4.8
34 เรตติ้ง (18 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 22:00
Table X
ประสบการณ์คุ้มค่าและสนุกไปกับศิลปะปรุงอาหารของเชฟแบบใกล้ชิด**Introduction** เป็นประสบการณ์ Chef's table ครั้งแรกที่มีความสุขและสนุกมากๆค่ะ ต้องขอขอบคุณทางวงในและเชฟหมูมากๆที่ทำให้เราได้มาเปิดโลกทัศน์และเพิ่มมุมมองใหม่ๆในการรับประทานได้มากยิ่งขึ้น ปกติมีประสบการณ์ fine dining อยู่บ้าง แต่การรับประทาน Chef's table นั้นต่างออกไป เราจะได้เห็นเชฟหยิบจับวัตถุดิบดีๆและนำมาปรุงให้เราเห็นตรงหน้าอย่างใกล้ชิดเลย ซึ่งรู้สึกสนุกและตื่นตาตื่นใจมากๆค่ะ มาพูดถึงพระเอกของเรานั่นก็คือ "เชฟหมู เฉียบวุฒิ คุปสิริกุล" เป็นเชฟ Private dining และสั่งสมประสบการณ์การเป็นเชฟอย่างยาวนานเกือบ 20 ปี ดังนั้นเรื่องฝีมือขอให้วางใจ เชฟเองก็แนะนำตัวเองระหว่างที่ทำอาหารให้พวกเราทานในหลายด้าน ทั้งประสบการณ์การเป็นเชฟส่วนตัวให้กับบุคคลสำคัญหลายๆท่านที่ถ้าพูดชื่อขึ้นมาหลายคนต้องคุ้นหูอย่างแน่นอน ส่วนตัวรู้สึกว่าเชฟเป็นคนถนัดอาหารที่หลากหลายทั้งยุโรปและญี่ปุ่น รวมถึงมีความรู้ด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ต้องรับประทานคู่กับอาหารหรือนำมาปรุงอาหารชูรสชาติได้อย่างดี ขณะเชฟปรุงอาหารก็เล่าที่มาที่ไปของวัตถุดิบแต่ละตัว สนุกสนานและสร้างความบันเทิงแก่แขกผู้มาชิมยิ่งนัก ความเป็นกันเองของเชฟนี่แหละ ทำให้มื้อนี้ยิ่งสมบูรณ์แบบ **Reservation** สามารถโทรสำรองได้ที่เบอร์ 087 429 5465 โดยรองรับแขกขั้นต่ำประมาณ 6 ท่าน ไม่เกิน 10 ท่าน (แต่รายละเอียดเรื่องจำนวนแขก สามารถสอบถามกับเชฟได้โดยตรงว่าสามารถจัดสรรให้ได้กี่ท่าน) ราคาเริ่มต้น 3000 บาทต่อท่าน หรือสามารถขออัพเกรดวัตถุดิบในราคาต่อท่านได้ตามสะดวก ปรึกษากับเชฟได้เลยค่ะ ทางเชฟยินดีให้คำแนะนำในส่วนนี้ สำหรับเรา ราคานี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ยังคิดอยากจะมาอีกครั้งเลยค่ะ ต้องฟอร์มทีมให้ได้ก่อน ร้านเปิดตั้งแต่ 18.00 น. ส่วนเวลาปิด แล้วแต่เชฟจะเสิร์ฟเสร็จค่ะ วันนี้คอร์สที่เรามารับประทาน เริ่ม 18.30 น. และไปสิ้นสุดประมาณ 22.15 น. แนะนำควรมีเวลาให้มากๆเลยค่ะ สำหรับมื้อค่ำนี้ **How to go** อารีย์ซอย 1 ตรงข้าม fitness อยู่ต้นๆซอย มีอาคารจอดรถอยู่ข้างร้าน (ร้านไม่มีป้าย เป็นตำแหน่งเดียวกับร้าน salt เก่า) หรือถ้านั่ง BTS ลงสถานีอารีย์ แล้วเดินมาได้เลยค่ะ เพียง 100 เมตรเท่านั้น **Menu** พวกเราจะไม่ทราบเมนูมาก่อน แต่จะมาทราบเอาหน้างาน จะค่อยๆไล่รีวิวทีละตัวตามลำดับที่เชฟเสิร์ฟมาให้นะคะ เนื่องจากเพิ่งทราบลิสต์เมนูหลังทานครบแล้วทั้งหมดในภายหลัง ความตื่นเต้นในตอนแรกเห็นแต่ละจาน มันจึงเต็ม 100 ด้วยความเซอไพรส์จริง คาดเดาแต่ละอย่างไม่ถูกเลย เชฟเปิดตัวมาด้วยแชมเปญและไวน์แดงที่อยู่ในขวดแก้วทรงพิเศษ ซึ่งเชฟจะเสิร์ฟให้รับประทานคู่กับ main course ในภายหลัง แต่ก่อนหน้านั้นพวกเราก็ได้แอบจิบพลางๆระหว่างรอเชฟปรุงอาหารไปเรื่อยๆ หลังเชฟแนะนำตัวต่างๆเสร็จ ก็เริ่มเสิร์ฟเมนูแรกค่ะ 1.Baked escargot cafe Paris butter ตัวนี้คือหอยทากอบเนยสไตล์ฝรั่งเศสนั่นเอง เป็นรสชาติที่ลงตัวมาก สำหรับใครที่ชอบรับประทานเนยกระเทียม จานนี้เกิดมาเพื่อคุณเลยค่ะ เชฟอธิบายเพิ่มเติมว่าใช้การอบเนยแบบโบราณ ขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อน ก่อนเสิร์ฟต้อง bake 5 นาทีด้วยไฟ 250 องศา ตอนมาเสิร์ฟใหม่ๆตัวถ้วยอาจจะร้อนสักหน่อย พอสักพักอุ่นลงจึงรับประทานง่ายขึ้น แนะนำเททั้งถ้วยลงไปบนขนมปังเลย ซึ่งขนมปังกรอบนอกนุ่มในอร่อยเข้ากันดีกับตัวหอยเนื้อหนุบๆและเนยกระเทียมมากเลยค่ะ ภายในจานนี้เสิร์ฟมากับ golden powder ทำให้ถ่ายรูปแล้วสวยงามยิ่งขึ้น ซึ่งเชฟใช้กับในหลายๆจาน เพิ่มมิติให้แต่ละจานได้ดีมาก เชฟยังแนะนำว่าจริงๆแล้วหอยทากเหมาะรับประทานกับไวน์แดงมากกว่าไวน์ขาวนะคะ เสริมไว้เป็นความรู้ 2. Aburi izanuki salmon hokkaido ikura เป็นเมนูแซลมอนนำเข้าจากฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทางร้านตั้งใจคัดสรรมาเป็นพิเศษว่าจะต้องใช้ สายพันธุ์นี้ นำมา sear ในระยะเวลาสั้นๆโดยโรยเกลือที่หนังป้องกันการติดกระทะ ตามเทคนิคของเชฟ หลังปรุงเสร็จ เชฟจะต้องชิมทุกจานว่าผ่านมาตรฐานจึงจะเสิร์ฟได้ จานนี้เสิร์ฟมาคู่กับ ikura หรือไข่ปลาแซลมอน ซอสวาซาบิสดและมายองเนส มีน้ำมันทรัฟเฟิลด้วย และยังมีพืชชนิดหนึ่งเป็น side disc ที่เราไม่เคยรับประทานที่ไหนมาก่อนหน้าตาแปลกดี เหมือนมีหยดน้ำเล็กๆเกาะที่กิ่งก้านชื่อว่า Ice plant ให้ความรู้สึกเหมือนรับประทานสาหร่ายกรุบๆ มี texture แปลกแต่ให้ความรู้สึกสดชื่นดี จานนี้เรียกน้ำย่อยได้ดีมาก แซลมอนที่ยังมีความดิบแต่หนังกรอบเล็กน้อยและมีรสชาติดี ทานกับไข่ปลาเค็มเบาๆนี่มันอร่อยจริงๆ 3. Cappuccino truffle with fresh slide truffle จานนี้ไม่ใช่กาแฟนะคะ แต่เป็นซุปต่างหาก เป็นเมนูซุปเห็ดทรัฟเฟิล เสิร์ฟคู่กับ Slide black truffle สดๆเลย เชฟฝานให้แบบไม่หวง เมื่อรับประทานตัวเห็ดเปล่าๆแบบยังไม่ปรุง รสชาติแบบถั่วอัลมอนด์มันๆค่ะ ให้ความรู้สึกที่แปลกดี มีกลิ่นเฉพาะ ตัวซุปทำออกมาละมุนดีมากค่ะ ไม่เลี่ยนเลย อร่อยกำลังดี 4.Smoked duck breast with balsamic dressing สลัดอกเป็ดรมควันที่มีขั้นตอนพิถีพิถัน เชฟเอาอกเป็ดเนื้อแน่นมาโชว์ให้พวกเรา ก่อนเอาลงกระทะไป โดยหลังจากลงกระทะไปเรียบร้อย จะต้องเอามาพักไว้สักครู่ ก่อนจะหั่น เพื่อให้เนื้อคลายตัวและได้รสสัมผัสที่ดีงามเหมาะสมที่สุด ซึ่งเชฟมีเทคนิคแพรวพราวมาก หลังจากจัดจาน เชฟจะใส่น้ำมันมะกอกที่ทำจากส้มผสมลงไปด้วย กลิ่นส้มหอมอบอวลไปทั่วปากมากค่ะ สลัดจานนี้ คือดีมากจริงๆ วัตถุดิบดีๆมันแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ (ตัวน้ำมันมะกอกตัวนี้นำเข้ามาจากอิตาลีค่ะ มูลค่าค่อนข้างสูง) เนื้อเป็ดนุ่มมาก ที่สำคัญที่เราว่าดีมากคือไม่เค็มจัด อกเป็ดรมควันบางที่เค็มมากๆๆๆๆ แต่ของเชฟคือพอดีมากค่ะ รับประทานกับสลัดและก็มีมะม่วงสุก รสหวานมาช่วยเพิ่มความหลากหลายค่ะ ระหว่างที่หิวๆกันอยู่เชฟก็มาเสิร์ฟไส้กรอกนำมาต้มในเกลือ เป็นไส้กรอกยี่ห้อบีลัคกี้ที่เราทานกันทั่วไป แต่เชฟนำมาให้รองท้อง ขนาดแค่ต้มไส้กรอกยังกรอบนอกนุ่มในและอร่อยมากอ่ะ แปลกใจชะมัด ทำเองที่บ้านไม่ใช่แบบนี้ค่ะ รับประกัน 5.Seared foie gras with poached pear (50g./piece) จานนี้คือ the best จริงๆ เชฟมีความเชี่ยวชาญด้านการเตรียมฟัวกราส์อย่างดีมากค่ะ และมีการนำเข้าวัตถุดิบจากฝรั่งเศสโดยใช้ยี่ห้อเดิมมา 20 ปี ไม่ขอเอ่ยชื่อเพราะอาจเป็นความลับ (หรือเปล่า) ขึ้นต้นด้วย R ลงท้ายด้วย E มาจากฝรั่งเศสโดยเริ่มผลิตมา 140 ปีแล้วค่ะ แบรนด์นี้ เชฟสั่งมาเยอะมากในแต่ละเดือน แสดงว่าถูกใจแบรนด์นี้มากจริงๆค่ะ (วัตถุดิบค่อนข้าง high grade กว่าที่หลายร้านเลือกใช้) เพื่อให้รสชาติคงที่เสมอต้นเสมอปลาย เป็นเหตุผลของเชฟ สีของฟัวกราส์ที่ดีจะต้องเป็น Ivory color คือสีนวลๆแบบงาช้าง ซึ่งวัตถุดิบที่เชฟใช้ก็เป็นอย่างเชฟว่าจริงๆ มีความเนียนนุ่มละมุน เมื่อเชฟเอาไป sear บนกระทะ เชฟจะฟังเสียง และดูการปล่อย oil ออกมาจากตัวเนื้อตับ เชฟเก็บน้ำมันตัวนี้ไว้ปรุงอาหารต่อให้พวกเราอีกหลายต่อหลายจานค่ะ เพิ่มความหอม อีกตัวที่เป็นนางรอง แต่ช่วยชูรสให้จานนี้สนุกสนานคือ พริกไทยสีชมพู เป็นพริกไทยเม็ดสีชมพู ที่นำมาบดหยาบๆโรยไว้ในจาน ให้ความรู้สึกเผ็ดและหอมอบอวลไปทั่วปาก จะมีจานอื่นที่เชฟแอบหยิบมาใช้อีก จะอภิปรายต่อไป ชอบอีกจุดคือ ตรงที่พอเชฟเอาฟังกราส์ลงกระทะ เชฟไม่ได้ดูแค่การจับเวลา แต่ฟังเสียงที่เปลี่ยนไปบนกระทะด้วย เป็นประสบการณ์ที่สอนกันไม่ได้จริงๆ ต้องใช้การสั่งสมมานานหลายปี เมื่อลงมือรับประทาน ภายนอกกรอบและด้านในนุ่มเป็นครีม ประทับใจมากค่ะ นี่คือตัวอย่างของฟัวกราส์ที่ดี เสิร์ฟคู่กับ poach pear เพื่อลดความมันเลี่ยน โดยลูกแพรนั้นจะนำมา poach กับไวน์แดง (Cabernet Sauvignon) ทำให้ได้สีแดงแบบธรรมชาติ และเชื่อมจนมีรสหวาน ตัดเลี่ยนได้อย่างดี ซอสที่เสิร์ฟก็เช่นกัน รสชาติดีเยี่ยม 6.Capelline bottega di tonno ตอนแรกเราเข้าใจผิดว่าเป็น angel's hair แต่จริงๆแล้วตัวเส้นของ angel's hair จะบางได้มากกว่านี้ค่ะ แต่เราว่า pastaตัวนี่ก็ถือว่าบางมากแล้วนะคะ เชฟนำน้ำมันจากฟัวกราส์ตอนแรกมาปรุงค่ะ ต้มเส้นในน้ำเดือดปุดๆ ซึ่งเส้นพอดีมากๆ ไม่เละและแข็งไป เชฟนำมาผัดปรุงรสและโรยไข่ปลากระบอกแห้งซึ่งนำมายีเป็น powder โรยไว้ด้านบน เจ้าไข่ปลาตัวนี้ราคาแรงไม่เบา (นำเข้าอีกแล้ว) และมีกลิ่นของท้องทะเลเด่นชัดมากๆ เสิร์ฟคู่กับไข่ปูและ lobster salt จานนี้อร่อยและเริ่มอยู่ท้องขึ้นเรื่อยๆ 7.Angus New York steak // Baked Us snow fish saffron truffle saute vegetable เมนูนี้เป็น Main course แล้วค่ะ กว่าจะปล่อยออกมา เวลาก็ล่วงเลยไปประมาณ 2 ชม. แต่รู้สึกว่ารอไม่นานเลย นั่งไปเรื่อยๆเพลินกับการ entertain ของเชฟหมูค่ะ เชฟจะเอากระดาษพิเศษมาซับน้ำจากทั้งเนื้อและปลาก่อนปรุง มิฉะนั้นจะปรุงรสชาติได้ไม่เข้าเนื้อ เมนูนี้ ถ้าใครไม่ทานเนื้อก็มีเมนูปลาหิมะให้ค่ะ น่าจะดีงามไม่แพ้กัน ตัวแรกเมนูเนื้อ คุณเชฟบอกว่าเป็นเนื้อจาก US - Texas ค่ะ มีส่วนติดมันซึ่งทำให้ชุ่มฉ่ำ แนะนำทานที่ระดับ rare or medium-rare ค่ะ จะดีงามที่สุด เชฟ seasoning ง่ายๆด้วยเกลือและพริกไทย แต่ก็รสดีเด็ดอย่าบอกใครเลย เนื้อนุ่มดีค่ะ สีชมพูสดสวยอยู่ตรงกลาง รับประทานคู่กับมันม่วง baby carrot และข้าวโพดย่างค่ะ ชอบดูตอนเชฟปรุงมากๆค่ะ แลดูสนุกและมีขั้นตอนเป๊ะๆ ปิดท้ายเชฟก็ยังฝนตัวเห็ดทรัฟเฟิลมาเติมให้อีก ทุ่มเทมากๆ สำหรับเมนูปลาหิมะ ใช้เวลาปรุงไม่นานนัก เชฟเสิร์ฟคู่ซอส saffron and truffle ค่ะ เนื้อปลาขาวสวยมากๆ น่ารับประทานไม่แพ้กัน 8.Varlrna gianduja truffle ice cream ปิดท้ายกันด้วย desserts ที่ตัวเชฟไม่ยอมบอกว่าคืออะไรกันแน่ ให้ชิมเอง พอได้รับประทานก็ถึง บางอ้อ มันคือไอศครีมทรัฟเฟิล รสชาติหอมกระจุยกระจายไปทั่วปากตั้งแต่คำแรกเลย ชอบมากถึงมากที่สุด เมื่อรับประทานคู่กับซอสชอคโกแลตนำเข้าสูตรพิเศษที่มีความเข้มข้นกว่า 70% ยิ่งอร่อยเลิศ เพราะมีความตัดขมผสมกับหวานมันอยู่ในตัว (จริงๆไอศครีมแอบคล้ายแมคคาเดเมีย แต่หอมเด่นมากกว่า) รอบๆเป็น crunch กรอบๆให้ texture ที่หลากหลายดีค่ะ เมนูนี้หมดเกลี้ยงอย่างว่องไว เพราะอร่อยมากจริงๆค่ะ ก่อนจะหมด เชฟยังโรยตัวพริกไทยสีชมพูมาให้อีกด้วย รสชาติแปลกมากกก มีความ contrast กับไอศครีมทรัฟเฟิลแต่กลับเข้ากันได้ดีจนน่าประหลาดใจค่ะ ชอบค่ะ **Conclusion** จบไปแล้วกับคอร์สหฤหรรษ์ ที่เชฟสนุกสนานตลอดเวลา แถมหันหน้าเมนูอาหารและขั้นตอนการทำ ให้เห็นทุกมุมโต๊ะเพื่อให้เราแชะภาพและมีส่วนร่วมระหว่างเชฟปรุงให้มากที่สุด เป็นบรรยากาศสบายๆที่นานๆจะได้พบเจอในมื้อที่หรูหรา ยังกับชม Celebrity chef อยู่เลยทีเดียว ข้อเสียเล็กๆน้อยๆ คือถ้านั่งใกล้เตามาก อากาศจะร้อนไปหน่อยค่ะ แต่บางโซนก็เย็นพอดีๆ แล้วแต่ ตรงไหนแอร์ลง แล้วก็ห้องน้ำต้องออกไปเข้าในโครงการอารีย์วัน อาจจะลำบากเล็กน้อย แต่ส่วนตัวเราคิดว่าตรงนี้ไม่ใช่ปัญหาค่ะ เรามาเน้นทาน เรื่องห้องน้ำเป็นรองค่ะ ห้องน้ำก็สะอาดดี และเดินแค่ 1 นาทีค่ะ ถือว่าไม่ไกล อีกเรื่องเล็กน้อย คือร้านที่ค่อนข้างเล็ก เมื่อมีแขกมาเยอะ อาจทำให้การเดินเข้าเดินออกของพนักงานเสิร์ฟหรือผู้ช่วยเชฟไม่ค่อยสะดวกค่ะ แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่มองข้ามและให้อภัยได้ค่ะ จึงขอให้ 5 ดาวอย่างจริงใจค่ะ และคิดว่าต้องหาโอกาสมาใช้บริการเชฟอีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ สัญญา ขอบคุณเชฟที่แจกนามบัตรสวยงามให้และเดินมาส่งพวกเราทุกคนค่ะ... อ่านต่อ
4 Likes0 Comment
photo