4.1
107 เรตติ้ง (73 รีวิว)
อาหารไทย฿฿฿฿฿
เปิดอยู่จนถึง 22:00
หน้าร้าน บ้านสุริยาศัย
หน้าร้าน
สวยใสสไตล์ชาววัง นั่งคอระหงกินอาหารประหนึ่งผู้รากมากดีที่บ้านสุริยาศัยวันนี้เรานึกอยากจะอัพเลเวลความเว่อร์วังให้เต็มขั้นกับการเดินทางย้อนเวลาเล็กๆมากินอาหารเย็นที่บ้านไทยสุดอลังการใจกลางเมืองบนถนนสุรวงศ์กับอาหารไทยแบบที่เค้าทำกินกันในครอบครัวชั้นสูงเท่านั้น หลายคนคงนึกไม่ออกว่าที่ไหน ให้นึกถึงร้านพิซซ่าเก่าตรงหัวมุมถนนทรัพย์ บ้านหลังนี้ในตอนนี้ได้กลายร่างเป็นบ้านสุริยาศัยในสีขาวเด่นสะดุดตากับสถาปัตยกรรมตะวันตกร่วมสมัย สไตล์โคโลเนียล เรามาลองทั้งแบบเซตเมนูและแบบa la carte สั่งมั่วตามใจฉัน สำหรับเซตเมนูวันนี้นี่ดูผ่านๆเหมือนไม่ค่อยมีอะไรแต่ถือว่าปริมาณพอเหมาะอิ่มมากเลยทีเดียว เริ่มจากของว่างสามอย่าง สะเต๊ะไก่ที่เนื้อนุ่มดี ขนมเบื้อง และปลาแห้งแตงโม โดยรวมถือว่าอร่อยดีแต่ไม่ว้าวเท่าไหร่ ต่อมาคั่นเวลาด้วยต้มยำกุ้งน้ำใสโบราณก่อนจะเข้าเมนคอร์ส อุ๊ยตายละเสิร์ฟเหมือนตามร้านfine diningเลยให้รองท้องล้างปากล้างท้องด้วยซุป และเมื่ออาหารมาถึง คุณพระ มันช่างเว่อร์วังสมดังที่หวังไว้จริงๆ อยากจะร้องดังๆกว่าปาล์มมี่กับกุ้งแม่น้ำตัวยักษ์ที่มันกุ้งเยิ้มเต็มหัว ใครจะขูดมาผสมกับต้มยำน้ำใสให้เป็นน้ำข้นมันกุ้งตามสูตรชนชั้นสูงแบบที่พนักงานกระซิบบอกย่อมได้ หรือจะตักมันกุ้งเนื้อกุ้งกินเพลินๆก็เริ่ดอยู่ น้ำต้มยำรสชาติกลมกล่อมไม่จัดจนเกินไป ซดได้คล่องคอ พอมาถึงจานหลักที่เริ่มด้วยยำใหญ่ใส่สารพัด และผัดไหลบัวปลาหมึกพริกเหลืองเรากลับรู้สึกเฉยๆ พอดีวันนี้คุณเพื่อนที่มาด้วยกันไม่กินเนื้อวัวอีกเลยจัดการเปลี่ยนเป็นแกงเขียวหวานที่ใช้ได้ แต่ก็อีกนั่นแหละไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นแปลกใหม่ ส่วนจานหลักอันสุดท้ายเราเขี่ยเมนูพริกขิงทิ้งแล้วสลับเป็นปลาทูทองที่แค่ชื่อก็แปลกประหลาด เค้าเอาปลาทูไปทอดแบบขนมปังหน้าหมูแล้วดันออกมาดีเว่อร์ๆ แบบเนื้อเด้งเข็ดฟันได้รสปลาทูด้วยและไม่เหม็นปลาทูเลย จบได้อย่างสวยงามเหมือนประหนึ่งยิมนาสติกลีลาที่ไม่เล่นท่ายากแต่จบแบบไม่ล้มละกัน แต่เดี๋ยวก่อนยังไม่สาแก่ใจคุณเพื่อนผู้ซึ่งขอนอกรอบด้วยต้มจืดปลาหมึกยัดไส้หมู ห่อหมกหอยเชลล์ และหมูผัดส้มเสี้ยว (อย่าแปลกใจไปนี่เพื่อนเราเอง ไม่ใช่ชูชก ต้องคอยเตือนอยู่บ่อยไป) สองจานแรกคือดีแต่จานสุดท้ายขอบอกตามตรงว่าเอาออกจากเมนูเถอะ มันเผ็ดแบบไม่ลืมหูลืมตาจนไม่อาจจะคิดได้ว่ายังจะมีใครที่สามารถละเลียดลง มาถึงของหวานในเซตคือกล้วยบวชชีคล้ายว่าจะเป็นสไตล์degustation แยกส่วนแล้วแปลสภาพวัตถุดิบทุกอย่าง ตัวกล้วยสีอมแดงนึ่งมาดีไม่เละเสิร์ฟเย็นกับวิปครีมกะทิรสชาติหวานเล็กๆกำลังดีเข้ากับกับกล้วยรสเปรี้ยวอมฝาด ด้านข้างมีขนมกลีบลำดวนอบควันเทียนหอมมันไว้กินแกล้ม ยังไม่พอเราตบท้ายสั่งมาอีกสองอย่าง เยลลี่ลิ้นจี่แช่แข็งที่รสชาติอร่อยเหมือนได้กินเยลลี่เฮลส์บลูบอยสีแดงสมัยยังเด็กและเนื้อสัมผัสของลิ้นจี่แช่แข็งดีมาก อีกอันเป็นไอศครีมกะทิและมะม่วงอย่างละลูกเสิร์ฟกับเครื่องเคียงลูกชิดสีฟ้าเก๋ไก๋และมะตูมเชื่อมสีตัดกัน ปิดฉากโชว์ได้อย่างงดงามกับของหวาน 10 10 10 ไม่มีหัก . . สรุปแล้วมื้อนี้ถ้าเฉพาะเซตเมนูโดนไปเบาะๆ 2190 บาทต่อหัว ร้องเจี๊ยกเลยเหรอ ถ้าอย่างนั้นแนะนำให้เลือกกินแบบ a la carte เฉพาะจานที่เราปลื้มจะดูดีกว่า จะได้ฟินตลอดทั้งมื้อ เผลอๆอาจจะออกมาถูกกว่าด้วย แค่มากินต้มยำกับปลาทูทอง(สองรูปแรกเป็น a la carte) ตบด้วยของหวานก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว ส่วนถ้าใครอยากรู้เรื่องdrinks และbar ก็ขอตอบแบบสารภาพตามตรงว่าไม่ได้ดื่มจ้ะเพราะหมดตัวแล้ว 555 แหม มาร้านบรรยากาศดีดีแบบนี้ขอ keep look นั่งคอระหงนิดนึง สื่อโจ่ย นั่นก็ไม่ดี...นี่ก็ไม่ได้ อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ https://www.facebook.com/pickynosey... อ่านต่อ
0 Like0 Comment
photo