- หน้าแรก
/
- รูป อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว


ถังน้ำหนึ่งใบ กับใจถึงๆลมหนาวสุดท้ายของปี....!!!!?????
.
.
นี่มันปาเข้าไปกลางหน้าฝนแล้วนะเมิ้งไอ้คุณผู้เขียน
คือ คุณเมิ้งเอามาลงช้ามาก มากจนทำไมไม่รอให้มันต้นหนาวเลยละ จะได้ดูเข้ากับบรรยากาศหน่อย
.
แหม่ๆ... ก็มันจะรอไหวได้ไง
เห็นคนโน้นนี่นั่นเขาลงว่าไปเที่ยวป่าหน้าฝนมา สวยอย่างนั้น งามอย่างนี้ (อารมณ์นางร้ายอิจฉาคล้ายๆ) ก็เลยขอเกาะเทรนด์ โหนกระแสเอามาลงกับเขาเสียหน่อย
อีกอย่างช่วงนี้งานยุ่งแบบยาวๆ มาเรื่อยนะ...มันก็เลยเพิ่งจะได้เอามาลง (เป็นไง ดูเป็นข้อแก้ตัวที่ดูดีม่ะ...อิอิอิ)
.
.
ทริปนี้เป็นแบบไฟไหม้ น้ำร้อยลวก แผลผุผอง เป็นหนอง(ถรุ่ย!!!...ไม่ใช่โทนาฟ โฆษณาแฝงตลอด)
สืบเนื่องมาจากโดนเทโดยคุณแม่ของข้าพเจ้าเอง (ทำเป็นเอาแม่มาอ้าง กรูเห็นทุกทริปของคุณเมิ้งผู้เขียนก็ไหม้ทุกทริปแหละ...) คือ ปรกติผู้เขียนจะต้องเดินทางกลับบ้านทุกอาทิตย์
แต่มาคราวนี้แม่หนีเที่ยวก่อน ตอนที่เรากำลังกลับบ้านพอดี เลยทำให้เข้าบ้านไม่ได้
ก็เลยตัดสินใจ เปิดกูรู้ (กูเกิ้ล) ว่ามีที่แถวไหนน่าสนใจแถวๆ นี้สไตล์เที่ยวคนเดียว สองวันหนึ่งคืนได้
ไม่สิ ไม่ได้เที่ยวคนเดียว เพราะจริงๆแล้วก็มีเพื่อนรู้ใจที่ตามติดไปด้วย ก็พวก "เหล่ายอดมนุษย์ Humaniod" ทั้งหลายที่พอได้พวกเขาแก้เหงา เวลาออกเที่ยว
ดังนั้น...ทริปนี้จะเป็นตัวน้อยตัวไหน ต้องคอยไปลุ้นกัน
.
.
โต้ลมหนาว
ฝ่าความมืด
นอนขดตัวในถุงนอนในรถ ที่จุดบริการประชาชนและความมั่นคงตามแนวชายแดน “บุญมีจุ้ย” ของพี่ ตชด. จากประมาณตีสามของเมื่อคืนจนถึงเจ็ดนาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น พอดีที่นาฬิกาปลุก ก็รีบตื่น เดินปากหวาน (ยังไม่แปรงฟันเลย...มันจะหวานตรงไหนว่ะ) ขอใช้บริการห้องน้ำของพี่ ตชด. เขาเพื่ออาบน้ำแปรงฟัน ด้วยอุณหภูมิของน้ำที่ไม่จำเป็นต้องใหล้จุดเยือกแข็งหรอก เพราะแค่นี้ก็จะแข็งตายอยู่ละ บอกได้คำเดียวเลยว่า “โค_รจะสดชื่น)
.
.
ขับรถยนต์ต่อมาเรื่อยๆ ตามทางโค้งที่คดเคี้ยวและสูงชันขึ้นเรื่อยๆ
ตัดสลับกับไร่สับปะรดที่ปลูกตามไหล่เขา อันเป็นผลผลิตส่วนหนึ่งของ “สับปะรดห้วยหมุ่น” ที่ขึ้นห้างโมเดิร์นเทรดอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นใครที่แวะเวียนมาเที่ยวแถวนี้แล้วละก็
อย่าลืมอุดหนุนพี่ๆเกษตรกรไทยเขาด้วยละ
มาได้ประมาณ 10 กม.
ผมก็มาถึงยัง “อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว”
ใช่แล้วครับ คุณๆ อ่านไม่ผิดหรอก วันนี้ผมกำลังจะไปสอยดาวที่ ภูสอยดาว....(แท๊นแท่นแทนนนน...ซาวด์เปิดตัวเล็กน้อย เพื่อให้ดูยิ่งใหญ่)
.
.
ชั่งน้ำหนักกระเป๋าเสร็จ
รับบัตรลูกหาบแล้ว
จองเต๊นท์เรียบร้อย
จ่ายเงินมัดจำค่าขยะ
ลงชื่อนับชิ้นสิ่งของครบ (คือ ที่นี่เขามีโครงการ...ถ้าใครเก็บขยะที่ตัวเองทำขึ้นลงมาทิ้งด้านล่าง มีคืนเงินให้นะคร้าบบบ)
ก็รีบฟาดอาหารเช้า(มื้อใหญ่)
เพราะนอกจากอาหารเช้าจะสำคัญแล้ว
การเตรียมพลังงานก็สำคัญ
อิ่มท้อง พักสายตาชมบรรยากาศความหึกเหิมของหนุ่มๆ สาวๆ ที่มาเที่ยวเพลินๆ พี่เจ้าหน้าที่อุทยานก็เรียกให้ไปขึ้นรถยนต์ เพราะเขาจะพาไปส่ง เพราะจุดขึ้นภูที่นี่จะต้องนั่งรถต่อไปอีกจุดหนึ่งซึ่งจะมีพี่ๆ เขาค่อยให้บริการอยู่
.
.
จุดปล่อยตัวที่จะขึ้นภูสอยดาวนี้ ก็จะอยู่หน้าน้ำตกภูสอยดาวพอดี
ซึ่งจุดนี้ไม่มีอะไรมาก เพราะเราจัดการมาเรียบร้อยแล้ว
ทำได้เต็มที่ก็คือ ตรวจข้าวของให้พร้อม ตรวจบัตรสัมภาระแล้วก็เดินขึ้นภูกันได้เลย
.
ทางเดินขึ้นภูระยะแรกๆ นี้ ก็จะเป็นเส้นทางลัดเลาะน้ำตกภูสอยดาวไปเรื่อยๆ
ดังนั้นถ้าใครเดินไม่รีบร้อนนักก็แวะพักถ่ายรูปกันบ้างก็ได้นะครับ
เพราะน้ำตกแต่ละชั้นที่นี่ ชื่อเพราะๆ ทั้งนั้นเลย ซึ่งอ่านแล้วก็เพลินไปอีกแบบ
.
6 กม. กับเนินแต่ละเนิน ที่เห็นชื่อแล้ว ก็บ่งบอกได้เลยว่า
ไม่ธรรมดา เช่น เนินส่งญาติ (ซวยละมาคนเดียว..เหงาตายแน่)
หรือจะเป็น เนินมรณะ (แย่ไปกันใหญ่...เป็นไรขึ้นมานี่ซวย กลายเป็นคนไร้ญาติขึ้นมาทันที)
.
ซึ่งพอเดินมาได้ครึ่งทาง ก็พูดปลอบใจกับตัวเองได้ว่า
เราช่างโชคดีจริงๆในเรื่องของการเตรียมตัว
โดยเฉพาะวันนี้ที่ผมได้ใช้บริการ “สตั๊ดแม้ว”
เพราะถ้าตัดสินใจฝากชีวิตไว้กับ รองเท้าเก่าๆ ที่คิดเสียดาย หากใส่คู่ดีๆ มานี่ ชีวิตลำบากเลยถ้ามันขาดขึ้นมา ดังนั้นแนะนำเลยว่า อย่าเสียดายถ้าจะต้องใส่รองเท้าคู่ใหม่มา
.
พักกินข้าวเที่ยงที่เนินป่าก่อ
แล้วพอเดินผ่านเนินมรณะมาได้ ก็รู้สึกขอบใจตัวเองที่ยังมีชีวิตอยู่
เพราะวิวตรงนี้สวยจริงๆ ยิ่งมีกลุ่มเมฆฝนเข้ามาด้วย งดงามและอลังมากกก (ช่วงนี้เปลี่ยนฤดู จึงมีฝนตัดสลับเข้ามา)
.
6 จุดกว่าๆ ชั่วโมง คือจำนวนเวลาที่ผมใช้ไป
ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานมาก แต่ก็เอาน่า...แวะถ่ายรูปตลอดนี่นา (อิอิ...แก้ตัวอีกแล้วคุณเมิ้งงง)
เอาเป็นว่าโม้มาเยอะละ...ผมขอตัวจัดการกับที่พัก
เบิกอุปกรณ์ (ถังน้ำเลี้ยงชีวิต) ที่จำเป็นก่อนละกัน
ปล่อยให้ภาพถ่ายเป็นตัวเล่าเรื่องต่อละกัน
.
.
แล้วเจอกันใหม่..ทริปไฟไหม้หน้า อิอิ
0 Like0 Comment
