3.8
10 เรตติ้ง (9 รีวิว)
ตลาดนัด/ถนนคนเดินไม่มีค่าเข้าชม
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 10:00
ถนนยมจินดา
ถนนสายแรกของระยองถนนยมจินดา เป็นถนนสายแรกของจังหวัดระยอง ถนนยมจินดาถูกตัดขึ้นโดยดำริของ พระศรีสมุทรโภค (อิ่ม ยมจินดา) เจ้าเมืองระยองคนสุดท้าย ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อประมาณ พ.ศ. 2443 ก่อนที่จะมีการตัดถนนสุขุมวิทหลายสิบปีครับ ก่อนที่จะมีการตัดถนนยมจินดา การค้าขายในตัวเมืองระยองใช้การคมนาคมทางน้ำเป็นหลัก ชุมชนหลักของจังหวัดระยองดั้งเดิมจึงอยู่บริเวณแม่น้ำระยอง เมื่อมีการตัดถนนยมจินดาขึ้นเป็นถนนสายแรกของเมืองระยองให้ทอดยาวขนานไปกับแม่น้ำระยอง ซึ่งเป็นแหล่งการค้าแห่งแรกของเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก แหล่งการค้าจึงย้ายจากในน้ำขึ้นมาบนบก และถนนยมจินดาก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองระยองนับแต่นั้นเป็นต้นมา ในสมัยนั้น เจ้าสัวนายทุนมาปักหลักทำธุรกิจบนถนนยมจินดา คหบดีและเศรษฐีต่างท้องถิ่นก็มักจะมาจับจองที่ดินสำหรับสร้างบ้านเรือน รวมถึงร้านค้าต่างๆ ก็ทยอยมาเปิดที่นี่ มีอาคารพาณิชย์จึงเรียงรายเต็มสองฝั่งถนน ทั้งโรงหนัง โรงฝิ่น โรงสี ธนาคาร ร้านทอง ร้านยาจีน ร้านเครื่องเขียน และอู่ต่อเรือ เพราะเป็นถนนสายแรก ความเจริญทั้งหมดของเมืองระยองจึงกระจุกตัวอยู่ที่ถนนยมจินดา ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นย่านคนรวยไปโดยปริยาย ถนนยมจินดา มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ ถ้าดูจากแผนที่แล้วจะเริ่มตั้งแต่แยกถนนภักดีบริรักษ์จนถึงถนนตากสินมหาราช ถนนทั้งสองข้างทางก็จะเต็มไปด้วยบ้านไม้แบบบ้านแถวโบราณ ทั้งชั้นเดียวและ 2 ชั้น สลับกับบ้านและอาคารที่เป็นตึกแบบโบราณมากมาย ปัจจุบันได้ถูกพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว กึ่งอนุรักษ์โดยเทศบาล และชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันทะนุบำรุง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตอีกแห่งหนึ่ง สำหรับวันธรรมดาพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับสัญจรทั่วไปของชุมชน แต่ในเสาร์ - อาทิตย์ จะปิดการสัญจรเพื่อทำเป็นถนนคนเดิน ศาลเจ้าแม่ทับทิม : ศาสนสถานของชาวจีนกลางชุมชนยมจินดา ศาลเจ้าแม่ทับทิม หรือศาลตุ้ยบ้วยเนี่ย เริ่มก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2421 เพื่อประดิษฐานองค์เจ้าแม่ทับทิมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่กราบไหว้ของชาวระยอง มีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี 2510 โดยการซื้อที่ดินฝั่งทิศตะวันออก เพื่อสร้างเป็นซุ้มประตูทางเข้าออกศาล เจ้าแม่ทับทิมเป็นชื่อเรียกของเทพธิดามหาสมุทร หากชุมชนใดตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำ หรือ ทะเล และมีชาวจีน ก็มักมีการสร้างศาลเจ้าแม่ทับทิมไว้กราบไหว้ ศาลเจ้าแม่ทับทิมที่ถนนยมจินดาหันออกสู่แม่น้ำระยอง เพื่อให้ชาวเรือที่ผ่านไปมาในอดีตได้แวะกราบไหว้ขอพรให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ขอพรให้รอดพ้นจากอันตรายขณะเดินเรือในทะเล นอกจากจะเป็นที่เคารพนับถือและที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวจีนไหหลำที่อพยพเข้ามาในย่านนี้และยังเป็นที่เคารพของคนทั่วไปในแถบนี้ด้วย ศาลเจ้านี้จึงเป็นหลักฐานของการเข้ามาตั้งรกรากของชาวจีนที่ไม่ทิ้งขนบดั้งเดิมของตนซึ่งมีชีวิตพันผูกอยู่กับเทพเจ้า นอกจากศาลเจ้าแม่ทับทิมจะเป็นตัวแทนของการมีอยู่ของกลุ่มชาวจีนบนถนนสายนี้แล้ว ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยเชื้อสายจีนที่แม้จะไม่ได้อยู่รวมกันเป็นชุมชนหนาแน่นเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังกลับมารวมตัวกันเมื่อถึงงานเทศกาลสำคัญๆ โดยในแต่ละปีจะมีการจัดงานต่างๆ เช่น งานกินเจ งานลุยไฟ งานแจกข้าวสาร ส่วนช่วงเย็นของวันธรรมดา บริเวณ ‘ศาลางิ้ว’ ภายในตัวศาล ก็ยังกลายเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าอากงอาม่าในพื้นที่ ที่มักมานั่งพูดคุยถึงเรื่องราวชีวิตอย่างออกรสชาติ เป็นจุดนัดพบขนาดย่อมของคนในชุมชนไปในตัว ตึกกี่พ้ง : ตึกสไตล์ชิโน–โปรตุกีสหลังแรกในระยอง เจ้าของตึกคนแรกคือ กี่พง แซ่ตั๋น เศรษฐีชาวจีนจากปักษ์ใต้ ตึกกี่พ้งถือว่าเป็นตึกแบบตะวันตกหลังแรกของเมืองระยอง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2456 เป็นตึกสองชั้นทรงสี่เหลี่ยมซึ่งมีความยาวถึง 12 คูหา ด้านหน้าไม่กว้างนักแต่เน้นให้อาคารมีความลึกและยาว อาคารเป็นศิลปะแบบชิโน-โปรตุกีส หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาตึกทรงนี้จากย่านเก่าเมืองภูเก็ต เพราะมีการว่าจ้างช่างชาวภูเก็ตมาสร้างตึกหลังนี้ สมัยก่อนเป็นที่จำหน่ายพริกไทยและเสื้อผ้านำเข้าจากเมืองจีน ต่อมาทายาทคือนายสิงห์และนางกราย กลิ่นสมุทร ได้เก็บรักษาตึกหลังนี้ไว้ ปัจจุบันพื้นที่ครึ่งหนึ่งของตึกกี่พ้งถูกแบ่งทำเป็นร้านขายของ ตึกเถ้าแก่เทียน : อดีตธนาคารพาณิชย์แห่งแรก สู่แกลเลอรีและศูนย์ข้อมูลประวัติศาสตร์ ตึกนี้เปลี่ยนมือมาหลายเจ้าของซึ่งล้วนแต่เข้ามาสร้างตำนานบนถนนยมจินดา โดยแรกเริ่มท่านขุนพานิชชลาสินธุ์ หรือเถ้าแก่เทียน เป็นผู้สร้างตึกนี้ซึ่งเป็นตึกปูนเก่าแก่เป็นอันดับ 2 รองจากตึกกี่พ้ง ตัวตึกเป็นศิลปะชิโน-โปรตุกีสที่ให้กลิ่นอายจีนผสมตะวันตก โดยเถ้าแก่เทียนได้แรงบันดาลใจมาจากตึกรามในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นบ้านเกิด บริเวณจั่วด้านบนของผนังตึกทั้งสองข้างมีการตกแต่งด้วยปูนปั้นลวดลายประณีต สมัยแรกที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยและร้านค้า ต่อมามีการแบ่งพื้นที่บางส่วนเป็นสำนักงานธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของระยองในสมัยนั้น ภายหลังเปิดเป็นแกลเลอรีศิลปะในนาม ‘ดาวินชี สตูดิโอ’ หรือ ‘วิกเถ้าแก่เทียน’ ปัจจุบันตึกเถ้าแก่เทียนถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบเมืองระยอง (Rayong Creativity Development Center – RCDC) เป็นศูนย์ข้อมูลประวัติศาสตร์เมืองระยองและถนนยมจินดา มีนิทรรศการพัฒนาการของเมืองระยอง ภาพถ่ายที่หาชมได้ยาก และภาพวาดตึกรามบ้านช่องต่างๆ บนถนนยมจินดา รวบรวมมาจัดแสดงที่ศูนย์นี้ด้วย ไฮไลต์อีกอย่างคือด้านข้างตึกมีภาพสตรีทอาร์ตที่วาดขึ้นใหม่เพื่อเลียนแบบโครงสร้างอิฐภายในตัวอาคารเดิม กลายเป็นจุดถ่ายรูปเช็กอินที่ใครแวะมายมจินดาจะต้องไม่พลาด บ้านสัตย์อุดม : บ้านขุนนางเก่าสู่กล่องเก็บอดีตในนามพิพิธภัณฑ์เมืองระยอง เดิมทีเป็นบ้านของขุนศรีอุทัยเขตร์ (โป๊ง สัตย์อุดม) ขุนนางผู้เป็นเจ้าของโรงสี โรงหนัง และอู่ต่อเรือ จุดเด่นของบ้านหลังนี้คือเป็นบ้านไม้สองชั้นที่ยังคงเก็บรักษาช่องลมที่มีลวดลายฉลุสไตล์จีนไว้ ปัจจุบันบ้านไม้หลังนี้ถูกปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองระยองซึ่งได้รับการเอื้อเฟื้อสถานที่จากบ้านสัตย์อุดม โดยเกิดจากความตั้งใจของกลุ่มชมรมอนุรักษ์ฟื้นฟูเมืองเก่าระยอง ให้เป็นที่รวบรวมของเก่าของดีของจังหวัด ทั้งภาพถ่ายโบราณหาชมยาก ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่แสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวระยองในอดีต เช่น เฟอร์นิเจอร์สมัยโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ที่หาดูได้ยาก เปลือกหอยโบราณ ภาพเจ้าเมืองระยอง ภาพการแต่งกายสมัยก่อน ภาพตึกรามบ้านช่องสมัยโบราณ บ้านมาลีวณิชย์ : บ้านไม้สไตล์จีนที่ประดับด้วยกระเบื้องจากอิตาลี บ้านมาลีวณิชย์เป็นอาคารหลังใหญ่ทำจากไม้ทั้งหลัง ใช้เทคนิคการสร้างแบบโบราณคือกั้นผนังด้วยไม้ฝาแบบบานเกล็ด และเป็นประตูแบบบานเฟี้ยมซึ่งเป็นลักษณะดั้งเดิมของร้านค้าชาวจีนมาตั้งแต่อดีต ปูพื้นด้วยกระเบื้องโมเสกจากอิตาลีซึ่งปัจจุบันยังคงเก็บรักษาพื้นเดิมไว้อยู่ ปัจจุบันบ้านนี้เป็นร้านขายหนังสือและหมอนของชาวจีน จากการบอกเล่าของเจ้าของบ้านรุ่นที่สอง บ้านมาลีวณิชย์ยังคงรูปแบบและวัสดุเดิมไว้โดยไม่มีการต่อเติมหรือซ่อมแซมมากนัก และเป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างสมบูรณ์ของบ้านไม้เก่าใจกลางชุมชนยมจินดาที่แสดงให้เห็นความเก่าแก่และความรุ่งเรืองของชุมชนการค้าของชาวจีน... อ่านต่อ
0 Like0 Comment
photo