- หน้าแรก
/
- รูป RARK (ราก)


อาหารไทยครบรส หนึ่งในร้านที่จองยากสุด ๆถึงจะเป็นคนชอบชิม ชอบรีวิวอาหาร แต่เป็นคนที่ไม่ชอบการรอคอยอะไรนานๆ ที่เห็นได้ไปกินที่นู่นที่นี่อยู่เนืองๆ ก็เพราะอาศัยใบบุญเพื่อนที่มีดวงในการกด จิ้ม จอง ร้านที่ยากในการเข้าถึง
และแล้วก็มาถึงคิวร้านราก ร้านที่ได้ชื่อว่าเปิดให้จองปุ๊บ ภายใน 1 นาทีคิวเต็ม อเมซิ่งมากๆ วันนี้เลยจะมาขอแชร์ประสบการณ์ในหลากหลายแง่มุม ตั้งแต่สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจกดจองคิว การคัดเลือกเมนู การเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อบริหารความคาดหวังของตัวเอง เป็นต้น
[ข้อควรรู้เกี่ยวกับร้าน "ราก"]
1) ร้านนี้น่าจะเปิดมาได้ประมาณ 5 ปีแล้วจากคำบอกเล่าของเชฟ (แล้วเราไปอยู่ไหนมา ถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน)
2) เป็นร้านขนาดเล็กในโครงการหูกระจง บนถนนยานนาวา ละแวกถนนพระราม 3 เปิดให้จองเพียงวันละ 2 รอบ คือรอบ 18:00-19:45 และรอบ 20:00-21:45 วันอังคารถึงอาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) สามารถรองรับได้สูงสุด 10 คนต่อรอบ
3) ในแต่ละเดือนทางร้านจะเปิดให้จองล่วงหน้า โดยประกาศวัน/เวลาให้จองผ่าน 3 ช่องทางหลังคือ IG: rarkthai, FB: ราก Rark Authentic Thai Cuisine, และ Line : @rarkthai เมื่อได้คิวจองแล้ว จะต้องวางเงินมัดจำด้วยครับ
4) ร้านจะส่งลิงค์เมนูมาให้เลือกล่วงหน้า มีการกำหนดจำนวนจานขั้นต่ำในแต่ละรอบด้วย อาหารที่กินไม่หมด ทางร้านไม่มีบริการในการห่ออาหารกลับบ้านให้ด้วย แต่ถ้าจะพกภาชนะมาจากบ้านก็น่าจะอยู่ในวิสัยที่พอทำได้ครับ
[เมนูถูกปากไช้ชวนชิม]
พวกเรารวมตัวกันได้ 8 คน สั่งอาหารไปทั้งสิ้น 18 อย่าง บางอย่างสั่งมา 1 จาน บางอย่างสั่งมา 2 รวมแล้วนับได้ 31 จาน/ชามเห็นจะได้ กินแบบว่าเกินเลยไปมากๆๆๆ ถ้าจะให้รีวิวทุกจาน คงจะเมื่อยมือพอสมควร งั้นผมขอเจาะเฉพาะเมนูที่สร้างความตราตรึงใจเป็นพิเศษก็แล้วกันครับ
1) เมนูเปิดรสชาติ อันประกอบด้วยขนมปังสรรพรส + ข้าวมันส้มตำ สำรับนี้เสิร์ฟกันคนละชุดเลย (330 บาท) : ถ้าจะพูดไป ขนมปังสรรพรสนี่ก็ตามชื่อเลย คือมีหลายรส รสหลักคือน้ำพริกเผา XO ที่ spread บนขนมปังกระเทียมโบราณ มีปลาทูดองมาแซม บีบมะนาวเพิ่มความจี๊ดจ๊าด พอโยนเข้าปากแล้วก็มาต่อด้วยข้าวมันส้มตำ (ที่ไม่เห็นเมล็ดข้าว) เพราะมันคือเนื้อหอยเชลล์เด้งๆ คลุกเคล้ากับข้าวพอง มะม่วงสุก ผลไม้ ดอกไม้และน้ำยำ ถือเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่ครีเอทีฟมากๆ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
2) แกงส้ม 1 คืน (360 บาท) : ถือเป็นแกงถ้วยโปรดของผมเลย อย่างที่รู้กันดีว่าแกงส้มเมื่อต้มแล้วทิ้งไว้ค้างคืน รสชาติมันจะเข้มข้น กลมกล่อม เปรี้ยวถึงรสกว่าการกินตอนต้มเสร็จใหม่ๆ ความพิศดารของเมนูนี้คือ แทนที่จะใส่มะละกอ ดอกแค หรือผักรวม ร้านนี้เขาใส่มะเขือเทศ ช่วยรสความเผ็ดร้อนของเครื่องพริกแกงส้มไปได้มากพอสมควร อันนี้ถูกใจคนชอบแกงส้มแต่ไม่อยากหัวร้อน และแทนที่จะใช้เนื้อปลา หรือกุ้ง แกงส้มร้านนี้ใช้ซี่โครงหมูนุ่ม เรียกได้ว่าเป็นแกงส้มทวิสต์ที่มีรสชาติคล้ายสตูว์หมูที่มีรสอมเปรี้ยว
3) ไข่เจียวหอมแดง (120 บาท) : ถึงจะเป็นเมนูที่เรียบง่ายเวอร์ แต่การกินไข่เจียวคลุกข้าวสวยร้อนๆ กับอาหารรสเผ็ดจัด อันนี้มันเพิ่มอรรถรสอย่างเลี่ยงไม่ได้ ที่ร้านใช้ไข่เป็ดเจียวออกมาได้ฟูนอกนุ่มในจริงๆ ครับ
4) พล่าปลาทรายแดงใส่มังคุด (550 บาท) : เป็นหนึ่งในเมนูที่ผมจิ้มเป็นอันดับต้นๆ ข้อแรกคือ การทำเมนูปลาไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความพิถีพิถัน ตั้งแต่การเลือกวัตดุดิบ การแล่ การปรุงสุก และปรุงรสให้มีความเข้ากันได้ดี อย่าเมนูนี้เชฟเลือกที่จะใช้มังคุดทดแทนความหวานของน้ำตาล ฉะนั้นถ้าจะกินให้ครบรส ควรตักเนื้อปลา เครื่องเคียงสมุนไพร และให้โดนเนื้อมังคุดในทุกคำ ความรู้สึกเมื่อได้กินอาหารจานนี้เข้าไป เหมือนได้กินหลนผสมกับต้มข่าเลยครับ
5) ยำไก่ย่างใส่ชมพู่ (360 บาท) : คล้ายเมนูจานเมื่อกี้ แต่จานนี้ใช้ชมพู่แทนน้ำตาล เวลากินเครื่องยำจึงต้องตักชมพู่เข้าปากไปด้วยจึงจะครบรส รสยำจานนี้จะออกแนวเข้มข้น อารมณ์เหมือนกินเครื่องยำในยำถั่วพลูที่เราคุ้นเคย
6) ไอศกรีมมะปิ๊ดแตงไทยราดน้ำข้าวหมาก (210 บาท) : ของหวานถ้วยนี้รสชาติเปรี้ยวหวานชื่นใจมากๆ เนื้อไอศกรีมออกแนว sorbet กลิ่นหอมๆ มีการนำมะตูมเชื่อมมาโรยหน้าด้วย ดูดีทั้งหน้าตาและรสชาติเลย
จานอื่นๆ ที่ขอไม่ลงรายละเอียดก็จะมี ข้าวใหม่ปลามัน (220 บาท) คล้ายข้าวคลุกปลาทู หมูปั้นรากบัวทอด (220 บาท) จานนี้น่าลองเอาไปทำที่บ้าน ผสมหมูกับรากบัวแทนเนื้อกุ้ง ปลาหมึกคั่วพริกเกลือ (330 บาท) ก้อยกุ้ง (350 บาท) เมนูนี้ใช้ผักเคียงพื้นบ้านชื่อแปลก ๆ เยอะมาก ใครไม่ถนัดกินของดิบควรเลี่ยงเมนูนี้ครับ พล่ากะปิหมูหวาน (355 บาท) หน้าตาดี แต่จำรสชาติไม่ค่อยได้แล้ว ยำวุ้นเส้น (250 บาท) เมนูนี้เป็นที่ติดอกติดใจของสาวๆ แสร้งว่ากะเพรา (300 บาท) ไม่ได้ใช้ใบกะเพราแต่ใช้ลูกกระหวานกับใบยี่หร่าแทน ปลาหมึกผัดยอดมะพร้าวอ่อน (300 บาท) แกงเนื้อบางกอกน้อย (890 บาท) อีกหนึ่งเมนูไฮไลท์ของสายเนื้อ ทางนี้ไม่กินเนื้อวัว เลยขอข้ามไป แต่ขอบอกว่าหน้าตาดูดีมาก นำมะเดื่อฝรั่ง หอมแดงดองกับบีทรูท และมะเขือโบราณ มาช่วยชูรสแกงเนื้อเข้าไปอีก ส่วนขนมหวานอีกจานนี่ก็ชอบแต่ว่ามาตอนที่อิ่มท้องเกินไป นั่นคือ ข้าวเม่าน้ำกะทิ (220 บาท)
หมายเหตุ : อันนี้เป็นเมนูที่ผมชื่นชอบเป็นการส่วนตัว เพื่อนๆ อาจจะคุ้นลิ้นกับรสอื่นก็ได้ ลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ กันดูครับ อาจเจออาหารจานโปรดที่ไม่เหมือนผมก็ได้ครับ
[ไม่ใช่แค่รสอาหารแต่มันคือประสบการณ์รวม]
คิดตรึกตรองอยู่นานว่าเราควรจะให้ 4 หรือ 5 ดาวสำหรับร้านนี้ มีหลายอย่างที่ชอบ เช่นความมินิมอล การคัดสรรวัตถุดิบ รสมือของเชฟ รวมทั้งความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็มีบางอย่างที่ยังรู้สึกติดขัดอยู่บ้าง เช่น การเข้าถึงได้ยาก ข้อจำกัดเรื่องปริมาณ ความเร่งรีบในการรับประทานเพื่อให้ทันรอบ สุดท้ายขออนุญาตใช้อารมณ์ล้วนๆ มองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อย แล้วเทใจเพื่อให้กำลังใจเชฟทั้ง 2 ที่ต้องใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์ ปราณีตบรรจง รวมถึงความคล่องแคล่วว่องไวในการตระเตรียมทุกขั้นตอนเพื่อนำเสนออาหารที่คิดค้นขึ้นมาจนเป็นเอกลักษณ์ของร้าน โอเคแหละอาจมีไม่ถูกปากหรือถูกใจลูกค้าบางคน แต่ก็นั่นแหละนักชิมอย่างเราก็ต้องให้เกียรติเชฟ เขาคิดของเขามาดีแล้ว โอมากาเสะ เอาตามที่เชฟสะดวกและถนัดเลย ถูกใจเราก็มากินซ้ำ ไม่ถูกใจเราก็ move on สรรหาร้านใหม่ต่อไป ว่าแต่ถ้าจะมากินอีกที จะได้คิวเมื่อไหร่กันเนี่ย
0 Like0 Comment
