3.8
11 เรตติ้ง (6 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 23:00
บรรยากาศ Mighty Private Dining
บรรยากาศ
เปิดประสบการณ์ใหม่ที่มีแต่ความพิเศษ กับช่วงเวลาที่พิเศษ ในบรรยากาศพิเศษๆออกตัวก่อนว่าไม่มีความรู้ด้านอาหารการกินใดๆ เลย ครั้งนี้เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่กับชาวหมู่คณะกับร้าน Mighty Private Dining ซึ่งเป็นร้านอาหารแบบ Chef’s Table มีห้องครัวแบบเปิดมองเห็นการทำอาหารและความตั้งใจ บรรจงทำอาหารของเชฟ การเสิร์ฟอาหารแบ่งเป็นคอร์ส หากใครสนใจจะมาทานอาหารที่นี่ต้องทำการจองล่วงหน้าก่อนนะคะ --- ครั้งนี้ก็ได้ทำลองลิ้มชิมรสชาติอาหารกันทั้งหมด 6 คอร์ส ด้วยกัน เริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย จัดเสิร์ฟมาแบบเบาๆ ด้วยขนมปังกรอบที่ทาตับบดรสชาติละมุนลิ้น ไม่เลียนไม่คาวอร่อยมาก คอร์สแรก Entree : มี 3 จานด้วยกันคือ 1) Premium selections of cold cut and cheese จัดเสิร์ฟเป็นแฮม+ชีสหลากหลายแบบหลายหลากชนิด พร้อมกับขนมปัง สำหรับชีส วีสกี้ชีส และ ทรัฟเฟิลชีส จะเป็นชีสที่ทางร้านแนะนำให้ลองชิม เพราะรสชาติละมุนลิ้นสุดๆ ค่ะ 2) แซลมอนมีที่ซอส 2 แบบตรงหัวและท้าย ตรงกลางจะเป็นไข่ปลา พับชิ้นปลาเข้าหากัน แล้วทานคู่กับแผ่นธัญพืชสูตรเด็ดของร้าน+ผักสดที่เสิรฟมาคู่กันเล็กน้อย รสชาติดีมากๆ 3) Grilled tiger prawn,jalapeno dressing,mizuna salad เสริฟพร้อมสลัด ซอส jalapeno ที่มีรสเผ็ดแบบมิกซิกัน On top ด้วยเผือกฝอยทอด เพิ่มมิติให้อาหาร ส่วนรสชาติมันก็จะมีความ เผ็ดหน่อย ผสมผสานความหวานนิดๆ จากกุ้ง อร่อยลงตัวสุดๆ ตื่นตา ตื่นใจ สบายพุงกับคอร์สแรกไป ตามด้วย คอร์สที่ 2 Soup : Lobster bisque เป็นซุปที่นำทุกส่วนของ Lobster มาทำเลย รสชาติซุปเข้มข้นถึงรสชาติมากสุดๆ ตัวเนื้อ Lobster อร่อย หวาน กรุ๊บกรอบสุดๆ ส่วนขนมปังที่ทานคู่ซุปก็ดีไปอี๊กกกก คือเค้าเอาLobster มาบนและทำเป็นส่วนผสมหลักด้วย เข้าสู่ First Course : Raivoli seasanal mushrooms with porcini cream sauce ราวีโอลีไส้เห็ดราดด้วยซอสเห็ดพอร์ชินี กลิ่นหอมองเห็ดนำมาก่อนสิ่งใด ส่วนตัวไม่ชอบทานเห็ดเลย แต่พอมาเจอจานนี้ พูดได้คำเดียวว่า ดีงาม ถึงกลิ่นเห็ดจะลอยมาแต่ไกล แต่พอได้ชิมแล้วแทบไม่รู้สึกเลยว่าจานนี้ทำมาจากเห้ด ทั้งตัวราวีโอลีและซอสเข้ากันได้ดีมากถึงมากที่สุด แป้งและไส้ละมุน ซอสก็เข้มข้นอร่อยสุดๆ ไปเลยค่ะ Second Course : Seafood risotto อันที่จริงก็ไม่เคยคิดนะคะว่าจะได้มาทานอาหารฝรั่งเศส พอได้ลองทานแล้ว ว๊าว ถ้าเป็นมังงะ มีความลอยอยู่บนอวกาศ แสงออกตาอะไรทำนองนั้น 555 risotto ข้าวอร่อยเข้ากับซอสที่ผัด รสชาติออกหวานหน่อยๆ ไม่มีความเลี่ยนเลย ยิ่งได้ทานกับ Lobster ปลาหมึก และ หอยเชลล์ด้วยแล้วอร่อยมาก รับไปหลายจาน แล้วก็เข้าสู่ Main Course : มี 2 จาน ด้วยกัน คือ 1) Grilled will sea bass,cauliflower puree,lotus root chips and caramelized grapes in beurre noisette sauce ปลากระพงเนื้อแน่ๆ ย่างไฟอ่อนให้หนังกรอบนอกเนื้อนุ่มใน ราดซองเข้มข้น รสชาติดี รากบัวและผักต่างๆ ก็อร่อยเข้ากันอย่างลงตัว 2)Grilled Australian tenderloin,garlic potato puree,sautéed spinach with bordelaise sauce ส่งงานสเต็กเนื้อสันใน มาปิดท้ายคอร์ส โดยเลือกความสุกของเนื้อเป็นแบบ Medium well ถึงเนื้อจะสุกแล้วแต่เมือลงมืด ความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ก็ยังมีอยู่ ซอสที่ราดมาก็ดี ยิ่งทานกับมันบดที่เสิร์ฟมาคู่กันด้วยแล้วฟินลงไปถึงกระเพาะ และตบท้ายคอร์สสุดท้ายด้วย Dessert : passionfruit curd ,coconut crumble with deep-fried sweet pastry ข้างนอกเป็นโฟมนมเปรี้ยวเสาวรส โรยด้วยมะพร้าวกรอบ พอใช้ช้อนตักจะเจอไส้ด้านใน ซึ้งคลายมูสเสาวรสแต่แน่นกว่า แผ่นกรอบๆเป็นชีสทอดกรอบ รสชาติออกเค็มหน่อยๆ เมื่อทานรวมกันแล้ว รสชาติจะเปรี้ยวทำให้สดชื่น ล้างปากได้ และจะได้ความหวานหอมเล็กๆจากมะพร้าว ผสมผสานรสชาติเค็มหน่อยๆ จากตัวชีสทอด ถือว่าเป็นการปิดคอร์สได้ดีและลงตัวมากค่ะ 6 คอร์สผ่านไปไวเหมือนโกหก เวลาแห่งความสุข (ในการรับประทาน) และความพรีเมี่ยมส่วนตัวสุดๆ ผ่านไปอย่างเร็วรวด อาหาร ทั้ง 6 คอร์ส อิ่มมากๆ เรียกได้ว่าการมาเปิดประสบการณ์ครั้งนี้ประทับใจในทุกอย่างเลยก็ว่าได้ อาหารที่เสิร์ฟมาแต่ละจานมีศิลปะ สวยงาม ยิ่งได้ลองลิ้มชิมรสแล้ว รู้ว่าเชฟต้องใส่ใจและพิถีพิถันเป็นอย่างมากแน่นอน และที่สำคัญหมู่คณะในการรับประทานอหารที่ดียิ่งเพิ่มรสชาติการทานอาหารในมือนั้นให้อร่อยยิ่งขึ้นค่ะ และเนื่องจากตอนนั่งทานอยู่มีความตื่นตาตื่นใจ และ Enjoy ในการทานมาก ทำให้อาจมีข้อมูลผิดพลาด หากมีการรีวิวผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี่ค่ะ... อ่านต่อ
2 Likes0 Comment
photo