- หน้าแรก
/
- รูป เอื้องคำสาย Euang Kam Sai - ถนนวัวลาย เอื้องคำสาย - ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่


Dinner สุดเก๋ อาหารเหนือรสชาติออริจินอลทวิสต์ให้ดูโมเดิร์นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้มางาน Wine Dinner ที่เอาอาหารเหนือมาแพริ่ง แต่เป็นครั้งแรกของศูนย์วัฒนธรรม ที่ได้จัดงานแบบนี้ ได้นำ "กับข้าวบ้านตึก" ซึ่งถือว่าเป็นตำรับของคนเชียงใหม่ ที่สืบทอดกันมากว่า 5 รุ่น มาทวิสต์ให้แมชชิ่งกับเครื่องดื่ม และทำให้ออกมาเป็นหน้าตาแบบสากล อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนองค์กร ชาวบ้าน ให้มีอาชีพและสร้างประโยชน์เพื่อสังคม
"ของกิ๋นบ้านเฮา Wine & Dine" ได้มีโอกาสมาร่วมงาน เป็นงานดินเนอร์ครั้งแรกที่ทางศูนย์วัฒนธรรมดาได้จัดขึ้น งานนี้จะเน้นในเรื่องของการนำอาหารเหนือทวิสต์ให้เป็นโมเดิร์นมากขึ้น โดยวัตถุดิบที่นำมาใช้ล้วนแต่เป็นออร์แกนิกจากชุมชนต่าง ๆ ทั่วเชียงใหม่ ซึ่งทางศูนย์ได้ร่วมมือกับองค์การต่าง ๆ เข้าไปช่วยสนับสนุนให้เกษตรกร ชาวบ้าน ชุมชน ได้ร่วมอนุรักษ์ชุมชน เช่นสนับสนุนเรื่องการให้ชาวบ้านใช้พื้นที่ในชุมชนในการเพาะปลูกเห็ด โดยใช้หลักธรรมชาติ แทนการเผาป่าเพื่อเก็บเห็ดแค่บางชนิด ซึ่งจะส่งผลทำให้เรื่องปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ลดน้อยลงไป หรือการใช้ประโยชน์จากใบตองตึง แทนที่จะปล่อยให้มันร่วงหล่น ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย ก็นำมาผลิตเป็นจาน ชาม ที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายและถือเป็นการลดใช้พลาสติกไปในตัว เป็นต้น
สำหรับอาหารในวันนี้ ถึงแม้มันจะเป็นอาหารเหนือ แต่หน้าตาและรสชาติมันถูกทำให้รู้สึกว่า "ว้าว" รวมไปถึงเครื่องดื่มที่นำมาแพริ่งในวันนี้ก็รู้สึกว่าไปด้วยกันได้อย่างลงตัว
Amuse Bouche เป็น ข้าวแต๋นปูอ่อง ข้าวแต๋นกรอบ ๆ ท็อปปิ้งด้วยปูอ่องที่ปรุงรสมากำลังดี หอม มัน กลิ่นของความเป็นปูอ่องออกมาได้อย่างเป็นเมืองเหนือเว่อร์ ๆๆๆ กินคู่กับ Zardetti Rose ไวน์โรเซ่สีสวย เย็น ๆ สดชื่น
ตามมาด้วยเรียกน้ำย่อยอย่างกระบองทอด ซึ่งจะมีทั้งฟักทอง เห็ดป่า (ที่ได้รับการส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการไม่ทำลายป่า) และดอกไม้ที่กินได้ ชุบแป้งไม่หนามาก ทอดให้กรอบ ๆ เสิร์ฟพร้อมซอสรสชาติจัดจ้าน ซึ่งทำมาจากถั่วเป็นต้น
ถึงแม้จะเข้าฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ แต่เราก็ยังได้กิน แกงกระด้างเห็ดป่าและยำผักชี แกงกระด้างที่เสิร์ฟมาคล้าย ๆ เจลลี่ หนึบหนับพร้อมกับผักชีกลิ่นหอมและสดชื่น ซึงเมนูนี้ก็ยังกินคู่กับ Zardetto Rose เจ้าเดิมอยู่
จานต่อไปเพิ่มดีกรีความจัดจ้านขึ้นมาหน่อยกับ ตำมะเขือแบล็คมินต์กับไข่คว่ำ ได้กลิ่นสโมคของมะเขือที่เอาไปเผาไฟก่อนำมาตำ ผสานความหอมสดชื่นของสาระแหน่ดำ และไข่คว่ำเมนูอร่อย ๆ ที่เข้ากันดี แพริ่งกับไวน์ริซลิ่ง อย่าง 2015 Two Hands the wolf Riesling ซึ่งมาจากแดนจิงโจ้
ต่อมาเป็นซุป แต่ไม่ใช่ซุปข้าวโพด ซุปเห็ด หรืออะไร แต่เป็น "ผักกาดจอ" ซึ่งจะมีผักกาดจอดที่หั่นมาเป็นชิ้นพอดีคำ พร้อมท็อปด้วยหมูบดที่ปั้นเป็นลูกขนาดกำลังพอดีคำ ที่ปรุงรสออกมาได้อร่อยมาก พนักงานจะเอาน้ำซุปมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ เป็นน้ำซุปที่ออกเปรี้ยว ๆ แต่กินแล้วรู้สึกสดชื่น สำหรับจานนี้ อัพเกรดความสดชื่นขึ้นมาหน่อย กินกับราชินีไวน์ขาวชาร์ดอนเนย์ อย่าง Felton Road Chardonnay
เกือบเข้าสู่เมนละ ... แวะมาพบเจอ Entree อย่าง "ส้าผักปลาย่าง" เมนูที่ทำให้ทุกคนต้องรู้สึกแปลกใจ เพราะฟิลเลย์ที่เสิร์ฟมาชิ้นใหญ่ สวย กริลล์มาพร้อมกับสมุนไพรได้อย่างหอมและนุ่มสุด ๆ ทุกคนต่างมโนไปว่าเป็นปลาต่าง ๆ ที่เรียกว่าอยู่ในเกรดท็อป ๆ แต่เมื่อสอบถามแล้วมันคือ "ปลานิลออร์แกนิก" เฮ้ย! ปลานิลธรรมดา ๆ แต่ทำมาได้ขนาดนี้ มันคือดีเว่อร์ พร้อมส้าผักรสชาติเปรี้ยว ๆ หอม ๆ สดชื่น แต่! แพริ่งกับไวน์แดง ... ซึ่งตอนแรกก็งงว่า เมนูปลาหรือเนื้อสีขาว ควรกินคู่กับไวน์ขาวสิ แต่พอได้ถามพี่น้อยแล้ว สาเหตุที่เลือกเป็นไวน์แดงตัวนี้ก็คือ เป็นไวน์ที่เบล็นด์กับองุ่นหลายสายพันธุ์ แต่ base หลักจะเป็น Merlot เป็นหลัก เลยทำให้รสชาติไปด้วยกันได้ ซึ่งพระเอกสำหรับเมนูนี้ก็คือ Chateau Carignan นั่นเอง
ในที่สุดก็มาถึงเมนคอร์ส ซึ่งพนักงานก็จะมาสอบถามตั้งแต่ก่อนเริ่มงานแล้วว่า ท่านไหนไม่กินเนื้อบ้าง เพราะเมนูนี้จะเป็นเนื้อ สำหรับคนที่ไม่กินเนื้อเขาก็จะมีหมูให้เลือกด้วยเช่นกัน ฮังเลเนื้อกับข้าวบ่ายปลาย่าง เนื้อย่างที่เสิร์ฟมาแบบมีเดียมนุ่ม ฉ่ำ อร่อยเว่อร์ พร้อมซอสฮังเลกลิ่นหอม รสชาติออกหวาน ๆ พร้อมกับข้าวบ่ายปลาย่าง ซึ่งเป็นตำรับจากต้นตระกูลชุติมา ซึ่งสืบทอดกันมาแล้วกว่า 5 รุ่น หอม มัน นัว อร่อย ซึ่งจานนี้ต้องกินคู่กับ Chateau Villas ซึ่งบอกเลยว่ามันดีเว่อร์!!!
ปิดท้ายด้วย Dessert สุดเทพอย่าง ข้าวเหนียวเปียกลำไย(เทพ) ข้าวเหนียวนุ่มอร่อย น้ำกะทิหอมมัน ไม่หวานจัด ลำไยเนื้อกรอบกินแล้วสดชื่น พร้อมทั้ง Petite Four ขนมไทยอีก 4 ชนิดปืดท้ายความอร่อยสำหรับ Dinner ในวันนี้ได้อย่างลงตัว .... เกือบลืม มีชาปิดท้ายให้ด้วยซึ่งส่วนตัวแล้วเลือกเป็นคาร์โมมาย
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งดินเนอร์ที่ทำให้รู้สึกอิ่มเอม เปรมปรีย์ กับทั้งอาหารที่รังสรรค์โดยพี่แตงอ่อน Sara Tangster Tanthawee และไวน์ดี ๆ ที่เลือกสรรมาจากความเชี่ยวชาญของพี่น้อย Magnolia (Wine Gallery) Busarin Larpadisorn และแม่งาน เจ้าของสถานที่ที่คิดทำโปรเจ็คดี ๆ ที่ต้องการช่วยเหลือสังคมผ่านทางอาหารอย่าง คุณขิม เจ้าของศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ Kim Chutima ค่ำคืนแห่งความสุข อิ่มอร่อย ที่เชื่อมต่อสังคม เชื่อมต่อวัฒนธรรมอาหารเหนือ ให้สู่เวทีระดับโลกได้อย่างลงตัว
0 Like0 Comment


