4.3
3 เรตติ้ง (3 รีวิว)
พระราชวังค่าเข้าชม: ฿ 20/คน
พระราชวังจันทรเกษม
เที่ยววังสถานนี่ใช้เป็นที่ถ่ายทำละครหลายเรื่องพระราชวังจันทรเกษม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก (คลองคูขื่อหน้า) ทางด้านทิศเหนือ มุมตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระราชวังที่สันนิษฐานจากหลักฐานที่ปรากฏตามพระราชพงศาวดารได้ว่า สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2120 ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เพื่อให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อเสด็จจากเมืองพิษณุโลกเพื่อมาเฝ้าพระราชบิดา (พระมหาธรรมราชาธิราช) ที่กรุงศรีอยุธยา เรียกกันโดยทั่วไปว่า วังหน้า หรือ วังใหม่ พระราชวังแห่งนี้สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จมาประทับที่พระราชวังนี้เป็นการถาวรเมื่อ พ.ศ. 2127 และมีการเรียกชื่อวังใหม่นี้ว่า “วังจันทร” ตามชื่อวังจันทรที่ประทับที่เมืองพิษณุโลก เมื่อปี พ.ศ. 2129 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงใช้ “วังจันทร” เป็นกองบัญชาการรับศึกหงสาวดี หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วยังประทับที่วังจันทรต่อมาอีก 5 ปี จึงพระราชทานวังนี้ให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเอกาทศรถ พระราชอนุชาซึ่งดำรงพระยศพระมหาอุปราช พระราชวังนี้ถูกเรียกว่า วังจันทร เรื่อยมา จนกระทั่งในสมัยสมเด็จพระเพทราชาโปรดให้เรียกว่า พระราชวังบวรสถานมงคล ตามชื่อตำแหน่งวังหน้าคือกรมพระราชวังบวรสถานมงคล แล้วภายหลังเรียกชื่อว่า พระราชวังจันทรเกษม ต่อมา ใน พ.ศ. 2287 พระราชวังถูกไฟไหม้เสียหาย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศโปรดให้ก่อสร้างซ่อมแซมใหม่ แล้วให้กรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์ พระมหาอุปราชประทับที่พระราชวังนี้ ภายหลังทรงต้องพระราชอาญาสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2298 พระราชวังจันทรเกษมก็ถูกทิ้งร้างเรื่อยมาจนกระทั่งเสียกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2310 พระราชวังจันทรเกษม เคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระมหาอุปราชที่สำคัญถึง 8 พระองค์ คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ เจ้าฟ้าสุทัศน์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ขุนหลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ) สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และกรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์ ภายหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310 พระราชวังจันทรเกษมได้ถูกทิ้งร้างไป มีการรื้ออิฐจากพระราชวังจันทรเกษมไปสร้างกำแพงพระนครที่กรุงเทพฯ ในช่วงต้นสมัยรัตนโกสินทร์ จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2404 ทรงโปรดฯให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์เป็นแม่กองในการดูแลก่อสร้างพระตำหนักและพลับพลาที่ประทับ จึงได้มีปรับปรุงบูรณะ เพื่อใช้สำหรับเป็นที่ประทับในเวลาที่พระองค์เสด็จประพาสพระนครศรีอยุธยา และโปรดพระราชทานนามว่า พระราชวังจันทรเกษม เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2436 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชวังจันทรเกษมให้เป็นที่ทำการของมณฑลกรุงเก่า โดยใช้พระที่นั่งพิมานรัตยาเป็นที่ทำการ จนพระยาโบราณราชธานินทร์ ดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า ได้มีการจัดสร้างอาคารที่ทำการภาคขึ้น แล้วย้ายที่ว่าการมณฑลจากพระที่นั่งพิมานรัตยามาตั้งที่อาคารที่ทำการภาค พระยาโบราณราชธานินทร์ ได้รวบรวมวัตถุสิ่งของสำคัญในบริเวณกรุงเก่าและบริเวณใกล้เคียงไว้เป็นจำนวนมาก มาเก็บรักษาไว้ที่พระราชวังจันทรเกษม จนในปี พ.ศ. 2445 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงแนะนำให้พระยาโบราณราชธานินทร์ จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่เรียกว่า โบราณพิพิธภัณฑ์ โดยใช้ตึกโรงม้าพระที่นั่งเป็นที่เก็บรวมรวม ต่อมาในปี พ.ศ. 2447 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายวัตถุต่างๆ จากโรงม้าพระที่นั่งเข้ามาเก็บรักษาและตั้งแสดงที่บริเวณอาคารพลับพลาจตุรมุข และต่อเติมระเบียงตามแนวอาคารด้านทิศเหนือและทิศตะวันออก เพื่อจัดตั้งวัตถุ ศิลาจารึก และประติมากรรมต่างๆ ใช้ชื่อพิพิธภัณฑ์ว่า อยุธยาพิพิธภัณฑ์ ต่อมาในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2479 กรมศิลปากร ได้ประกาศให้อยุธยาพิพิธภัณฑ์เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในนาม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม กำแพงพระราชวัง สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และที่ทำการมณฑลเทศาภิบาล จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมอีกครั้ง กำแพงพระราชวัง ปัจจุบันก่อเป็นกำแพงอิฐ มีใบเสมา มีประตูด้านละ 1 ประตู รวม 4 ด้าน แต่เดิมนั้นคาดว่ามีกำแพง 2 ชั้น เช่นเดียวกับวังหลวง พลับพลาจัตุรมุข ตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆกับกำแพงด้านหน้า ในสมัย ร.4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างอาคารพลับพลาทรงจตุรมุขแฝด โดยสร้างบนรากฐานของพลับพลาจัตรุมุขเดิมเพื่อใช้เป็นท้องพระโรงสำหรับออกงานว่าราชการและที่ประทับในเวลาเดียวกัน ภายในตั้งแต่งพระแท่นเศวตรฉัตรทำนองเดียวกันกับที่ประทับพระมหากษัตริย์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 พลับพลาจัตุรมุขชำรุดทรุดโทรม จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาไชยวิชิต ผู้รักษากรุงเก่าซ่อมครั้งหนึ่งและใช้เป็นศาลาว่าการเมืองกรุงเก่า ในปี พ.ศ. 2447 ใช้เป็นที่ตั้งอยุธยาพิพิธภัณฑสถานจนถึงรัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณะอีกครั้งหนึ่ง โดยให้พระยาโบราณราชธานินทร์เป็นผู้ดูแล การซ่อมคราวนี้ได้รื้อองค์พลับพลาลงทั้งหมด ได้มีการใช้คอนกรีตแทนเครื่องไม้ซึ่งเป็นของเดิม และขยายองค์พลับพลาให้สูงขึ้นอีก 1 ศอก พลับพลาองค์นี้เป็นพลับลาแบบ ฉมุข หรือพลับพลาจัตรุมุขแฝด (พลับพลาแบบจัตรุมุข 2 หลัง เชื่อมเข้าด้วยกัน) ด้านหน้าและด้านหลังมีมุขด้านละ 3 มุข ตรงกลางเชื่อมมุขด้านหนึ่งเข้าด้วยกันเป็นทางเดิน ตั้งอยู่บนชาลา ใกล้กำแพงด้านหน้าตรงประตูด้านตะวันออก มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ฐานขององค์พลับพลามีขนาดกว้าง 18.50 เมตร ยาว 31.30 เมตร หลังคามุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันตกแต่งด้วยลายพระราชลัญจกรปูนปั้นซึ่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีการบูรณซ่อมแซมหน้าบันโดยเปลี่ยนจากหน้าบันที่จำจากปูนปั้นเป็นไม้แกะสลัก แต่ยังคงลวดลายเดิมไว้ทุกประการ หน้าบันด้านหน้ามุขกลาง (ด้านทางเข้า) ลายพระราชลัญจกรพระราชโองการใหญ่ ขอบลายเป็นเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ลายภายในตอนบนเป็นอักษร 120 เป็นอักษรพราหมณ์ อ่านว่า โอม ตอนล่างเป็นอักษรขอม ถัดลงมาเป็นพระราชลัญจกรสยามโลกัคราช ที่ขอบที่ลายเบญจราชกกุธภัณฑ์ ในขอบลายมีอักษรขอม 4 บรรทัด แปลความได้ว่า ใบประทับตรานี้ของอัครราชาโลกสยามผู้สั่งสอนสรรพชนในแว่นแคว้น โดยพระราชลัญจกรทั้งสองสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าบันมุขด้านเหนือ ลายพระราชลัญจกรครุฑพ่าห์ เป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑ กรอบนอกเป็นวงกลมเรียกว่าองค์เดิม ใช้เป็นตราประจำแผ่นดินมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นตราพระราชลัญจกรสำหรับพระมหากษัริย์ที่จัดอยู่ในกลุ่มพระราชลัญจกรที่เป็นของเก่า อันประกอบด้วยพระราชลัญจกรมหาโองการ พระราชลัญจกรครุฑพ่าห์ และพระราชลัญจกรหงส์พิมาน และพระราชลัญจกรไอยราพต ตามหนังสือเรื่องพระราชลัญจกรและตราประจำตำแหน่งเรียบเรียงโดยพระยาอนุมานราชธน หน้าบันด้านหลังมุขใต้ ลายพระราชลัญจกรสังข์พิมาน เป็นรูปสังข์บนแว่นฟ้าในวิมานรูปปราสาทสามยอด สันนิษฐานว่าน่าจะหมายถึงพระอินทร์ผู้ทรงวิชัยยุตสังข์ หน้าบันด้านหน้ามุขใต้ ลายพระราชลัญจกรหงส์พิมาน เป็นรูปหงส์ประทับอยู่ในวิมานรูปปราสาทสามยอด กรอบนอกเป็นวงกลม ถือเป็นตราพระราชลัญจกรสำหรับพระมหากษัตริย์ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่เป็นพระราชลัญจกรที่เป็นของเก่า สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ทรงสันนิษฐานว่าหงส์พิมานน่าจะหมายถึงพระพรหม เทพเจ้าผู้ทรงหงส์เป็นพาหนะ หน้าบันด้านหลังมุขเหนือ ลายพระราชลัญจรไอยราพต เป้นรูปช้างสามเศียร บนหลังช้างเป็นบุษกประดิษฐานอุณาโลม แวดล้อมด้วยฉัตร 4 คัน กรอบนอกเป็นวงกลมเรียกกันว่า องค์ใหญ่ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ทรงสันนิษฐานว่าไอยราพตสื่อความหมายถึงพระอินทร์เทพผู้ทรงช้างเอราวัณเป็นพาหนะ หน้าบันด้านหลังมุขกลาง ลายพระราชลัญจรกมหาโลโต ในกรอบสี่เหลี่ยมตัวอักษรจีนอ่านได้ว่า “เสียมโหลกิกอ๋อง” (เสียมโหล = สยาม อ๋อง = กษัตริย์ ; เจ้าของบล็อก) ตามประวัติเป็นตราที่ได้รับจากจักรพรรดิจีนตั้งแต่สมัยอยุธยา (ในสมัยต้นกรุงศรีอยุธยาเมื่อเริ่มมีการค้ากับจีนเราจะติดต่อค้าขายกับจีนโดยตรงไม่ได้ จักรพรรดิจีนจะไม่ยอมค้าขายกับเรา เราต้องไปติดต่อผ่าน (คนกลาง) อาณาจักรริวกิว หรือปัจจุบันคือเมืองโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น จนเมื่อจักรพรรดิจีนยอมที่จะค้าขายโดยตรงกับไทยจึงมอบตรามาให้เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ : เจ้าของบล็อก) ถัดลงมาเป็นพระราชลัญจรมังครคาบก้ว หรือมังกรเล่นแก้ว เป็นตราพระราชลัญจรที่ไม่ปรากฏที่มา สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ทรงสันนิษฐานจากลวดลายว่าอาจจะเป็นของเก่าที่มีมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 และมีหลักฐานว่าในรัชกาลที่ 2 เคยถูกใช้ควบคู่กับพระราชลัญจกรไอยราพต ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานตราพระราชลัญจรนี้ให้เป็นตราสำหรับโบราณคดีสโมสร สิ่งที่สำคัญที่ที่สุดที่จัดแสดงอยูภายใน พลับพลาจัตุรมุข คือ พระราชอาสน์สำหรับประทับนั่ง (ราบ) ของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระแท่นบรรทม พระราชยาน และเครื่องราชูปโภคและเครื่องใช้ส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะเห็นได้ว่าส่งของหลายอย่างเป็นของตะวันตกครับ เช่น แชนเดอเลีย หม้อกรองน้ำ และเครื่องใช้ส่วนพระองค์หลายอย่างครับ นอกจากนี้ พลับพลาจัตุรมุข พระราชวังจันทรเกษม อยุธยา ยังเคยเป็น location ในการถ่ายทำภาพยนต์และละครหลายๆเรื่อง ที่เห็นชัดๆ คือละครโทรทัศน์เรื่อง ศรีอยุธยา ครับ พระที่นั่งพิมานรัตยา พระที่นั่งพิมานรัตยา เป็นหมู่ตึกกลางพระราชวัง ประกอบไปด้วยอาคาร 4 หลัง คือ อาคารปรัศว์ซ้าย อาคารปรัศว์ขวา พระที่นั่งพิมานรัตยา และศาลาเชิญเครื่อง ในพุทธศักราช 2442 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานกลุ่มอาคารพระที่นั่งพิมานรัตยานี้ให้เป็นที่ว่าการมณฑลกรุงเก่า ถ้าใครเคยได้ดูละคร สี่แผ่นดิน เวอร์ชั่น หม่อมน้อย หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ที่ อุ้ม สิริยากร แสดงเป็น แม่พลอย และ ธีรภัทร์ สัจจกุล แสดงเป็น คุณเปรม คงจะคุ้นตากับ พระที่นั่งพิมานรัตยา เป็นอย่างดีเชียวครับ ในละครสี่แผ่นดิน ได้สมมุติให้เป็นพระตำหนักของเสด็จฯ ของแม่พลอย และสมมุติให้อาคารปรัสศว์ขวาเป็นที่พักของ พลอย ช้อย และคุณสาย ฉากสำคัญในละครสี่แผ่นดินตั้งแต่พลอยเข้าไปอาศัยอยู่ในวังหลวงจนถึงคืนก่อนพลอยแต่งงานกันคุณเปรมเกิดขึ้นที่นี่ทั้งนั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่พลอยหัดพูด “ภาษาชาววัง” โดยมีประโยคที่คุ้นหูของใครหลายๆคนว่า “เสด็จฯ ให้มาทูลถามเสด็จฯ ว่า จะเสด็จหรือไม่เสด็จ ถ้าเสด็จฯ จะเสด็จ เสด็จฯ จะเสด็จด้วย...” เสด็จตรัสตอบให้กลับไปทูลเสด็จว่า “...เสด็จฯ จะเสด็จ ถ้าเสด็จฯ จะเสด็จด้วย เสด็จฯก็จะดีพระทัยมาก...” หรือแม้แต่ฉากที่เป็นคืนสุดท้ายก่อนที่พลอยจะแต่งงานกับคุณเปรม พลอยก็ได้ออกมานั่งคุยกับช้อยที่ลานกลางพระตำหนัก พระที่นั่งพิสัยศัลลักษณ์ (หอส่องกล้อง) ตั้งอยู่บริเวณกำแพงด้านทิศตะวันออกและทิศใต้ เป็นอาคารหอสูง 4 ชั้น ที่สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ต่อมาในสมัย ร. 4 ได้ทรงสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งตามแนวรากฐานอาคารเดิม และใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรดวงดาว พระราชวังจันทรเกษม - วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%A1 พระราชวังจันทรเกษม – พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง กรมศิลปากร http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/chantharakasem/index.php/th/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81-frontpage-2/10-about-us.html พระราชวังจันทรเกษม – สำนักงานราชบัณฑิตยสภา http://legacy.orst.go.th/?knowledges=%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%A1-%E0%B9%94-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99 พระราชวังจันทรเกษม – museum Thailand https://www.museumthailand.com/th/museum/Chantharakasem-National-Museum-- เที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (เที่ยวทิพย์) ตอนที่ ๕ - สมาชิกหมายเลข 2898082 https://pantip.com/topic/40977783 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม:Chantharakasem National Museum : FB Kenniegallery https://www.facebook.com/Kenniegallery/posts/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-62-%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%82-%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%A1-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%B1/1613332862164569/ http://www.sookjai.com/index.php?topic=47802.0;wap2... อ่านต่อ
0 Like0 Comment
photo