- หน้าแรก
/
- รูป U Mai Kai Ten Sushi @ J Park


บรรยากาศรอบๆร้าน ภายใน J-Park ศรีราชา
Umai (旨い) Kaiten @J-Park ศรีราชา: ซูชิบนสายพานในบรรยากาศจำลองเมืองญี่ปุ่นโบราณKaiten Sushi หรือซูชิบนสายพานหมุน เป็นสไตล์ของร้านซูชิที่มีในไทยมาระยะหนึ่งแล้วแต่อาจจะไม่คุ้นเคยสำหรับคนไทยมากนัก ร้านซูชิสไตล์ Kaiten ร้านแรกมีต้นกำเนิดที่เมืองโอซาก้ามากกว่า 50 ปีแล้ว
สำหรับร้านที่ผมมารีวิวครั้งนี้จะเป็นร้านซูชิสไตล์ Kaiten ที่อยู่ในโครงการ J-Park ศรีราชา ซึ่งเป็น Community Mall ที่มีบรรยากาศจำลองได้เหมือนกับเมืองญี่ปุ่นโบราณสมัยเอโดะประมาณนั้นครับ คือมีปราสาทแบบญี่ปุ่นโบราณกลางน้ำตั้งตะหง่าน โดยล้อมรอบด้วยอาคารที่ตกแต่งเป็นแบบเรือนย่อย และมีสวนหินญี่ปุ่น (Zen Garden) โดยรอบ (ดูรูปบรรยากาศโดยรอบจากในรีวิวนี้ได้) สืบเนื่องจากผมได้มีเดินทางไปติดต่อคุยงานที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ค่อนข้างบ่อยนะครับ หลังจากเสร็จงานแล้วก็เลยขอโอกาสไปแวะสัมผัสบรรยากาศและชิมซะหน่อยว่าจะสู้ร้านสไตล์เดียวกันในกรุงเทพได้หรือเปล่าครับ
[ที่ตั้งและการเดินทางมา:]
ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของ J-Park เห็นได้ชัดเจนจากลานจอดรถด้านหลัง โครงการ J-Park อยู่ริมถนนสายศรีราชา-หนองค้อ ขาที่วิ่งเข้าตัวอำเภอศรีราชา (หรือคนแถวนี้เรียกถนนเส้นนี้ว่า ซอยอัสสัมชัญ) อยู่บริเวณใกล้ๆแยกต่างระดับตัดกับถนนสายบายพาสชลบุรี-พัทยา (หมายเลข 7) ถ้ามาจากกรุงเทพหรือตัวเมืองชลบุรีคือแยกถัดไปจากแยกสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ต้องเบี่ยงซ้ายเข้าไปตามป้ายที่เขียนว่าทางเข้าศรีราชาแล้วไปยูเทริ์นข้ามสะพานต่างระดับกลับมา
หรือโครงการนี้จะอยู่ปากซอยศรีราชา-หนองค้อ 20 หรือจะเข้ามาจากอีกทางตรงเส้นศรีราชา-หนองยายบู่ (ซอย 27) ก็ได้ครับ คนแถวนี้น่าจะรู้จักคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นถนนที่คู่ขนานกันมาตรงสามแยกอัสสัมชัญครับ
[สิ่งที่ควรรู้ก่อนมาทานร้านนี้:]
• ร้านนี้แบ่งเวลาเปิดร้านเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงมื้อกลางวัน กับ มื้อเย็น ไม่ได้เปิดตลอดทั้งวัน (ซึ่งคล้ายกับหลายๆร้านใน J-Park นี้)
• ราคาอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดในเมนู ถ้าจำไม่ผิดไม่มีบวก Service Charge 10% และ Vat แล้ว (ถ้ามีบวกต้องขออภัยด้วยครับ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีบวก VAT แล้ว)
• เมนูอาหารไม่ได้มีแค่ซูชิในรายการบนสายพานอย่างเดียว มีอาหารญี่ปุ่นประเภทอื่นด้วยแต่น้อยมาก แต่ในเมนูจะเน้นพวกซูชิเป็นหลัก
• ซูชิจะแยกประเภทตามวัตถุดิบ ตามราคา โดยใช้สีจานต่างกัน เรียงตามลำดับคือ 35 บาท (สีเขียว) 45 บาท (สีแดง) 55 บาท (สีส้ม) 65 บาท (สีฟ้า) และ 85 บาท (สีเทา) ดูรายการเมนูซูชิทั้งหมดตามสีจานได้จากรูปด้านล่างของผมครับ
• ซูชิส่วนใหญ่ที่วางบนสายพานจะเป็นแบบของดิบที่ปั้นหรือเตรียมไว้ก่อนได้ (ไม่ต้องลนไฟ) มีฝาพลาสติกครอบกันลมเพื่อไม่ให้ดูเซ็งหรือแข็ง เพราะเชฟสามารถปั้นไว้ก่อนได้ ส่วนของที่ต้องปั้นสดๆหรือลนไฟร้อนๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นของราคาสูง เค้าจะไม่ปั้นวางบนสายพาน แต่เราสามารถเลือกจากในเมนูและสั่งกับพนักงานได้ครับ
• ซูชิบางตัวที่เป็นแบบของแพง Premium เช่น IKURA (ไข่ปลาแซลมอน) หรือ Engawa (ครีบปลาตาเดียว) จะไม่รวมอยู่ในซูชิที่จัดตามสีจาน จะอยู่ในเมนูอีกเล่มต่างหาก สามารถสั่งได้ครับ (ตอนแรกผมก็คิดว่าสั่งได้แค่ซูชิสูงสุดราคา 85 บาท ซึ่งแน่นอนครับว่าไม่มีของพวก premium แน่นนอน)
• อย่างที่ผมบอกไป ที่นี่ไม่มีพวก Otoro/Chutoro อย่าคาดหวังครับ ต้องเป็นร้านระดับบนขึ้นไปอีก พวกวัตถุดิบที่ premium สุดจะเป็น IKURA กับ Engawa
เมนูที่ผมได้สั่งมีดังนี้
• Alaska Maki (85 บาท) เป็น Maki ที่สอดไส้ด้วยแซลมอนดิบ ไข่กุ้ง ชีส และผัก หน้าด้านบนเป็นแซลมอนแต้มด้วยซอสมาโย แต่งด้วยไข่ปลาแซลมอน มาเสิร์ฟ 2 คำ หน้าตาดูสวยงามดี ส่วนรสชาติผมว่าก็โอเคดี
• *Salmon Mayo (65 บาท) ถือว่าเป็นตัวเด่นหนึ่งของร้าน เมนูนี้หน้าตาการนำเสนอจะคล้ายๆกับ Sakura Roll ของร้านซูชิสายพานอีกร้านหนึ่ง คือเป็นข้าวปั้นห่อพันด้วยแซลมอนดิบ แต้มหน้าด้วยซอยมาโยและไข่ปลาแซลมอน มาเสิร์ฟ 3 คำ ส่วนตัวผมว่าคำค่อนข้างเล็กมาก (เมื่อเทียบกับเมนูคล้ายๆกันนี้ที่เคยทาน) ส่วนรสชาติถือว่าโอเค เพราะได้ความมันของมาโยช่วยดึงรสชาติของเมนูนี้ให้เด่นขึ้น บวกกับความเค็มของ Salmon Roe ด้านบน เมนูนี้ผมค่อนข้างแนะนำสั่งได้ครับ
• Sandwich Sushi (85 บาท) ชื่อเมนูนี้ผมตั้งให้เองครับ เพราะหน้าตาการนำเสนอคล้ายๆ Mini Sandwich ที่เรียงเป็นชั้นด้วยแซลมอน ข้าว ชีส และหน้าด้านบนเป็นแซลมอนสลับกับทูน่า แต่งหน้าซูชิด้วยซอสมาโยไข่กุ้ง หรือหอมซอย ส่วนตัวผมว่าเมนูนี้ไม่ค่อยอร่อย รู้สึกแห้งๆไปหน่อย เป็นจานที่ผมหยิบเลือกมาจากบนสายพาน ซึ่งคุณภาพความสดของแซลมอนและปลาไม่ค่อยดีเพราะแห้งๆ ไม่แนะนำครับ
• Cheese Fried Salmon (65 บาท) ตัวนี้เป็นซูชิแบบลนไฟ หน้าซูชิแซลมอนลนไฟพร้อมกับชีสและราดซอสพริกอีกครั้ง ผมว่าแปลกดีที่มีราดซอสพริก ตัวนี้ชีสที่ลนไฟมาจะเยิ้มๆคลุมตัวหน้าซูชิเลย แต่รสชาติถือว่าใช้ได้เลยครับ เพราะได้ความหอมมันของชีสที่ลนไฟมา และได้รสเผ็ดนิดๆของซอสพริกตัด ทำให้โดยรสชาติโดยรวมผ่าน
• Ikura Gunkan เป็นเมนูที่ไม่ได้รวมอยู่บนสายพาน สั่งแยกต่างหากครับ ชุดหนึ่งมี 2 คำ เป็นแบบ Half คือบนหน้ามีไข่ปลาแซลมอนครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งเป็นแตงกวาเคียง และวางรอบจานอีก โดยรวมผมว่าตัวไข่ปลาแซลมอนคุณภาพใช้ได้เลยครับ ดองมาได้สีสวยงามดี และเต่งตึงไม่แฟบ ไม่เหนียวหนึบ แปลว่าเพิ่งเตรียมมาใหม่ๆ
• *Fried Sushi (35 บาท) หรือซูชิทอด เป็นรูปแบบการนำเสนอของซูชิที่แปลกใหม่ดีครับ เมนูนี้คือการนำซูชิแบบทรงกระบอกเล็ก (hosomaki) มาเสียบไม้ชุบแป้งแล้วทอดคล้ายๆเทมปุระ มีเกร็ดแป้งทอดรอบๆจาน แล้วราดซอสสีน้ำตาลรสชาติออกหวานๆ จานที่ผมหยิบมาจากสายพาน โชคดีน่าจะทอดมาใหม่ๆ กรอบดีและอร่อยครับ เมนูนี้แนะนำครับ แต่ว่าต้องเป็นแบบทอดมาไม่นาน ไม่งั้นจะแข็ง ไม่อร่อยแน่นอน
ค่าเสียหายทั้งหมดมื้อนี้ประมาณ 500+ บาทนิดๆ ถือว่าอิ่มในราคาที่โอเคดีครับ
ข้อดี:
• จุดขายหลักๆของร้านนี้คือ ราคาไม่สูง (ราคาเริ่มต้น 35 – 85 บาท) แต่ก็แปรผันตรงกับคุณภาพวัตถุดิบ
• บรรยากาศโดยรวมทั้งในร้านและโดยรอบร้านถือว่าดึงดูดให้มาทานได้ดี (มาเป็นครอบครัวก็เหมาะ) เพราะร้านดึงจุดขายของโครงการมาใช้ส่งเสริมบวกกับการตกแต่งภายในร้านที่ทำให้แปลกตาคือเป็นแหล่งท่องเที่ยวแวะถ่ายรูป
ข้อเสีย:
• คุณภาพวัตถุดิบ (ตอนที่ผมไปใช้บริการคือช่วงบ่ายแก่ๆ) ยังอยู่ใน เกณฑ์ต่ำกว่าที่ผมคาดหวังหรือตั้งมาตรฐานไว้ (เมื่อเทียบกับร้านซูชิสายพานที่เปิดตามห้างในกรุงเทพ) ปัญหานี้อาจเกิดจากขั้นตอนการจัดหาวัตถุดิบจากแหล่ง การ stock สินค้า (พวกของสดสำหรับหน้าซูชิต่างๆ มีอายุที่สั้น ต้องพยายามให้หมดวันต่อวัน) การขนส่งสินค้า – ทั้งหมดนี้อาจเสียเปรียบร้านซูชิที่อยู่ในเมืองที่เข้าถึงแหล่งวัตถุดิบได้ง่ายกว่า ทำให้คุมคุณภาพได้ยากกว่าครับ
• วัตถุดิบบางตัว (โดยเฉพาะของที่เป็น premium มากๆ ที่คนไม่สั่งกันเยอะ) ส่วนใหญ่จะขาด ไม่มีขายแต่มีในเมนู ยกตัวอย่างตอนที่ผมไปไม่มี Engawa ครับ ก็เกี่ยวเนื่องกับปัจจัยข้อบนเช่นกันครับ
• ข้าวซูชิผมว่าไม่ค่อยอร่อย รู้สึกจะเตรียมใส่น้ำส้มสายชูน้อยไป เลยไม่ค่อยเหนียวจับตัวกันนัก
สรุปโดยรวม ผมก้ำกึ่งว่าจะให้ 2 หรือ 3 ดาวดี ผมลองคิดดูดีๆแล้ว เมื่อเทียบกับโลเคชั่นร้านแล้ว บวกกับราคาที่ไม่สูงเลย บริการที่ถือว่าโอเค แลกเปลี่ยนกับคุณภาพความสดของวัตถุดิบแล้ว คอซูชิอย่างผมขอให้ 3 ดาวแล้วกันครับ เพราะว่าถ้าอยู่ที่แถวศรีราชาแล้ว (จากการใช้ App Wongnai ค้นรอบๆบริเวณนั้น) หาร้านซูชิที่โดดเด่นคุณภาพเทียบเท่าแบบในกรุงเทพยากซะหน่อยครับ
ถือว่าร้านนี้เป็นทางเลือกที่ใช้ได้ครับ แต่น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบทานแบบ Fusion มากกว่าคือเน้นมีการปรุงแต่งด้วยซอสต่างๆ ไม่ได้เน้นดึงความเด่นของรสชาติจากความสดของปลาออกมาจริงๆครับ ไม่เหมาะกับคนที่ชอบทานซูชิแบบ Authentic (ผมชอบแบบหลังมากกว่า)
26 Likes0 Comment


