4.0
43 เรตติ้ง (34 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 18:00
Haoma Bangkok สุขุมวิท 31
Contemporary Indian Cuisine เสพงานศิลป์สู่กลางจานเธอมื้อนี้ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ลิ้มรสอาหารมื้อพิเศษภายใต้บรรยากาศ Farm-to-table Oasis กับเจ้าของแนวคิดในการทำร้านอาหารที่สร้างสรรค์บริการระดับโลกที่ใส่ใจและให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม Chef DK คนนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นเชฟรุ่นเยาว์ที่มีแนวคิดสมัยใหม่กับรางวัลมากมายที่ได้รับทั้งในไทยและต่างประเทศ ชื่นชมปรัชญาในทำร้านอาหารที่มีความลึกซึ้งมากไปอีกหลายขั้น 1) ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ ปราศจากยากำจัดศัตรูพืช พืชผักผลไม้ที่ใช้สดใหม่ ขนส่งเก็บรักษาในเวลาสั้นที่สุด 2) อุดหนุนเกษตรกรไทย ห่วงใยต้นน้ำ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม 3) ใช้จินตนาการความคิดสร้างสรรค์ ออกแบบเมนูอาหารโดยการผสมผสานสูตรต้นตำรับให้เข้ากับวัฒนธรรมการกินในยุคปัจจุบัน บ่อยครั้งที่เรากินอาหารแต่ละมื้อโดยไม่รู้ที่มา ตัดสินว่าร้านนั้นดีหรือไม่จากรูปลักษณ์และชื่อเสียงที่เคยได้ยินมาเปรียบเทียบประสบการณ์การกินของตัวเอง จะดีกว่าไหมถ้าหากเราเข้าถึงจิตวิญญาณของอาหารแต่ละจานที่เชฟบรรจงสร้าง รสชาติอาหารอาจมีถูกปากบ้างไม่ถูกปากบ้าง แต่ถ้าเราใจกว้างพอที่จะเปิดรับสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม บางทีเราอาจเข้าใจและชื่นชมอาหารมื้อนั้นมากกว่าที่แล้วมา 13-Courses Menu ที่นี้เสิร์ฟมาในมื้อนี้ ยอมรับต้องใช้การปรับตัวพอสมควร ไช้ชวนชิมไม่ถนัดอาหารอินเดีย เพราะไม่ถูกจริตกับเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง แต่พอเห็นถึงความตั้งใจของเชฟที่พิถีพิถันปรุงแต่งอาหารแต่ละจานออกมา คือต้องยอม ยอมชิมทุกคำ ไม่ให้เสียดายของ เดี๋ยวเรามาดูกันว่าอาหารทั้ง 13 จานนี้มีหน้าตาและรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง 1) Galauti Cornets (wild mushroom, spices, citrus gel, truffles) กาลอดี คอร์เน็ตมีส่วนผสมของเห็ดป่าหอมกลิ่นเครื่องเทศนานาชนิด กินจบในคำเดียว 2) Oyster & Corn tartar (local oyster, cilantro, corn, lemon) เมนูเรียกน้ำย่อยนี้ทำจากข้าวโพดส่งตรงมาจากเชียงใหม่ ส่วนหอยก็มาจากสุราษฎร์ กรุบกรอบรสชาติดีไร้กลิ่นคาว รูปลักษณ์หน้าตาคล้ายขนมแต่เป็นอาหารคาว 3) Golgappa (chick pea, potato, tamarind, mint, yoghurt) ตัวไส้ข้างในเป็นมันฝรั่งบด ถั่ว โยเกิร์ต ตัวช็อตที่เสิร์ฟมาคู่กันมีความเปรี้ยวนำกินยากนิดนึง นับว่าแปลกใช้ได้เลย 4) Melon Terrine (three local melons, tom kha sorbet, carviar) นำแตงสามชนิดเสิร์ฟคู่กับโฟม 3 สีรสแกงเขียวหวานแกงแดงและมัสมั่น ส่วนต้มข่านำมาทำเป็นซอร์เบท์ กินคู่กับเม็ดสาคูหมักในไวน์แดง ชอบกลิ่นของต้มข่ามากคืออย่างใช่ ไม่คิดว่าพอกินคู่กับแตงแล้วเข้ากันได้ดีพิลึก 5) Tomato mist (haoma farm tomato, whey, haoma leaf, blueberry, cucumber ice) นำมะเขือเทศมาสกัดเป็นซุปเสิร์ฟมาใน 2 รูปแบบ ตัวที่เป็นเจลทานคู่กับใบโหระพา แล้วซดน้ำซุปตาม รสชาติแปลกลิ้น มีความเปรี้ยวนำ 6) The Disappearing Duck (curry mousse, poultry wing, sticky rice, haoma urban farm greens) แค่ชื่อก็น่าค้นหาละ ตัวเป็ดที่หายไปคือการนำมูสมาขึ้นรูปเป็นลูกเป็ดน้อย พอราดซอสลงไปเป็ดก็เลยหายไป ขอบอกว่ารสชาติจานนี้ละม้ายคล้ายกับตอนกินน้ำยากับข้าวเหนียวไก่ทอด 7) Prawn on the Rock (prawn peanut, tamarind, seaweed, lime foam) เป็นการนำกุ้งแม่น้ำมาปรุงรส ส่วนหัวกุ้งรสชาติคล้ายเมี่ยง ตัวกุ้งมีรสชาติต้มยำ ตบท้ายด้วยโฟมรสมะนาว พรีเซนเทชั่นน่าดูชมมาก โดยเฉพาะตอนกุ้งมาเกยตื้นบนหินโสโครก 8) Haoma in a Bite (haoma raised fish, dashi, haoma greens, raisin jam) ปลาเลี้ยงจากบ่อหลังร้าน ถูกนำมาเป็นวัตถุดิบอาหารจานนี้ถูกม้วนเป็นเลเยอร์ เสิร์ฟพอดีคำ คล้ายกินซูชิ 9) Farmers Fuel (eggplant relish, mango pickle, tomato chutney, indian breads) จริง ๆ จานนี้น่าจะเสริ์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยนะ ขนมปังก้อนกลมๆ เนื้อแน่นอร่อยมาก ปาดกินคู่กับเนย น้ำพริกมะเขือ(มะเขือยาวบดสับคล้ายน้ำพริกหนุ่ม) ซัลซ่ามะเขือเทศ และมะม่วงดองรสชาติเปรี้ยวเค็มคล้ายบ๊วย 10) Me in a Bowl (charbroiled chicken, makhani curry, pickled shallots, mint chutney) คือ Tikka masala ซึ่งปรุงด้วยเนื้อไก่ต้มจากเตาถ่าน cottage cheese เสิร์ฟคู่ผักดองนานาชนิ 11) Wagyu Short Ribs | Glazed Eel (smoked eggplant, black garlic, raw mushrooms, buckwheat foam) เนื้อปลาไหลย่างนำมาปรุงรสราดซอสที่เคี่ยวจนน้ำข้น มีส่วนผสมของเห็ด มะเขือเผา และพริกไทยดำ 12) Black and White (Cookies, ice cream, dehydrated yoghurt) เป็นไอศกรีมสีขาว/ดำ เสิร์ฟมาคู่กับคุ้กกี้ป่น และผงโยเกิร์ต ถือเป็นการล้างปากก่อนเข้าสู่เมนูของหวานอย่างเป็นทางการ 13) Nadia (chocolate, cherry sorbet, raspberry, rose jam) ขนมชนิดนี้หน้าตาดีมาก คล้ายหนวดปลาหมึก ตัวแป้งคล้าย biscuit เสิร์ฟมาคู่กับเชอร์รี่ซอร์เบท์ กลิ่นกุหลาบชัดมาก ส่วน Petite Four นั้นเสิร์ฟมาปิดท้ายในกล่องสมบัติ Treasure Box ถือเป็นการจบมื้อ 13-course ที่ใช้เวลากินนานกว่า 3 ชั่วโมง อาหารมื้อนี้มีกลิ่นอายความเป็นแขกผสมผสานกับความทันสมัย ทานไม่ยากมากอย่างที่คิด วัตถุดิบส่วนนึงมาจากฟาร์มผักและสวนหลังร้าน ผักผลไม้หลายชนิดส่งตรงมาจากเชียงใหม่ อย่างตัวหอยมาจากสุราษฎร์ ถือว่ามีความพิถีพิถันทุกขั้นตอนในการสกัดไอเดียการปรุงอาหารให้มีทั้งรสชาติดี หน้าตาดี และเปี่ยมด้วยจินตนาการ สำหรับคนที่ไม่รู้จะเรียกชื่อร้านนี้ว่าอะไร ขอบอกว่า Haoma อ่านออกเสียงว่าฮาโอม่า (ไม่ใช่ห่าวมาที่แปลว่าดีมั้ยได้มั้ยในภาษาจีน) ชื่อนี้คือชื่อของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตตามความเชื่อทางวัฒนธรรมของชาวโซโรแอสเตอร์และฮินดู มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ แถมยังสื่อความหมายว่า Paradise หรือสรวงสวรรค์อีกด้วย ถ้าจะให้สรุปโดยรวม อาหารคอร์สนี้มีความเป็น Modern Indian Cuisine รสชาติไม่รุนแรงเครื่องเทศจ๋าเท่าอาหารอินเดียที่เคยรู้จัก บางเมนูแอบมีความคล้ายรสชาติอาหารไทยที่เราคุ้นเคย ส่วนเมนูขนมมีความเป็นตะวันตก ทุกจานเสิร์ฟแบบพอดีคำ เป็น tasting menu ทานอย่างละนิดละหน่อยให้พอได้ลิ้มรส ไช้ชวนชิมแอบชอบหลายจานเลยทีเดียว จะมีบ้างที่รู้สึกว่าบางเมนูติดรสเค็มเกลือ เปรี้ยว vinegar และ yoghurt มากไปหน่อย ทำให้รู้สึกหิวน้ำพอสมควร Presentation และเรื่องเล่าของอาหารแต่ละจานถือว่าสุดยอดมาก คอร์สนี้ราคาค่อนข้างสูงคือ 2,890 บาท++ สำหรับคนที่ทานได้ไม่เยอะแนะนำแบบ 3-9 course ก็พอ ราคาโดยเฉลี่ยต่อหัวก็น่าจะมี 1,000 บาทอัพ แนะนำให้มาแต่หัววันเพราะช่วงค่ำแสงหมด ก็จะอดชื่นชมบรรยากาศโดยรอบที่เขียวร่มรื่นมาก อุปสรรคอย่างนึงที่พบเจอเมื่อมาเยือนที่ร้านนี้คือที่จอดรถมีค่อนข้างจำกัด แต่ก็น่าจะใช้บริการ valet ได้นะ พิกัดอยู่ในมุมลับของซอยสุขุมวิท 31 ข้างๆ ร้านเสือนอนกิน... อ่านต่อ
4 Likes0 Comment
photo