้อฉ่ำดีไม่แห้งหยาบ แต่เสียที่ไม่มีรสชาติหวานของทูน่าออกมาเท่าไหร่ ออกจืดๆหน่อย ปกติเมนูนี้ต้องไม่มีซอสปรุงรสอยู่แล้ว อีกอย่างที่ผมว่าทำให้รสชาติดรอปลงคือหอมซอยที่โรยมาบนข้าวห่อคิดว่าใส่มาเยอะไปหน่อยเหมือนเอาข้าวห่อมาคลุกกับหอมซอย เวลากินเลยมีกลิ่นฉุนหน่อยๆกลบกลิ่นของทูน่า • ซูชิสั่งแยกมาเป็นคำทั้งหมด 4 คำ หรือ Nigiri & Gunkan มี 1) Hotate หรือหอยเชลล์ญี่ปุ่น (2 คำ คำละ 45 บาท) สั่งคำหนึ่งแบบดิบ อีกคำแบบย่างไฟมา ผมชอบแบบดิบมากกว่าสำหรับคู่ที่สั่งมา คุณภาพใช้ได้เหมาะกับราคาเพราะทานแล้วเนื้อออกนุ่มไม่เละยุ่ยในปาก ส่วนคำที่ย่างไฟมาผมว่ามากไปหน่อย หอยเชลล์เนื้อเลยไหม้เกรียมบ้างและออกแห้งๆบางๆดูยุ่ยๆ เคี้ยวแล้วไม่อร่อยเท่าแบบดิบครับ ราคาถือว่าไม่แพงเทียบกับร้านระดับบน 2) ข้าวปั้นพันด้วยแซลมอนหน้าไข่ปลาแซลมอน (คำละ 75 บาท) แซลมอนที่พันมาผมว่าคุณภาพไม่ค่อยดีมาก ส่วนไข่ปลาแซลมอนออกเค็มๆวางบนหน้าซูชิพูนขึ้นมาเกือบเต็มแต่มีแตงกวาฝานวางไว้ริมๆแต่งให้ดูสวยงามและไว้กินแกล้ม ส่วนตัวผมว่าคำนี้ปั้นสวยดูดีแต่ไม่ค่อยอร่อยและแพงไปหน่อยครับ 3) ข้าวปั้นห่อสาหร่ายหน้าโทโร่สับกับไข่ปลาแซลมอน (คำละ 75 บาท) ผมชอบคำนี้มากกว่าคำบนครับ เด่นตรงที่โทโร่สับเนื้อฉ่ำๆดี ตัดกับความเค็มของไข่ปลาแซลมอนดี ปั้นสวยพอดีคำ • Engawa Nigiri (2 คำ 90 บาท) แอบราคาขึ้นมา 10 บาท แต่ก่อนคู่ละ 80 บาท สองคำนี้ผมว่าอร่อยดี เอ็นกาวะย่างไฟมาพอประมาณไม่แห้งยุ่ย กรุบกรอบดี โรยด้วยหอมซอยนิดหน่อยเพิ่มกลิ่นให้อร่อยไม่ได้ไปกลบรสชาติวัตถุดิบเหมือนเมนู Negi Toro ที่สั่งครับ คำนี้เสียอย่างเดียวคือข้าวซูชิปั้นมาดูเกินๆหน่อยไม่สมดุลกับปลาครับ • ไข่หวานย่าง (60 บาท) เหมือนจะไม่ได้ย่างไฟมาเลย เนื้อไม่เนียนมีแต่รสหวานๆ ไม่ค่อยหอม จัดมาเรียงในจานดูสวยงามดีครับ ค่าเสียหายแต่ละครั้งที่ผมมาทานรวมน้ำด้วย ราคาต่อคนอยู่ที่ 300-400 บาท แบบว่าอิ่มอยู่ท้องครับ เหมาะสำหรับเกิดอยากกินซูชิและไม่อยากไปไหนไกลๆอยู่ละแวกบ้าน แบบไม่ต้องคำนึงว่าต้องนั่งร้านบรรยากาศดีๆและเน้นเรื่องบริการครับ -------------------------- ผมขอสรุปรีวิวร้านนี้ในภาพรวมทั้งหมดเป็นทีละส่วนประกอบและคะแนนดังนี้ 1. คุณภาพวัตถุดิบเทียบกับราคาขาย: สำหรับร้านซูชิ ผมจะขอแยกเป็น 2 ส่วนคือ // อย่างที่ 1: ตัวเนื้อปลาหรือวัตถุดิบอื่นๆที่ทำหน้าซูชิว่ามันมีความสดมากน้อยเพียงใด เตรียมหรือปรุงมาดีขนาดไหน ผมสรุปว่าของที่ Watashi Sushi คุณภาพและความสดของปลาโดยรวมอยู่ในเกณฑ์เหมาะสมกับราคาที่ขาย // อย่างที่ 2: ข้าวญี่ปุ่นที่ใช้ทำซูชิ ปกติจะต้องมีผสมน้ำส้มสายชูลงไปและมีความแฉะเล็กน้อย เหนียวจับเป็นก้อน ผมสรุปว่าของที่ Watashi Sushi ตัวข้าวซูชิยังเตรียมมาไม่ดีเท่าไหร่ รู้สึกว่าลดเกรดข้าวและเป็นแบบผสมกับข้าวไทย ผมเข้าใจว่าต้องการลดต้นทุนส่วนนี้ให้เหมาะสมกับราคาขายครับ ส่วนตัวผมว่าก็ไม่ได้เลวร้ายมาก ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับที่รับได้สำหรับการทานซูชิของผม 2. สไตล์และรูปแบบการปั้นซูชิ: ผมว่าดูไม่ค่อยนิ่งๆเท่าไหร่ บางคำอย่างพวก Gunkan จะปั้นมาดูสวยงามดี (น่าจะเป็นเชฟใหญ่ปั้นมา) ส่วนพวก Nigiri เหมือนข้าวปั้นมาดูเกินๆมากกว่าชิ้นปลาที่วางบนหน้า (เหมือนเชฟผู้ช่วยปั้น) ผมสังเกตเห็นล่าสุดมีเชฟปั้นซูชิทั้งหมดที่ตรงบาร์ 3 คนได้ รวมเชฟใหญ่ด้วย การปั้นเลยดูไม่สม่ำเสมอเหมือนตอนอยู่ที่แรกซึ่งเชฟใหญ่ปั้นซูชิคนเดียวเป็นหลักเลยช้าหน่อย แต่ตอนนี้ได้ซูชิค่อนข้างไวมากเพราะมีเชฟหลายคนช่วยแต่ก็ต้องคุมเรื่องรูปแบบให้เหมือนกันครับ 3. การบริการ เนื่องจากเป็นร้านสไตล์กันเองๆสบายๆ สรุปโดยรวมครั้งนี้ผมให้ 3 ดาว ลดลงหนึ่งดาวจากรีวิวที่แล้วตามที่รีวิวไปทั้งหมดครับ... อ่านต่อ
35 Likes0 Comment
photo